เสาร์นี้แล้วซินะที่เกมช้างชนช้าง ณ โรงละครแห่งความฝันจะอุบัติขึ้นให้แฟนบอลได้ลิ้มรสอูมามิ (อร่อย กลมกล่อม)
และในเมื่อ จ่าฝูง แมนฯ ยูไนเต็ดจะเปิดบ้านต้อนรับ รองจ่าฝูง เชลซี นั่นจึงหมายความว่าบิ๊กแม็ตช์นัดนี้อาจส่งสัญญาณบ่งบอกอย่างไม่เป็นทางการก็ได้ว่าทีมไหนที่จะเข้าป้ายได้แชมป์พรีเมียร์ลีกไปกกกอด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเกมจบลงโดยมีผู้ชนะ ก็คงเป็นทีมนั้นแหละที่น่าจะครองความเป็นเจ้าแห่งเมืองผู้ดีในซีซั่นนี้
อย่างไรก็ตาม หลังจากผีแดงมีอันต้องเสียกองหน้าฟอร์มฮ็อตอย่างเวย์น รูนีย์ จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าสิงโตน้ำเงินครามกำลังลูบปากอย่างสบายอารมณ์
จะว่าไปแนวโน้มแห่งอนาคตน่าจะพลิกไปตกอยู่กับถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์แล้วด้วยซ้ำในเมื่อแชมป์เก่าประสบกับปัญหาอันน่าหนักอกในช่วงเข้าด้ายเข้าเข็ม
กับการปราศจากรูนีย์ หากไม่อาจถลกหนังสิงโตได้อย่างน้อยเจ้าถิ่นก็น่าจะแชร์แต้มกับเศรษฐีเมืองกรุงให้ได้
เพื่อที่พวกเขาจะยังคงนำฝูงต่อไปภายใต้สถานการณ์ที่ง่อนแง่นสิ้นดี
เป็นที่เชื่อกันในวงกว้างว่าหากผีแดงปราศจากรูนีย์แล้วไซร้ พวกเขาก็คงไม่ต่างอะไรกับผีสามบาท
ขึ้นอยู่กับว่าเชลซีจะบุกมาเยือนโอลด์ แทรฟฟอร์ดด้วยการชวนเจ้าถิ่นทะเลาะเพื่อเก็บสามแต้มกลับรังให้ได้สถานเดียวหรือเปล่าเท่านั้น
หากทำสำเร็จ สิงห์บลูส์ก็จะกระโดดนำฝูงและมีโอกาสเข้าวินสูงทีเดียว
พิจารณาแล้วจึงน่าจะรับประกันชั้นหนึ่งได้เลยว่าเสาร์นี้ทั้งสองฝ่ายคงไม่ยอมลดราวาศอกให้กันแน่
ในฐานะเจ้าบ้าน แมนฯ ยูไนเต็ดย่อมมีดีในแง่ของกำลังใจ แต่ในทางกลับกันสิงห์บลูส์สบโอกาสเหมาะที่จะแซงหน้าไม่น้อยพลันที่รูนีย์ข้อเท้าพิการ
ฉะนั้นแล้วถ้าให้ดีทีมของคาร์โล อันเชล็อตติจึงสมควรเน้นเต็มสูบเพื่อมุ่งหวังถึงชัยชนะไปเลยจะดีที่สุด
อย่างไรเสีย ผีแดงคงไม่ยอมง่ายๆเช่นกัน แต่สุดท้ายใครล่ะที่จะเป็นแชมป์?
ไปถามพี่ป๋อของน้องเอ๋ แกคงบอกแบบเซ็งๆว่าจบฤดูกาลแมนฯ ยูฯเป็นแชมป์!
แต่ทั้งนี้พอไปถามมาร์กแซล เดอไซญี่อดีตกองหลังเชลซีแท้ๆ แกกลับชี้ว่าผีแดงนั่นแหละที่จะเป็นแชมป์
จึงออกจะน่าเซอร์ไพรซ์ไม่ใช่น้อยที่อดีตสตาร์ทีมชาติฝรั่งเศสซึ่งหันมาจับงานเป็นคอมเมนเตเตอร์กล้าฟันธงแบบไม่กลัวเสียโฉมอันหล่อเหลาขั้นเทพว่าอดีตสโมสรไม่มีทางเข้าวิน
ต่อให้แมนฯ ยูไนเต็ดไม่มีรูนีย์ด้วยนี่แหละ
พี่มาร์กชี้จุดอ่อนของเชลซีออกมาว่าอยู่ที่แผงกลางซึ่งยังไม่แน่นเท่าที่ควร
เทียบกับปีศาจแดงแล้ว พี่มาร์กแกมองว่าเด็กป๋าเล่นกันได้อย่างทรงพลังมากกว่าแม้จะไม่มีสตาร์ดังสักเท่าไหร่
อันนี้ก็ไม่รู้ว่าพี่มาร์กจะได้เห็นฟอร์มของแฟร้งค์ แลมพาร์ดกับฟลอร็องต์ มาลูด้าในระยะหลังบ้างหรือเปล่า
แต่ก็เอาเถอะ เรามารอดูกันดีกว่าว่ากูรูผิวสีจะมองอนาคตได้ขาดแค่ไหน
เครดิต อ.ธีระ