อเล็กซ์ เฟอร์กูสันไม่ควรชักช้า
มีเรื่องน่าชื่นใจแค่เรื่องเดียวในค่ำคืนวันพุธสุดท้ายของเดือนพฤษภาคมของชายชื่ออเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เมื่อม้าแข่งตัวโปรดชื่อ “ลาสต์ทรีมินิทส์” (หรือแปลไทยว่า เจ้าสามนาทีท้าย) เข้าเส้นชัยเป็นตัวแรกของการแข่งขันที่ลิงก์ฟิลด์พาร์ค
โดยที่มาของ=njvoyhoนั้นท่านเซอร์ตั้งชื่อม้าสุดรักเพื่อระลึกถึงเหตุการณ์นัดชิงชนะเลิศแชมเปี้ยนส์ลีกกับบาเยิร์น มิวนิค เมื่อ 10 ปีก่อน ซึ่งทีมแมนฯยูฯพลิกกลับมาชนะได้จากการยิงประตู 2 ลูกรวดในช่วงเวลา 3 นาทีก่อนผู้ตัดสินเป่านกหวีดยาว
นัดชิงชนะเลิศฟุตบอลยุโรปรายการเดียวกันเมื่อวันพุธที่ผ่านมา แมนฯยูไนเต็ดทำท่าจะประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเดิมกับเมื่อ 10 ปีก่อน เมื่อปล่อยให้บาร์เซโลน่าขึ้นนำไปอย่างรวดเร็วตั้งแต่นาทีที่ 10
สกอร์บอร์ดค้างเติ่งที่ 1-0 จนเข้าช่วง 20 นาทีสุดท้ายของเกม กองแช่งทั้งหลายกัดเล็บแทบฉีก เมื่อเห็นการพลาดโอกาสทองครั้งแล้วครั้งเล่าของเหล่านักเตะบาร์เซโลน่า แต่ทุกอย่างเหมือนถูกเขียนสคริปต์มาล่วงหน้าแล้ว เมื่อนักเตะที่เตี้ยที่สุดในสนามแต่เก่งที่สุดในโลกอย่าง ลิโอเนล เมสซี่ ทะยานขึ้นโขกประตู 2-0 ให้บาร์เซโลน่านำแชมป์เก่า ทำลายความหวังทั้งปวงในการจะพลิกเกมกลับมาของเหล่าผู้เล่นปิศาจแดง
และทำลายความฝันของท่านเซอร์ที่จะพาแมนฯยูไนเต็ดทำสถิติคว้าแชมป์ยุโรปให้ได้ 4 สมัยเท่าทีมชั้นยอดอย่าง ไอแอ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม และ บาเยิร์น มิวนิค รวมถึงการขยับเข้าใกล้แชมป์ 5 สมัยของคู่ปรับตลอดกาลอย่าง ลิเวอร์พูล อีกด้วย
สมัยยังไม่มี “เซอร์” นำหน้าชื่อ เฟอร์กูสันเข้ามารับงานที่โอลด์แทรฟฟอร์ดเมื่อปี 1986 และวางเป้าหมายระยะยาวไว้ในใจลึกๆว่าจะพาปิศาจแดงทำลายสถิติทุกอย่างที่ลิเวอร์พูลเคยทำไว้ เพื่อการเป็นเบอร์หนึ่งตัวจริงเสียงจริงบนเกาะอังกฤษ
ทีมปิศาจแดงภายใต้การทำทีมของเฟอร์กูสันเข้าใกล้ความฝันนั้นทุกขณะจิต เมื่อทำสถิติได้แชมป์ลีกสูงสุด 18 สมัยเท่าลิเวอร์พูลเรียบร้อยแล้วในปีนี้ แต่ความพ่ายแพ้ต่อบาร์เซโลน่าในนัดชิงยูฟ่าแชมเปี้ยนสลีกอย่างสู้ไม่ได้ รวมถึงท่าทีกระด้างกระเดื่องของศิษย์รักอย่าง โรนัลโด้ และนักเตะหนึ่งในกลจักรสำคัญในการสร้างประวัติศาสตร์ของแมนฯยูไนเต็ดอย่าง คาร์ลอส เตเวซ เปิดใจถึงความคับที่อยู่ได้คับใจอยู่ยากในโรงละครแห่งความฝันแห่งนี้
