
หงส์แดงลิเวอร์พูลเจอวิบากกรรมถูกสโต๊คตามหวดเกือบทั้งเกมลงท้ายเสมอ 0-0 ในแอนฟิลด์ยังทำสถิติไร้ชัยในบ้านตัวเองต่อไปก่อนรั้งอันดับ 14 อย่างหนาวเหน็บ
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
วันอาทิตย์ที่ 7 ตุลาคม 2555
ลิเวอร์พูล 0-0 สโต๊ค ซิตี้
สนาม : แอนฟิลด์
ประตู : -
เบรนแดน รอดเจอร์สยังไว้วางใจใช้นักเตะพลังหนุ่มลงสนามแบบไม่มีพลิกโผนำโดยอันเดร วิสดอม, ซูโซ่และราฮีม สเตอร์ลิ่งส่วนขุมกำลังหลักยังเป็นหน้าที่ของสตีเว่น เจอร์ราร์ดคุมแดนกลางคู่กับโจ อัลเลนและนูริ ซาฮินโดยมีหลุยส์ ซัวเรซที่ซัดแฮททริคในเกมลีกนัดก่อนลงล่าตาข่าย
ด้านโทนี่ พูลิสจัดทีมที่สมบูรณ์ลงสนามแต่ยังไม่มีไมเคิ่ล โอเว่นทั้งในและข้างสนามเป็นหน้าที่ของปีเตอร์ เคร้าช์ที่กำลังท็อปฟอร์มลงป่วนแนวรับหงส์แดงขณะที่แดนกลางมีชาร์ลี อดัมที่ได้กลับมาเล่นในแอนฟิลด์เป็นนัดแรกนับตั้งแต่ย้ายออกจากทีมเมื่อช่วงซัมเมอร์เป็นตัวบงการเกม
ครึ่งแรก
เหยินหลอก 2 ชั้นหงส์ได้เสียว
เกมของทั้งคู่ยังแทบไม่มีจังหวะอะไรเป็นชิ้นเป็นอันที่ได้เสียวเป็นลูกที่ซาฮินวางยาวข้ามฝากมาให้ซัวเรซดูดลงเกือบๆปีกซ้ายก่อนลากยึกยักหลอกคาเมรอนสองหนตรงเส้นหลังจนล้มลุกคลุกคลานแล้วปาดมาให้ซาฮินตั้งเท้ายิงแต่ไปติดสเตอร์ลิ่งพวกเดียวกันอย่างน่าเสียดาย
หงส์เผลอหวิดพัง
นาที 15 ทีมเยือนได้ฟรีคิกระยะเปิดเข้ามาวัดดวงน่าลุ้นและเป็นวีแลนที่ปั่นไซด์มาที่จุดนัดพบบอลหลุดมาถึงเสาสองกำลังจะเข้าทางปืนเพื่อนร่วมทีมแต่สเคอร์เทลตวัดทิ้งแบบหวุดหวิดสุดๆ
เรน่าเฟอะฟะเกือบเน่า
นาที 20 เรน่าทำเอาเดอะ ค็อปหัวใจแทบวายหลังออกบอลเลียดหน้าประตูตัวเองให้เพื่อนแต่ตรงนั้นมีผู้เล่นสโต๊คยืนแทบจะดูดปากกันเลยถูกตัดได้ก่อนที่วอลเตอร์สจะรับหยอดชิพหมายข้ามหัวแต่โกล์เชิญยิ้มถอยหลังปัดทิ้งยอมเสียเตะมุมก่อนแก้เขินด่าเพื่อนทำไม้ทำมือว่าพวกมึงทำไมไม่ขยับมาเอาบอล
หัวขิงยิงไกลเจอเซฟแจ่ม
เกมของหงส์แดงไม่ได้เหนือกว่าสโต๊คเลยเพราะเจอเข้าเร็วถึงเนื้อถึงตัวแต่กรรมการก็เริ่มปกป้องบ้างแล้วหลังให้ใบเหลืองไนท์ลีย์ที่ไปเสียบใส่อัลเลนจนล้มหัวทิ่มแต่นาที 26 เศษๆเจอร์ราร์ดเห็นเจาะยากแล้วได้บอลไร้ตัวเข้าประกบเลยลากมายิงไกล 25 หลาบอลพุ่งสุดแรงแต่เบโกวิชพุ่งปัดทิ้งข้างเสา สุดยอดทั้งคู่
แอกเกอร์แหย่หวิดหาย
