ไม่อยากจะเล่าเลย
เห็นกับตาเลย ยังติดตาอยู่
ตอนเย็นวันนี้ผมไปตลาด ขี่รถมอไซด์ไป (ตอนนี้ผมไม่ได้อยู่กรุงเทพแล้ว ผมมาเยี่ยมบ้านพ่อแม่ที่จังหวัดหนึ่งในภาคเหนือตอนล่าง คือช่วงนี้มหาลัยผมพักเทอมหรือคณะของผมปิดชั่วคราว) ผมเลยกลับบ้าน พอได้ของบางอย่างแล้ว ผมเลยขับรถกลับบ้าน ทางกลับบ้านมันค่อนข้างเปลี่ยว เป็นทางลาดยางแต่คนไม่ค่อยผ่านมากนักเพราะไกลจากตัวตลาดในอำเภอมาสัก 12 กิโลเมตร ข้างทางถนนเป็นป่าหญ้าแล้วก็ไร่นารกร้าง เพราะหมดช่วงเก็บเกี่ยวไปแล้ว แล้วมันจะมีโรงฆ่าสัตว์ร้างริมถนน มีกำแพงแนวยาว ในโรงฆ่าสัตว์ร้างนี้เคยมีหญิงแก่คนหนึ่งหลงเดินมาจะเก็บตำลึง แต่เป็นลมตาย เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อหลายปีที่แล้ว แต่ผมกำลังจะขับรถผ่าน เป็นคุณ ๆ คิดอย่างไรล่ะ ตอนนั้นมันตอนโพล้เพล้ด้วย ที่นี้ตอนผมขี่รถผ่านผมดันเห็น เอ.. ไม่สิชำเลืองเห็นแบบบังเอิญต่างหาก หญิงแก่ผมสีขาวระเรื่อ นัยน์ตาดูเหมือนจ้องมองผม ผมตกใจถึงขีดสุด เพราะเห็นหญิงแก่ยืนอยู่บนยอดหลังคาโรงฆ่าสัตว์แล้วชี้หน้าผม นัยน์ตาที่ไม่มีตาดำ คอแหงนขึ้น ปากอ้า ผมตกใจจนเผลอบิดแฮนด์เร่งความเร็วแล้วเหยียบเบรดในพร้อมกัน แขนผมงอไปทางซ้าย รถเลยกลายเป็นเหมือนดริฟไปทางซ้าย แต่ผมไม่มีทักษะเป็นนักแข่ง รถเลยล้มลง ให้ตายเหอะ ผมลุกขึ้นแบบทุลักทุเล จิตใจคิดแต่ให้สตาร์ตรถแล้วหนี แต่พอผมมองไปทางเดิม ตาผมมองสิ่งนั้นไม่เห็นแต่จิตสำนึกผมเห็น รอบกายเป็นข้างทางถนนที่เปลี่ยว ผมไม่รู้ว่าจะมีใครช่วย แต่ผมไม่อยากให้มันมี ผมอยากกลับบ้าน ผมตั้งสติแล้วขี่รถกลับบ้าน ภาพติดตามันหลอกหลอนมากนะครับ ใครที่เคยผ่านเหตุการณ์อย่างผมคงจะรู้ว่ามันทรมานขนาดไหน พอผมกลับมาบ้านแม่ก็ถามว่าเป็นอะไรมา ผมบอกว่ารถล้ม ขาผมถลอกเป็นแนวยาว แขนเปิงหมด เจ็บที่นิ้วก้อยข้างซ้าย ดูเหมือนนิ้วเคล็ด แต่ยังดีที่รถไม่เป็นไรมาก ผมรีบล้างแผลแล้วเปิดทีวีดูบอลคู่ที่น่าสนใจที่สุดตอนนี้( บ้านพ่อแม่ผมติดทรู) ผมพยายามลืมภาพนั้น แต่คุณก็รู้ว่าภาพจากจิตสำนึกมันติดตาขนาดไหน ผมไม่มีจิตใจดูบอลแดงเดือดเลย ถึงตอนนี้มันใกล้จบแล้วก็เถอะ แต่มันเป็นภาพติดตา
ถ้าหากคุณคิดว่าผมโกหกล่ะก็ เชิญเลย แต่ผมอธิบายให้คุณไม่ได่ละเอียด เพราะผมลืมไม่ลง และ
ภาพมันติดตา
พลรักผี
14 มีนาดม 2009
ตอนนี้มาพักร้อนอยู่ที่บ้านพ่อแม่ในจังหวัดหนึ่งทางภาคเหนือตอนล่าง