จะเก่งไปถึงไหน
หลังจากชมเกม พรีเมียร์ลีก นัดกลางสัปดาห์ระหว่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับ พอร์ทสมัธ เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา ซึ่งหลายท่าน หรือ อาจจะเป็นทุกท่านคงทราบกันไปแล้ว ว่า ปีศาจแดง เป็นฝ่ายกำชัยไปได้ 2-0 ด้วยรูปเกมที่ต้องบอกว่า ต้อนตืออยู่ฝ่ายเดียวแล้ว ทำให้ผมเกิดคำถามผุดขึ้นมาในใจว่า คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ปีกจอมสับชาวโปรตุกีส ซึ่งเหมาซัดให้ผีแดงคนเดียว 2 ตุงในเกมนี้ มันจะเก่งไปถึงไหนกัน
เมื่อครั้งที่ย้ายมาอยู่กับ แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นปีแรกในฤดูกาล 2003/04 โรนัลโด้ คือผู้เล่นดาวรุ่งที่มีฝีเท้า และความเร็วอันน่าตื่นตาตื่นใจ แต่หลายคนมองว่า เขายังคงต้อง พัฒนาตัวเองอีกมาก หากหวังจะก้าวขึ้นมาเป็นตัวตายตัวแทนของ เดวิด เบ็คแฮม อดีตขวัญใจเบอร์ 1 ของ สาวก เร้ด อาร์มี่ ซึ่งย้ายสวนทางออกไปอยู่กับ เรอัล มาดริด ในฤดูกาลเดียวกัน เนื่องจากเวลานั้น โรนัลโด้ มักจะชอบโชว์ออฟ บ่อยครั้งที่การโชว์ลีลาสับสยองของเขากลายเป็นความมั่วซั่ว และทำให้เพื่อนร่วมทีมต้องส่ายหัว
เอริก คันโตน่า ตำนานลูกหนังแห่ง โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เคยออกมาแนะแนวทางให้ โรนัลโด้ ว่า ตัวเขามีพรสวรรค์ทางลูกหนังอันเปี่ยมล้น และไม่มีกองหลังรายใดจะหยุดยั้งได้ในสถานการณ์ 1 ต่อ 1 กระนั้น อดีตเด็กสร้างสปอร์ติ้ง ลิสบอน ก็ยังมีจุดที่ต้องพัฒนานั่นก็คือ การทำประตู ซึ่งถ้าหากทำได้ เขาก็จะกลายเป็นนักฟุตบอลที่สมบูรณ์แบบอย่างแท้จริง
ถึงวันนี้ผ่านไป 4 ปีเศษ โรนัลโด้ ดูเหมือนจะรับฟังในสิ่งที่ เอริก เดอะ คิง แนะนำ และทำตามได้อย่างไม่มีที่ติ เมื่อมองจากสถิติเรื่องการทำประตูที่เพิ่มจำนวนขึ้นทุกฤดูกาล โดยในซีซั่น 2003/04 หรือ ซีซั่นแรกที่ย่ายมาสวมเครื่องแบบ แมนฯ ยูไนเต็ด หนูโด้ ซัดไป 6 ประตู ทำทางให้เพื่อนทำประตู 4 ครั้งจากการลงสนาม 40 นัดในทุกรายการ
ถัดมาในฤดูกาล 2004/05 โรนัลโด้ ลงสนามให้ แมนฯ ยูไนเต็ด 50 นัด ยิง 9 ประตู และแอสซิสต์ 4 ครั้ง ฤดูกาล 2005/06 ไอ้เจ็ทโด้ ขยับสถิติของตัวเองเพิ่มขึ้นเป็นยิง 12 ประตูทำ 7 แอสซิสต์จาก 47 นัด