อีก 2 นาทีต่อมาเจ้าถิ่นได้เสียวอีกหนหลังซูโซ่พยายามยิงไกลแต่บอลติดบล็อกแล้วมาเข้าทางอีกหนคราวนี้เลยหยอดเข้าเขตโทษเป็นแอกเกอร์ที่สอดมาสไลด์แหย่สุดปลายขาบอลค่อยๆกลิ้งออกข้างเสาไปอย่างน่าเสียดาย
หม้อหนักต่อเนื่อง
นาที 33 ทีมเยือนจ่ายบอลเสียกลางสนามเจอร์ราร์ดโชว์ดักบอลแล้วแทงให้ซัวเรซแตะอ้อมตัวฮูธที่สไลด์ทิ้งตัวกะเอาให้ขาขาดแต่พอเหยินเบี่ยงหลบเจอกวาด กรรมการชักใบเหลืองทันทีเพราะเป็นจังหวะกำลังจะหลุดไปทำประตู
หม่อมเหยินเข้าหนัก
นาทีสุดท้ายของครึ่งแรกซูโซ่จ่ายบอลทะลุช่องให้ซัวเรซเบียดผ่านกองหลังเข้าไปในกรอบเขตโทษแต่จังหวะสุดท้ายเบโกวิชพุ่งออกมารับทั้งบอลทั้งขาของหม่อมเหยินก่อนลุกขึ้นมาต่อว่าเล็กน้อยที่ดาวยิงหงส์แดงไม่ยอมแตะเบรกก่อนที่จะหมดครึ่งแรกไปด้วยสกอร์ 0-0
ครึ่งหลัง
หงส์ชิ่งสไตล์บุกใส่หม้อ
เจ้าถิ่นดาหน้าบุกด้วยสไตล์การทำชิ่งเนียนตามากขึ้นเรื่อยๆแต่ก็ยังแค่ป้วนเปี้ยนอยู่หน้าปากเขตโทษของสโต๊คยังไม่มีโอกาสได้จบแบบจะแจ้งมากนักและในนาทีที่ 50 เกล็น จอห์นสันทนต่อบอลไม่ไหวลองลักไก่ยิงไกลจากนอกเขตโทษเบโกวิชล้มตะครุบไว้ได้
ถัดมาอีกไม่กี่นาทีเจอร์ราร์ดได้บอลกลางสนามก่อนมองไกลและจ่ายคิลเลอร์พาสไปให้จอห์นสันที่เติมหน้าตั้งขึ้นมาในกรอบเขตโทษด้านซ้ายก่อนที่ตะยิงบอลเร็วข้ามคานออกไป
หงส์ดีแต่ป้อยิงไม่เป็น
ผ่านมา 1 ชั่วโมงเต็มเกมยังคงอึดอัดอย่างยิ่งเพราะลิเวอร์พูลครองบอลได้แทบจะหมดก็จริงแต่ยังไม่อาจมีจังหวะเข้าทำสวยๆได้แค่ผ่านบอลกันไปมาแล้วก็มาเสียในจังหวะสุดท้ายเท่านั้น
เหยินโชว์เดี่ยวได้จบเหมือนกัน
น. 61 ซัวเรซโชว์จังหวะพ่อเลี้ยงอีกแล้วเมื่อได้บอลตรงกลางสนามก่อนก้มหน้าเลี้ยงตามสไตล์ผ่านกองหลังของสโต๊ค 2-3 คนที่สกัดไม่อยู่ก่อนจะหลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษแต่จังหวะยิงกลับเสียหลักนิดๆทำให้อัดด้วยซ้ายบอลข้ามคานออกไป
โคลคัมแบ็กประเดิมพรีเมียร์นัดแรก
เกมยังดูตื้อๆสำหรับเจ้าถิ่นทำให้รอดเจอร์สจำเป็นต้องแก้เกมบ้างด้วยการส่งโจ โคลที่หายจากอาการเดี้ยงยาวกลับมาลงสนามแทนซูโซ่ที่เล่นได้เด่นเหมือนกันในแมตช์นี้ในนาทีที่ 67
สเตอร์ลิ่งแปชนเสา
น. 71 แอกเกอร์เห็นบรรดาแนวรุกไร้จินตนาการไม่ไหวจัดการลากบอกขึ้นมาสอนวิธีเล่นเกมบุกและสามารถลากเข้าไปในกรอบเขตโทษด้านซ้ายก่อนปาดบอลมาถึงเสาสองให้สเตอร์ลิ่งที่ยืนอยู่โล่งๆตัดสินใจแปด้วยขวาทันทีบอลผ่านเบโกวิชไปแล้วแต่ดันไปชนโคนเสาออกหลังไป
