เกม อุ่นเครื่องทัวร์นาเมนต์พิเศษที่สหรัฐอเมริ ในกลุ่มบี "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ลงสนามเจอกับโอลิมเปียกอส เกมนี้ มานูเอล เปเยกรินี จัดทัพเกือบฟูลทีม นำโดยโจ ฮาร์ท , กาแอล กลิชี, อเล็กซานเดอร์ โคลารอฟ, ยาย่า ตูเร่, ซามิร์ นาสรี และคู่หัวหอกใช้เอดิน เซโก้ กับ สเตฟาน โยเวติช
ช่วง ครึ่งชั่วโมงแรกรูปเกมของทั้งคู่ยังดูอึดอัดพอสมควร ต่างฝ่ายต่างไม่กล้าเปิดเกมรุกเต็มกำลัง
จนกระทั่งนาทีที่ 35 เป็นฝั่งเรือใบสีฟ้าที่มาได้ประตูขึ้นนำไปก่อน 1-0 จากจังหวะความสามารถเฉพาะตัวของ สเตฟาน โยเวติช ที่เลี้ยงแหวกผ่านแนวรับโอลิมเปียกอสเข้าไปในเขตโทษก่อนสับขายึกยัก 2 จังหวะ และบรรจงปั่นยัดเข้าเสาแรกชนิดที่ผู้รักษาประตูทำได้แค่เซฟด้วยสายตา ทำให้แมนฯซิตี้ขึ้นนำ 1-0 โอลิมเปียกอสก็มาตามตีเสมอได้อย่างรวดเร็ว ในนาทีที่ 37 จากลูกยิงด้วยซ้ายจากระยะประมาณ 5 หลาหน้ากรอบเขตโทษของ ดิมิทริส เดียมานตากอส ช่วยให้โอลิมเปียกอสตามตีเสมอเป็น 1-1 และก็จบครึ่งแรกไปด้วยสกอร์นี้
ครึ่งหลังเป็นฝั่งแมนฯซิตี้ ที่เดินหน้าบุกกระหน่ำต่อเนื่อง จนกระทั่งนาทีที่ 53 ก็มาได้ประตูขึ้นนำอีกครั้ง
จากจังหวะที่ ดาบิด ซิลบา ถูกรวบล้มลงในเขตโทษ ทำให้ผู้ตัดสินที่อยู่ใกล้กับเหตุการณ์ไม่รอช้าชี้ให้เป็นลูกจุดโทษสำหรับ แมนฯซิตี้ทันที และเป็น อเล็กซานเดอร์ โคลารอฟ มือสังหารจุดโทษเบอร์หนึ่งของทีมวิ่งเข้ามากดด้วยซ้ายเต็มข้อส่งบอลพุ่งเข้า ไปตุงตาข่าย ช่วยให้แมนฯ ซิตี้ขึ้นนำอีกครั้งเป็น 2-1 ในนาทีที่ 66 จากจังหวะที่ ดิมิทริส เดียมานตากอส ได้โอกาสหลุดเข้าไปล่อเป้าในเขตโทษก่อนแตะหลบ โจ ฮาร์ท และตวัดด้วยซ้ายง่าย ๆ เข้าประตูไป ช่วยให้โอลิมเปียกอสตามตีเสมอเป็น 2-2
จบเกมเสมอกัน ไป 2-2 ต้องดวลจุดโทษและเป็นโอลิมเปียกอสที่แม่นกว่ายิงชนะจุดโทษแมนฯ ซิตี้ไปด้วยสกอร์ 5-4 จากสกอร์ดังกล่าวส่งผลให้ลิเวอร์พูลผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศแน่นอนแล้ว
ส่วน ผลอีกกลุ่มบี แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องเอาชนะ เรอัล มาดริด 3-1 เกมนี้ แอชลีย์ ยังเหมาคนเดียว 2 ประตู นาที 21 และ 3-1 ผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศกับลิเวอร์พูล