ส่วน ฤดูกาล 2006/07 ซึ่ง ปีกทีมชาติโปรตุเกส สามารถพาต้นสังกัดเถลิงบัลลังก์แชมป์ พรีเมียร์ลีก ได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ย้ายเข้าสู่ โรงละครแห่งความฝัน พร้อมกวาดรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของอังกฤษไปครองได้ทั้ง 2 สถาบันนั้น เขาซัดไปถึง 23 ประตู และทำ 20 แอสซิสต์ ซึ่งจะเห็นได้ว่า ลูกรักของ ป๋าแพนด้า มีพัฒนาการด้านการทำ ประตูที่ดีขึ้นจริง ๆ แถมยังดีขึ้นแบบพรวดพราดเสียด้วย
เมื่อมองจากการที่ โรนัลโด้ เป็นผู้เล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์ สถิติยิง 23 ประตูจากฤดูกาล 2006/07 ก็ถือว่า เป็นเรื่องที่เหลือเชื่อมาก ๆ แล้ว และถ้าไม่นับ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน บรมกุนซือ ของ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่มีความเชื่อมั่นในฝีเท้าของศิษย์รักรายนี้อย่างมากแล้ว ก็คงจะมีแค่ไม่กี่คนที่กล้า ๆ คิดว่า โรนัลโด้ จะทำได้ดียิ่งขึ้นไปอีกในฤดูกาลถัดมา หรือ ฤดูกาลปัจจุบัน
จาก 2 ประตูในเกมต้อน ปอมปีย์ ทำให้ โรนัลโด้ นำโด่งเป็นดาวยิงสูงสุดของพรีเมียร์ลีกชนิดทำให้กองหน้าอาชีพหลายรายต้องอายม้วนต้วน โดยซัดไปแล้วทั้งสิ้น 19 ประตูจากการลงเล่น 20 เกม ส่วนยอดรวมจากการลงเล่น 28 นัดในทุกรายการนั้น พุ่งกระฉูดไปถึง 27 ประตูแล้ว!!!
จากการที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ยังเหลือเกมให้ลงเล่นอีก 17 นัดเป็นอย่างน้อยที่สุด และ 26 นัดเป็นอย่างมากที่สุด ทำให้ใครต่อใครพากันเชื่อว่า โรนัลโด้ น่าจะทำลายสถิติยิง 32 ประตูในหนึ่งฤดูกาลของ จอร์จ เบสต์ ซึ่งทำให้ ตำนานปีกพ่อมดของจริงที่ แฟนอสูรแดง ไม่มีวันลืมเลือนกลายเป็นผู้เล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์ หรือ ปีก ที่ยิงประตูในซีซั่นเดียวได้มาก ที่สุดของ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่ยืนยงคงกระพันมาตั้งแต่ฤดูกาล 1967-68 หรือ กว่า 40 ปีนั้น ลงได้ไม่ยาก
แต่หากหวังจะวัดรอยเท้าของ จอร์จี้ขี้เมา จริง ๆ แล้ว โรนัลโด้ จะต้องพา แมนฯ ยูไนเต็ด ผงาดขึ้นคว้าถ้วย แชมเปี้ยนส์ ลีก และซิวตำแหน่งนักฟุตบอลยอดเยี่ยมของนิตยาสารฟร้องซ์ ฟุตบอล หรือ บัลลงดอร์ มาครองให้ได้ด้วย เพราะในฤดูกาล 1967-68 ที่ เบสต์ ยิง 32 ประตูนั้น อัจฉริยะลูกหนังชาวไอริช สามารถพาทีมของ เซอร์ แม็ตต์ บัสบี้ คว้าแชมป์ยู โรเปี้ยน คัพ มาครองได้สำเร็จ ขณะที่ตัวเขาเองก็ได้รับเลือกให้เป็นแข้งเบอร์ 1 ของยุโรปพร้อมกันด้วย
