เฟอร์กี้ ยิ้มแก้มปริ สุดยอดชัยชนะ7-1

หลังจากลูกทีมสอนเชิงโรม่าไป 7-1 ในเกมแชมเปี้ยนส์ลีก รอบก่อนรองชนะเลิศ นัดที่สอง ที่สนามโอลด์แทรฟฟอร์ด เมื่อวันที่ 10 เมษายนที่ผ่านมา ว่าฟอร์มอันร้อนแรงของแมนฯยูในเกมนี้เป็นการพิสูจน์ว่าทีมแกร่งพอที่จะคว้าเทรเบิ้ลแชมป์ตามที่ตั้งใจไว้ได้

เฟอร์กี้กล่าวด้วยว่า ชัยชนะครั้งนี้ยังถือเป็นผลการแข่งขันบอลยุโรปที่ยอดเยี่ยมที่สุดที่สนามโอลด์แทรฟฟอร์ดนับตั้งแต่คุมทีมนี้มา 21 ปีเต็ม

และผลงานของสโมสรจากอังกฤษในแชมเปี้ยนส์ลีกปีนี้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าพรีเมียร์ชิพเป็นลีกที่ดีที่สุดในยุโรป

ประเดิมด้วยการออกนำ 3-0 ในเวลาเพียงแค่ 8 นาที ไมเคิล คาร์ริค รับลูกเปิดของคริสเตียโน่ โรนัลโด้ และซัดผ่านอเล็กซานเดอร์ โดนี่ นายทวารโรม่าเข้าไป หลังจากนั้นอีก 6 นาที กาเบรียล ไฮน์เซ่ ต่อบอลกับไรอัน กิ๊กส์

ก่อนจะเปิดต่อให้อลัน สมิธ ยิงเข้าไปให้ทีมนำ 2-0 ถัดจากนั้น 2 นาที เวย์น รูนี่ย์ ก็เข้าชาร์จประตูให้ทีมนำห่าง 3-0

และทำ 2 ประตูให้เจ้าถิ่นในนาที 44 และ 49 เป็นประตูที่ 19 และ 20 ของปีกชาวโปรตุกีส ก่อนที่คาร์ริคจะทำประตูที่สองของตัวเองในนาที 60 ให้แมนฯยูทิ้งห่างไปถึง 6-0

ดาเนียเล่ เด รอสซี่ ตีไข่แตกให้โรม่าได้ในนาที 69 แต่ปาทริซ เอวร่า ก็มายิงปิดท้ายในนาที 89 ให้แมนฯยูชนะไปอย่างเหนือชั้น 7-1 รวมผล 2 นัด ชนะ 8-3 ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2002

ยังคงช็อคกับผลการแข่งขัน ไม่มีใครคาดคิดว่าเกมจะจบลงอย่างนี้ การขึ้นนำเร็วของแมนฯยูทำให้เกมเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง และโรม่าแพ้ย่อยยับเพราะขาดประสบการณ์อย่างแท้จริง

นับตั้งแต่รีล มาดริด เอาชนะเซบีญ่า 8-0 ในฤดูกาล 1957-1958 เป็นความปราชัยในบอลถ้วยยุโรปที่เลวร้ายที่สุดของโรม่า และเป็นชัยชนะที่ดีที่สุดของแมนฯยูนับตั้งแต่ถล่มทีมวอเตอร์ฟอร์ดของไอร์แลนด์ 7-1 ในเกมยูโรเปี้ยนคัพฤดูกาล 1968-1969

เจ้าหน้าที่ตำรวจเมืองแมนเชสเตอร์ต้องเข้าควบคุมสถานการณ์ความวุ่นวายของแฟนบอลทั้งสองฝ่าย ก่อนจะมีฮูลิแกนถูกจับกุมรวม 21 ราย และมีแฟนบอลอิตาเลียนถูกตั้งข้อหา 4 ราย

จาก หนังสือพิมพ์มติชน