ดับฝัน 4 แชมป์! เรือเฉือน 4-3 แต่ไก่ลิ่วอเวย์โกล 4-4
เรือใบสีฟ้าหมดโอกาสคว้า 4 แชมป์ในฤดูกาลนี้ แม้จะเปิดบ้านเก็บชัยได้ ทว่าสกอร์รวมนั้นเสมอกันและพ่ายแพ้ไก่เดือยทองด้วยกฎประตูทีมเยือน
ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 2018-2019 รอบก่อนรองชนะเลิศนัดสอง เป็นการพบกันเองของสองทีมจากอังกฤษอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เปิดรังเหย้า เอติฮัด สเตเดี้ยม ต้อนรับการมาเยือนของ ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์
เป๊ป กวาร์ดิโอลา กุนซือเจ้าบ้าน ซึ่งต้องชนะสถานเดียวเท่านั้นหากหวังจะพลิกสถานการณ์เข้ารอบ เปลี่ยนนักเตะจากพรีเมียร์ลีกนัดล่าสุดเมื่อวันอาทิตย์ที่บุกชนะคริสตัล พาเลซ 3-1 แค่คนเดียวคือ แบร์นาร์โด้ ซิลวา ซึ่งได้ลงตัวจริงแทน เลรอย ซาเน
ด้านทีมเยือนของ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน กุมความได้เปรียบจากการชนะมาก่อนในเกมแรก 1-0 เลือกจัดทัพมาในระบบ 4-2-3-1 โดยใช้ ซน ฮึง-มิน เล่นหน้าเป้าคอยทำเกมรุกร่วมกับ เดเล อัลลี, คริสเตียน เอริคเซน และ ลูคัส มูรา
ออกสตาร์ทเกมมาเพียงแค่ 4 นาทีเท่านั้น เป็นฝั่งของซิตี้ที่สามารถพังประตูขึ้นนำได้อย่างรวดเร็ว จากจังหวะที่ เควิน เดอ บรอยน์ ไหลบอลให้ ราฮีม สเตอร์ลิง ซัดด้วยขวาทางริมกรอบเขตโทษฝั่งซ้ายเสียบเสาไกลอย่างเฉียบคม ส่งให้เรือใบสีฟ้าออกนำ 1-0
ทว่าถัดมานาทีที่ 7 สเปอร์สก็จัดการตามตีเสมอได้แบบทันควัน จากจังหวะที่ อัลลี จ่ายบอลไปโดน อายเมอริค ลาปอร์กต์ สกัดมาเข้าทาง ซน ฮึง-มิน แปด้วยขวาไปแฉลบเท้า เอแดร์สัน ตุงตาข่าย ทำให้สกอร์กลับมาเท่ากันอีกครั้งที่ 1-1
ต่อมานาทีที่ 10 ไก่เดือยทองมาพลิกขึ้นนำบ้าง โดยเริ่มจากความผิดพลาดของ ลาปอร์กต์ ซึ่งจับบอลยาวจนโดน มูรา ฉกลูกแล้วลากไปจ่ายให้ เอริคเซน ไหลต่อให้ ซน ฮึง-มิน ซัดด้วยขวาโค้งเสียบเสาไกลอย่างเด็ดขาด ช่วยให้ทีมเยือนแซงนำ 2-1
แต่แล้วในนาทีที่ 11 เจ้าบ้านก็มาตามตีเสมอได้บ้างเช่นกัน จากจังหวะที่ อเกวโร ไหลบอลให้ แบร์นาร์โด้ ซิลวา ยิงด้วยซ้ายไปแฉลบขาของ แดนนี โรส เปลี่ยนทางเข้าประตูไป ทำให้สกอร์กลับมาเท่ากันอีกครั้งที่ 2-2
จากนั้นนาทีที่ 21 ซิตี้มาได้ประตูขึ้นนำอีกครั้ง จากจังหวะที่ เดอ บรอยน์ จ่ายบอลทางกราบขวาลึกไปเสาไกลให้ สเตอร์ลิง แปด้วยซ้ายระยะเผาขนไม่เหลือ ส่งให้เรือใบสีฟ้านำอีกรอบ 3-2 ก่อนจะจบ 45 นาทีแรกไปด้วยสกอร์นี้
ครึ่งหลังเรือใบสีฟ้าพยายามลุยหนักเพื่อหวังจะยิงลูกที่สี่ขึ้นนำสกอร์รวมให้ได้ จนกระทั่งนาทีที่ 59 ก็มาทำสำเร็จ จากจังหวะที่ เดอ บรอยน์ จ่ายบอลเข้าเขตโทษให้ อเกวโร ซัดด้วยขวาเน้นๆตตาข่ายแทบขาด ช่วยให้ซิตี้หนีห่างเป็น 4-2 ทำให้สกอร์รวมเป็นเจ้าบ้านขึ้นนำ 4-3
ทว่าในนาทีที่ 73 สเปอร์สกลับมาได้ประตูตีตึ้นสุดสำคัญ จากลูกเตะมุมฝั่งซ้ายที่ คีแรน ทริปเปียร์ เปิดให้ เฟร์นานโด ยอเรนเต้ ตัวสำรองซึ่งลงมาแทน มุสซา ซิสโซโก้ ตั้งแต่ช่วงท้ายครึ่งแรกนาทีที่ 41 เทกตัวจะโหม่งแต่บอลไปโดนแขนขวาเข้าประตูไป ซึ่งเมื่อผู้ตัดสินเช็คจาก VAR ก็ยังให้เป็นประตูเหมือนเดิม ทำให้ไก่เดือยทองไล่มาเป็น 3-4 สกอร์รวมเสมอกัน 4-4 แต่ทีมเยือนได้เปรียบอเวย์โกลแล้ว
ช่วงทดเวลานาทีที่ 90+4 เรือใบสีฟ้าชวดการได้ประตูอย่างน่าเสียดาย จากจังหวะที่ อเกวโร ไหลบอลให้ สเตอร์ลิง ยิงด้วยซ้ายตุงตาข่าย ทว่าเมื่อผู้ตัดสินปรึกษากับทีมงาน VAR กลับไม่ให้เป็นประตู เพราะว่า อเกวโร ไปยืนเหลื่อมล้ำหน้าก่อนจะเล่นบอลนั่นเอง ทำให้สุดท้ายจบเกมเป็นแมนเชสเตอร์ ซิตี้เฉือนชนะ 4-3 สกอร์รวมสองนัดเสมอ 4-4 แต่เป็นท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศด้วยกฎประตูทีมเยือน