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่า แฟนบอลของแมนฯ ยูไนเต็ด คงจะเห็นตรงกับ เซอร์ อเล็กซ์ ว่า เรื่องที่ โรนัลโด้ จะสามารถยิ่งใหญ่ได้เท่าเทียม หรือ มากกว่า เบสต์ หรือไม่นั้น มันไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไรเลยเพราะเท่าที่เป็นอยู่ตอนนี้ เจ็ทโด้ ก็เก่งกาจจนหาตัวจับยากอยู่แล้ว
ไม่ใช่แค่เรื่องการทำประตูเท่านั้นที่ทำให้ โรนัลโด้ ในวันนี้ ต่างจาก โรนัลโด้ ในฤดูกาล 2003/04 เพราะ ปีกหุ่นล่ำบาดใจสาวน้อยสาวใหญ่รายนี้ ยังเล่นเป็นทีมได้ดีขึ้น ตัดสินใจได้ดีขึ้น และเล่นลูกตั้งเตะได้ดีขึ้นมาก ๆ อีกด้วย
โรนัลโด้ รู้ว่า จังหวะไหนควรจะโชว์ลูกเล่น จังหวะไหนควรจะคายบอลให้เพื่อน และจังหวะไหนควรจะยิงประตู นั่นคือสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงความเข้าใจเกมที่มีมากขึ้น
เช่นเดียวกับจังหวะสังหารฟรีคิก ซึ่งฤดูกาลนี้ หนูโด้ ทำได้ทุกรูปแบบไม่ว่าจะเป็นการใช้ข้างเท้าด้านในปั่นโค้งอ้อมกำแพงในแบบฉบับของ เดวิด เบ็คแฮม การหลอกซัดเลียดพื้นลอด ใต้กำแพงในแบบฉบับของ โรนัลดินโญ่ และการอัดเต็มหลังเท้าในแบบที่ตัวเองโปรดปราน ซึ่งเพิ่งทำให้ เดวิด เจมส์ ต้องงงเป็นไก่ตาแตกแบบสด ๆ ร้อน ๆ ในเกมกับ พอร์ทสมัธ
หลังจากจบเกมเมื่อวันพุธ เฟอร์กี้ กล่าวชมลูกฟรีคิกของ โรนัลโด้ ว่า เป็นการยิงฟรีคิกที่ยอดเยี่ยมที่สุดในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก และไม่น่าจะมีผู้รักษาประตูคนไหนใน โลกป้องกันเอาไว้ได้
ขณะที่ แฮร์รี่ เร้ดแน็ปป์ ผู้จัดการทีม ปอมปีย์ ก็กล่าวถึง โรนัลโด้ ว่า เป็นผู้เล่นที่แทบจะไม่มีทางหยุดยั้งได้เลย และยังยิงฟรีคิกได้อย่างน่าทึ่งอีกด้วย
ปัจจุบัน โรนัลโด้ หรือ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ดอส ซานโดส อเวียโร่ มีอายุเพียง 22 ย่าง 23 ปี เท่านั้น (จะเต็ม 23 ในวันที่ 5 กุมภาพันธ์) และถ้าหากความเชื่อที่ว่า นักฟุตบอลคนหนึ่งจะพัฒนาขึ้นไปถึงจุดสุดยอดของตัวเองในวัย 27 หรือ 28 ปีเป็นเรื่องจริงแล้ว นั่นหมายความว่า ปีกทีมชาติโปรตุเกส ยังคงมีโอกาสจะพัฒนาฝีเท้าให้ยิ่งร้ายกาจขึ้นไปได้อีกมากทีเดียว
ถึงตรงนี้ คุณผู้อ่านหลายท่านไม่ว่าจะเป็น แฟนหงส์ แฟนปืน แฟนสิงห์ แฟนไก่ แฟนเรือใบ หรือ แฟนของใครก็ช่าง คงจะเริ่มเกิดคำถามขึ้นในใจคล้าย ๆ กับผมแล้วว่า ไอ้เจ็ทโด้มันจะเก่งไปถึงไหนกัน
ปีศาจน้ำแดง