ทำให้ใครหลายคนเริ่มตั้งข้อสังเกตว่า เวทย์มนต์ของนายใหญ่แห่งโอลด์แทรฟฟอร์ดชักหมดความขลัง อาจใกล้ถึงเวลาที่เซอร์อเล็กซ์จะวางมือเสียแล้ว
เรื่องแย่กว่านี้อาจกำลังแห่แหนตามกันมา หากลิเวอร์พูลในซีซั่นหน้ายังโชว์ฟอร์มได้ในมาตรฐานเทียบเท่าหรือดีกว่าปีนี้ แมนฯยูไนเต็ดจะยังดีพอที่จะคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกอีกหรือเปล่า ขวบปีที่ผ่านมาเป็นเรื่องราวของเวย์น รูนี่ย์ บวก คริสเตียโน่ โรนัลโด้ และพรรคพวก อาจจะถึงเวลาแล้วที่จะเป็นเรื่องราวของ เฟร์นานโด ตอร์เรส บวก สตีเว่น เจอร์ราร์ด และเหล่าขุนพลหงส์แดง
ความพ่ายแพ้ในเกมยุโรปเป็นสิ่งเกิดขึ้นได้ เพราะคู่แข่งคือทีมระดับท็อปจากลีกชั้นนำ แต่ความพ่ายแพ้ในนัดชิงชนะเลิศแบบคนไม่มีกะจิตกะใจจะสู้ มันนำความรู้สึกหนักหนากว่าความพ่ายแพ้มาสู่รั้วโอลด์แทรฟฟอร์ด
ก่อนเกมจะเริ่มต้นขึ้น แทบทุกคนต่างชูมือให้ทีมของเฟอร์กูสันเป็นต่อทีมของกวาดิโอล่า ซึ่งมันก็เหมือนจะเป็นเช่นนั้นจริงในช่วง 10 นาทีแรกของเกม แต่ทันทีที่ซามูเอล เอโต้ซัดให้บาร์ซ่าขึ้นนำในนาทีที่ 10 ทุกอย่างก็ไม่เหมือนกับความคาดหมายบนหน้ากระดาษเลย
หลังความพ่ายแพ้ สิ่งที่เราเห็นจากแมนฯยูไนเต็ดคือการเป็นผู้แพ้ที่ไม่ดีพอ นักเตะอย่างโรนัลโด้กล้าๆออกมาพูดว่าบาร์เซโลน่าไม่ควรเข้าชิงด้วยซ้ำ คาร์ลอส เตเวซ บ่นถึงการวางแท็คติคที่มั่วซั่วของเฟอร์กูสัน เป็นนัยว่านี่คงเป็นนัดสุดท้ายของเขากับแมนฯยูไนเต็ดแล้ว แม้แฟนๆจะไม่อยากเห็นเขาออกจากทีมไปเลยก็ตาม
แบ็คซ้ายที่ปากดีที่สุดในโลกอย่างเอฟร่า ถึงกับเงียบไปไม่เป็นเมื่อคำพูดโอหังของตัวเองย้อนกลับมาทำร้ายซะจนกองแช่งออกมาทับถมกันเต็มเมือง สร้างภาพลักษณ์ความปากเก่งกว่าฝีเท้าให้คนจดจำ หรือแม้แต่เฟอร์กูสันเองที่ยังออกมาพูดว่า ถ้าดาร์เรน เฟลทเชอร์ ไม่ติดโทษแบน พวกเขาจะไม่แพ้ในเกมแน่นอน ใครจะเชื่อว่าคนจริงอย่างท่านเซอร์ ก็แก้ตัวด้วยคำว่า “ถ้า” เป็นเหมือนกัน
