จุดโทษกูก็เอา!RVP เลิกฝืดส่งผีทุบหม้อ 2-0 นับถอยหลังสู่แชมป์
จังหวะนี้แล้วสำหรับโรบิน ฟาน เพอร์ซี่ที่ยุติการตีนฝืดไว้ที่ 10 เกมเมื่อเขาเรียกจุดโทษให้ทีมก่อนรับหน้าที่สังหารเข้าไปไม่มีเหลือ ส่งผลให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเอาชนะสโต๊ค ซิตี้ไปหมดจด 2-0 ทิ้ง 15 แต้มเหมือนเคยขณะเหลือเกมให้เตะอีกเพียง 6 นัด
พรีเมียร์ ลีก
วันเสาร์ที่ 14 เมษายน 2556 
สโต๊ค ซิตี้ 0 - 2 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
สนาม : บริทาเนีย สเตเดี๊ยม
ประตู :0-1 คาร์ริค น.4, 0-2 ฟาน เพอร์ซี่ น.66
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดยกพลมาเยือนถิ่นของสโต๊ค ซิตี้โดยหมายใจไว้ว่าต้อง 3 คะแนนเท่านั้น หลังสะดุดพ่ายคาบ้านต่อแมนเชสเตอร์ ซิตี้จนเหลือนำแค่ 12 คะแนน
เกมนี้เซอร์ อเล็กซ์จัดเต็มแบบสุดๆ หยิบเอาเวลเบ็คที่หลังๆชักจะฮามากกว่าเล่นดีเป็นแค่สำรอง แล้วส่งทั้งคากาวะ, รูนี่ย์, ฟาน เพอร์ซี่และเอร์นานเดซลงสนาม ก่ะเอาประตูให้ได้เน้นๆ
แนวรับวันนี้เฟอร์ดินานด์และวีดิชได้กลับมายืนคู่กันอีกครั้ง โดยโจนส์ถูกจับไปเล่นทางแบ็คขวา
ไปที่สโต๊คพวกเขาก็เน้นเกมนี้ไม่แพ้กันเลย เผลอๆอาจจะสำคัญกว่า เพราะมีคะแนนเหนือโซนตกชั้นอยู่เพียงแค่ 3 แต้ม ถ้าไม่รีบเก็บคะแนนให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้กับจำนวนนัดที่เหลือนี่ต้องบอกว่าเยี่ยวเหนียวแน่
ขยับดูสถิติของทั้งสองทีม ค่อนข้างจะผิดต่างกันชัดเจนเพราะแมนฯยูไนเต็ดนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนที่แพ้นอริช พวกเขาก็เพิ่งจะมาแพ้แมนฯซิตี้ไปเมื่อวันจันทร์นี้เท่านั้น ขณะที่ "ช่างปั้นหม้อ" อาการหนักไม่ชนะใครเลย 6 เกม แถมยังแพ้ไปตั้ง 5 ด้วย
ครึ่งแรก
ไม่ต้องตั้งตัว!คาร์ริคจิ้มเสียบผีขึ้นนำไวโคตร
เล่นกันมาแค่ 4 นาที เจอแบบนี้ช็อกเลยสำหรับสโต๊คที่อุตส่าห์บุกก่อน แต่พอโดนแมนฯยูฯสวนแล้วได้เตะมุม ฟาน เพอร์ซี่ก็โยนเข้าไปเสาแรกมีตัวชุลมุนกันสักพัก ก่อนคาร์ริคจะสบช่องสอดขึ้นมาเหยียดขาจิ้มบอลพุ่งเข้าไปเสียบเสาไกล เบโกวิชบินสุดๆแล้วแต่ไม่ถึง แมนฯยูไนเต็ดได้อย่างใจหวังนำ 1-0 
หมูขอส่องจนเบโกวิชต้องบิน
นาทีที่ 11 เกมแมนฯยูไนเต็ดดูเด็ดขาดและดุดันกว่ามากในช่วงต้นเกมนี้ แม้ว่าสโต๊คเหมือนจะได้ครองบอลอยู่บ้าง แต่โดนสวนทีมีเรื่อง รูนี่ย์พลิกเอาบอลไปส่องได้นอกกรอบเขตโทษ น้ำหนักทถึง แต่ทิศทางยังไหวสำหรับเบโกวิชที่พุ่งไปทุบทิ้งทัน
หม้อได้เสียวจากลูกเก่ง