หม่อมเหยินพุ่งอีกแล้ว
เป็นจังหวะที่ซัวเรซพยายามเลี้ยงแหวกกองหลังทีมเยือนเข้าไปในกรอบเขตโทษและพยายามล็อกบอลกลับมาด้านหลังซึ่งชอว์ครอสส์เอาเท้าไปเกี่ยวหม่อมเหยินแบบแทบไม่โดนทำให้ดาวเตะอุรุกวัยพุ่งล้มทันทีแต่ไร้เสียงนกหวีดของกรรมการ
หลังจากนั้นซัวเรซก็ได้ลุ้นทำประตูอีกครั้งจากจังหวะที่เลี้ยงบอลเข้าไปในกรอบเขตโทษด้านขวาก่อนก้มหน้ายิงมุมแคบแต่บอลไปโดนเสาดังสนั่นออกหลังไปอีกครั้ง
เข้าหนักได้ผลหงส์บ้อท่าตีหม้อไม่แตก
ลิเวอร์พูลมีโอกาสได้ลุ้นประตูอย่างที่สุดในจังหวะที่สตีเว่น เจอร์ราร์ดเปิดฟรีคิกไกลร่วม 40 หลามาให้สเคอร์เทลที่อยู่เสาไกลเบียดกับกองหลังสโต๊คก่อนเกี่ยวบอลผ่านปากประตูที่มีซัวเรซยืนอยู่แต่เข้าไม่ถึงบอลผ่านออกหลังไปในช่วงนาทีสุดท้ายของเกมก่อนจบด้วยการเจ๊าแบบไร้สกอร์
รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม :
ลิเวอร์พูล : เปเป้ เรน่า, เกล็น จอห์นสัน, ดาเนี่ยล แอกเกอร์, มาร์ติน สเคอร์เทล, อันเดร วิสดอม, นูริ ซาฮิน (อุสซามะ อัสไซดี้ น. 79), สตีเว่น เจอร์ราร์ด, โจ อัลเลน, หลุยส์ ซัวเรซ, ซูโซ่ (โจ โคล น. 67), ราฮีม สเตอร์ลิ่ง
ตัวสำรองที่ไม่ได้ลงสนาม : แบรด โจนส์, เซบาสเตียน โคอาเตซ, เจมี่ คาร์ราเกอร์, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, ฟาบิโอ บอรินี่
สโต๊ค ซิตี้ : แอสเมียร์ เบโกวิช, เจฟฟ์ คาเมร่อน, โรเบิร์ต ฮูธ
, มาร์ค วิลสัน, ไรอัน ชอว์ครอสส์
, เกล็น วีแลน (ดีน ไวท์เฮด
น. 21), สตีเว่น เอ็นซองซี่, ชาร์ลี อดัม (มัวริซ เอดู น. 80), โจนาธาน วอลเตอร์ส
, ไมเคิ่ล ไคท์ลี่ย์
(แม็ทธิว เอเธอริงตัน น. 63), ปีเตอร์ เคร้าช์ ตัวสำรองที่ไม่ได้ลงสนาม : โธมัส โซเรนเซ่น, แม็ทธิว อัพสัน, ดีน ไวท์เฮด, เคนวีน โจนส์, คาเมร่อน เจโรม


กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
























กระทู้ล่าสุด


รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
















































Love illusion ความรักลวงตา เพลงที่เข้ากับสังคมonline
Love illusion Version 2คนฟังเยอะ จนต้องมี Version2กันทีเดียว
Smiling to your birthday เพลงเพราะๆ ไว้ส่งอวยพรวันเกิด หรือร้องแทน happybirthday