คุณจะพูดคำว่าถ้าซักกี่หนก็ได้ เพราะยิ่งคุณพูดมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งตอกย้ำความบ้อท่าและการไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ของตัวคุณเองมากขึ้นเท่านั้น
แม้ความพ่ายแพ้แค่นัดเดียวจะทำให้อะไรดูแย่ไปหมด แต่เราต้องไม่ลืมความจริงว่าปีนี้ทีมปิศาจแดงสอยไปถึงสามแชมป์ และจะเริ่มต้นซีซั่นหน้าอย่างน่าพรั่นพรึงเหมือนเคยไม่ว่าจะยังมีเงา โรนัลโด้ หรือ เตเวซ ในทีมหรือไม่
โดยมีสามสิ่งที่ยังเป็นความสงสัยต่อแฟนแมนฯยูฯทั้งปวงคือ 1.ลิเวอร์พูลจะกระเหี้ยนกระหือมากขึ้นขนาดไหนเมื่อสถิติแชมป์ลีก 18 สมัยโดนทาบติดเสียแล้ว 2.ตระกูลเกลเซอร์มีแผนจะทำอะไรกับทีมต่อไป จะสร้างหนี้ให้เพิ่มมากขึ้น จนท่านเซอร์ไม่สามารถแม้แต่จะรั้งนักเตะอย่างเตเวซไว้กับทีมได้อย่างนั้นหรือ? และ 3.หัวจิตหัวใจและสุขภาพของตัวเซอร์อเล็กซ์เองที่ไม่รู้จะยังไหวกับภารกิจไล่เหยียบเงาลิเวอร์พูลรึเปล่า
การพูดคุยถึงตำแหน่งทายาทผู้จัดการทีมปิศาจแดงควรจะเริ่มมีขึ้นอย่างจริงจังได้แล้ว มิเช่นนั้นปัญหาทีมระส่ำจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอนเหมือนที่หลายๆทีมเป็นในยามหมดยุคกุนซือคู่บุญ หรือแม้แต่ที่เคยเกิดกับทีมพวกเขาเองหลังสิ้นยุคเซอร์แม็ท บัสบี้ ยิ่งเฟอร์กูสันวางตำแหน่งตัวตายตัวแทนที่แน่นอนได้ไวที่สุดเท่าไหร่ยิ่งดีต่อแมนฯยูไนเต็ดและตัวเขาเองที่จะวางมือได้อย่างหมดห่วง ไม่เหมือนเมื่อครั้งกลืนน้ำลายประกาศยกเลิกการรีไทร์ตัวเองเมื่อหลายปีก่อน เพราะไม่วางใจต่อสถานการณ์ที่กำลังดิ่งเหวของทีม ตำแหน่งไดเรคเตอร์ออฟฟุตบอลของสโมสสรอาจเป็นหน้าที่ที่ไม่เลวเมื่อเจ้าตัวตัดสินใจสละเก้าอี้ผู้จัดการทีม
เฟอร์กูสันอาจจะคิดวางมือทันทีที่แมนฯยูฯได้แชมป์ลีกสมัยที่ 19 แซงหน้าลิเวอร์พูล แต่มันจะเกิดขึ้นทันทีในปีหน้าเลยรึเปล่า ถ้าเกิดขึ้นจริง พวกเขาพร้อมจะสู้ศึกโดยปราศจากแม่ทัพอย่างเซอร์อเล็กซ์แล้วหรือยัง
ทีนี้มันก็ขึ้นอยู่กับแมนฯยูไนเต็ดแล้วล่ะว่าจะเดินหน้าต่อจากความพ่ายแพ้หมดรูปต่อบาร์เซโลน่าไปในทิศทางไหน..
* ขอบคุณข้อมูลจาก ไทมส์ออนไลน์
โจ้หลาเดียว
อเล็กซ์ เฟอร์กูสันไม่ควรชักช้า
หน้าแรกTeeNee ที่นี่กีฬา พูดคุยเรื่องฟุตบอลและกีฬาต่าง ๆ ปีศาจแดง แมนยู อเล็กซ์ เฟอร์กูสันไม่ควรชักช้า
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!