นาทีที่ 20 ตอนนี้เป็นทีของสโต๊คที่ได้บุกลุยใส่แมนฯยูไนเต็ดบ้าง ก่อนจะมามีโอกาสลุ้นจากลูกตั้งเตะที่พวกเขาโยนไปเสาสอง แล้วฮูธขึ้นโขกเต้มหัว แต่บังคับทิศทางไม่ได้ บอลเลยพุ่งหลุดกรอบออกไป
เกมชักจะตึงๆ
เข้าสู่ช่วงครึ่งชั่วโมง เกมมันตึงเสียจริง เพราะแมนฯยูไนเต็ดเน้นเล่นเกมแน่นอน เวลาบุกก็ไม่ถึงกับเร่งมาก ส่วนสโต๊คก็บุกแบบไปไม่ค่อยจะสุดเท่าไหร่ เลยทำให้ไม่ได้มีจังหวะลุ้นอะไรมากมายนักของทั้งสองฝ่าย
เกือบหมี่เหลือง!ถั่วจิ้มสตั๊ดเข้าหัววิลกินสัน
นาทีที่ 35 ถึงจะไม่ได้ตั้งใจแต่เจอแบบนี้ใครก็ฉุนเหมือนกัน สำหรับจังหวะที่วิลกินสันพยายามจะโหม่งสกัดบอลเปิดของรูนี่ย์ที่ยัดเข้าเขตโทษ แต่ไปป๊ะกับสตั๊ดของเอร์นานเดซซึ่งพยายามจะเกี่ยวบอลลงเล่นจนถึงเลือด เจ้าตัวเข้าไปทำท่าจะเอาเรื่องดาวยิงร่างเล็กจนผู้ตัดสินต้องมาปรามแล้วให้ออกไปทำแผลที่หัวซะก่อน
ป๋าเลือดขึ้นหน้า!ชอว์ครอสส์เหนี่ยวถั่วคว่ำ
นาทีที่ 42 เล่นเอาเฟอร์กูสันไประเบิดไดร์เป่าผมใส่ผู้ตัดสินที่ 4 ซะหัวฟูสำหรับจังหวะนี้ที่เอร์นานเดซชิ่่งบอลต่อให้กับคากาวะแล้วพยายามจะควบไปทำท่า แต่โดนชอว์ครอสส์ตีคู่เข้ามาเหนี่ยวเอาไว้จนล้มคว่ำไปทั้งคู่ แต่เหมือนผู้ตัดสินไม่เห็นเลยไม่ว่าอะไร
ช่วงท้ายเกมนี่แมนฯยูไนเต็ดมีหายใจติดขัดเหมือนกัน เพราะสโต๊คได้บุกแล้วเตะมุมซึ่งเป็นลูกทีเด็ด 2 ครั้งติดจากการที่วีดิชสกัดบอลไม่ดี แต่ก็เอาตัวรอดกันมาได้
จบ 45 นาทีเป็นเกมที่เดาได้ยากพอสมควรเพราะเล่นบี้กันทุกส่วนของสนาม แต่ประตูตั้งแต่ช่วงต้นเกมของคาร์ริคก็ทำให้เกิดความแตกต่างกันขึ้น แมนฯยูไนเต็ดนำอยู่ 1-0 ก่อนกลับมาเจอกันอีกในครึ่งหลัง
ครึ่งหลัง
ได้แค่ด้านข้าง!RVP ซัดไม่ตรงกรอบ
นาทีที่ 52 เป็นการจ่ายที่ยอดเยี่ยมมากสำหรับเอร์นานเดซที่ได้บอลทางด้านขวาของสนาม ก่อนเหลือบเห็นเพื่อนแล้วจ่ายบอลทะลุช่องไปให้กับฟาน เพอร์ซี่ที่เกี่ยวเอาบอลให้เข้าซ้ายได้ แต่จังหวะซัดมุมมันตีบแล้วเลยอัดเข้าข้างหน้าต่างเท่านั้น
หม้อพยายามลุ้นแต่ยังไม่จะ
ใช่ว่าสโต๊คจะไม่มีโอกาส เพียงแต่มันไม่จะแจ้งเท่านั้น เริ่มตั้งแต่จังหวะที่วอลเตอร์สได้พลิกตัววอลเล่ย์ในเขตโทษ แต่มันยากไปหน่อยเพราะบอลเด้งมาไม่เป็นจังหวะ ก่อนที่อดัมส์จะมาลองส่งนอกกรอบดู บอลก็พุ่งตรงเข้าซองของเด เกอากันไป 
ปลดล็อกแล้วโว้ย!RVP ซัดจุดโทษเฉียบขาด
นาทีที่ 66 และแล้ว 10 นัดที่รอคอยมาก็สิ้นสุดลงสำหรับฟาน เพอร์ซี่เสียที เมื่อเขามาทำประตูปลอล็อกให้กับตัวเองหลังฝืดมาเต็มตีน จากจังหวะที่เขาได้บอลในเขตโทษแล้วล็อกหลอกจนวิลกินสันหลังหักก่อนจะเสียหลักเอาขาเกี่ยวจนแข้งเลือดดัตช์ล้มคว่ำ ผู้ตัดสินเป่าเป็นจุดโทษก่อนฟาน เพอร์ซี่ลุกขึ้นมาสังหารเอง แม้ว่าเบโกวิชจะพุ่งถูกทางแต่บอลมันเสียบมุมเหลือเกิน ทำให้ตอนนี้ "ปีศาจแดง" ทิ้ง 2-0 ถ้าไม่พลาดเองล่ะก็ 3 แต้มเห็นๆ
นอกจากนี่จะเป็นประตูที่ 20 ของเขาในฤดูกาลนี้แล้ว มันยังเป็นประตูที่ 50 ของฟาน เพอร์ซี่เมื่อนับรวม 2 ฤดูกาลหลังสุดในพรีเมียร์ ลีกอีกด้วย
ทำเล่นไป!ช็อตตันได้เติมมายิง
อีก 4 นาทีต่อมา จะมาคิดทำเล่นประมาทไม่ได้เลยสำหรับแมนฯยูไนเต็ด เพราะเอฟร่าไปปล่อยให้ช็อตตันที่เกี่ยวบอลซึ่งเปิดมาได้ ก่อนจะพลิกไปซัดเน้นๆ ยังดีที่ไม่หนีมือเด เกอาที่ล้มตัวรับเอาไว้แน่นหนึบ
หม้อร้องจะเอาจุดโทษบ้าง
นาทีที่ 70 แฟนบอลของสโต๊คร้องตะโกนพร้อมกันทั่วสนามจากจังหวะที่พวกเขาโยนบอลยาวขึ้นหน้าแล้ววีดิชเบียดอยู่กับโจนส์ก่อนจะลื่นแล้วไปกันทางถอยจะเอาบอลของหัวหอกผิวสีจนล้มคว่ำลงในเขตโทษ แต่ถึงอย่างนั้นผู้ตัดสินก็ไม่ได้ว่าอะไร
โอเว่นลงลุ้นยิงทีมเก่า
นาทีที่ 77 เรียกว่าได้รับการต้อนรับที่ดีของแฟนบอลทั้งสองฝ่ายเลยสำหรับโอเว่นที่ถูกเปลี่ยนลงไปเล่นแทนวอลเตอร์สต้องดูว่าเขาจะยิงทีมเก่าได้หรือไม่ ขณะที่แมนฯยูไนเต็ดส่งเวลเบ็คลงไปเล่นแทนเอร์นานเดซ
ผีปิดเกมไปแล้ว
เข้าสู่ช่วง 5 นาทีสุดท้าย ลองนำห่าง 2-0 แบบนี้เฟอร์กูสันจี้ให้ลูกทีมปิดเกมแน่นอนสำหรับแมนฯยูไนเต็ด ไม่ต้องบุกอะไรมากขึ้นไปแค่ที่กลางสนามก็พอเพื่อกันไม่ให้โดนสวน
จบ 90 นาทีแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดคว้าชัยชนะไปด้วยสกอร์ 2-0 ทำให้พวกเขามี 3 คะแนนเต็ม มีเพิ่มเป็น 80 คะแนนนำแมนเชสเตอร์ ซิตี้ในอันดับ 2 เป็น 15 คะแนนเหมือนเคย แม้ว่าจะเตะมากกว่า 1 เกม แต่เหลืออีกแค่ 6 นัดนั้นต้องบกอเลยว่าถ้าไม่เกิดเรื่องช็อกที่สุดในโลก ถ้วยแชมป์คงไม่หนีมือพวกเขาไปไหนแน่
ด้านสโต๊ค ซิตี้ยังคงต้องลุ้นต่อไปกับการแพ้อีกเกมเป็นการแพ้ 6 จาก 7 นัดหลังสุด ยังมี 34 คะแนนเหมือนเดิมและต้องหนีตกชั้นแบบลุ้นมากกว่าเดิม
รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม
สโต๊ค ซิตี้ : แอสเมียร์ เบโกวิช, ไรอัน ชอว์ครอสส์, เจฟ คาเมร่อน, โรเบิร์ต ฮูธ, ไรอัน ช๊อตตัน, แอนดี้ วิลกินสัน, เกล็นน์ วีแลน, สตีเฟ่น เอ็นซองซี่, ชาร์ลี อดัม, โจนาธาน วอลเตอร์ส, เควิน โจนส์
สำรองที่ไม่ได้ลงสนาม :
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด : ดาบิด เด เกอา, เนมันย่า วีดิช, ริโอ เฟอร์ดินานด์, ปาทริซ เอฟร่า, ฟีล โจนส์, ไมเคิ่ล คาร์ริค, ชินจิ คากาวะ, อันโตนิโอ วาเลนเซีย, เวย์น รูนี่ย์, ฮาเวียร์ เอร์นานเดซ, โรบิน ฟาน เพอร์ซี่
สำรองที่ไม่ได้ลงสนาม : 
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
