คนดังในประวัติศาสตร์ที่ตายประหลาดที่สุด

วันนี้เอาเรื่องการตายของบุคคลดังๆ ต่างๆ มาฝาก บุคคลต่อไปนี้เป็นคนดังในประวัติศาสตร์ หลายคนไม่รู้จัก ผมก็ไม่รู้จักเหมือนกัน(อ้าว) เอาเถอะลืมๆ ประวัติศาสตร์แสนน่าเบื่อในห้องเรียนเถอะ เพราะหัวข้อตอนนี้คือ ตายประหลาด จนไม่เชื่อว่าประวัติศาสตร์บันทึกไว้ว่ามันจริงหรือเปล่า คนเรานี้ถ้าจะตายนี้ก็ตายดื้อๆ เลยครับ แต่ได้เพราะไม่สมควรตายนี้ยังไงก็ทำใจไม่ได้

และนี้คือ 6 อันดับบุคคลดังในประวัติศาสตร์ที่ตายแปลก จนไม่น่าเชื่อว่านั้นคือสาเหตุตายจริง หรือถูกแต่งเดิมสีสันในประวัติศาสตร์กันแน่ ส่วนจะมีใครบ้างนั้นไปดูกัน(อันดับ 1 ไม่ใช้คนดังในประวัติศาสตร์ แต่การตายของเธอมันบ้าที่สุดเท่าที่เคยมีมา)


เนื้อหา http://listverse.com/2007/08/09/10-truly-bizarre-deaths/ แต่ได้ดัดแปลง เปลี่ยนเนื้อหาบางส่วน เพราะหลายอันดับเคยเขียนมาแล้ว


 


           อันดับ 10 ฟรานซิส เบคอน(Francis Bacon) 22 มกราคม 1561-9 เมษายน 1626


            484Px-Francis


            เขาเป็นรัฐบุรุษ,นักปราชญ์, นักแต่งร้อยแก้วชาวอังกฤษ อีกทั้งเป็น นักคิดแบบวิทยาศาสตร์ที่พยายามค้นหาความลับของจักรวาล แต่ไม่ทันได้คำตอบเขากลับต้องมาตายเสียก่อน ที่จริงตอนที่เกิดเหตุเขาก็อายุมากแล้วนะครับ อายุตั้ง 65 ปีแล้ว คือ เมื่อ ปี 1626 วันนั้นเขานั่งรถม้าไปถนนไฮเกทซึ่งเป็นวันที่หิมะตกหนัก ความหนาวและความเงียบเหงาทำให้เขาเกิดสังเกตล้อรถเมื่อบดหิมะกระจาย เผยให้เห็นต้นหญ้าเขียวขจีข้างใต้ และเกิดความสงสัยว่าทำไมต้นหญ้าโดนหิมะปกคลุมตลอดหน้าหนาวแล้วทำไมยังเขียวและสดอยู่ได้ เบคอนจึงสันนิษฐานว่าความเย็นคงเป็นตัวการรักษาความสดนั้นไว้


              เบคอนสั่งหยุดรถที่จัตุรัสพอนด์ เขาให้คนขับซื้อไก่จากชาวบ้านแถวนั้นตัวหนึ่ง จัดการเชือดไก่ถอนขนเอาเครื่องในออกหมด จากนั้นท่ามกลางความประหลาดใจของคนมุงดู เบคอนก้นลงเอาหิมะยัดใส่ในท้องไก่ พอเสร็จงานก็เอาไก่ใส่กระสอบและกวาดหิมะใส่กระสอบอีกจนเต็ม


             ในขณะที่เขาจัดการไก่อยู่นั้น ทันใดนั้นเองเบคอนก็เกิดอาการสั่งสะท้านเขาล้มลงบนพื้นหิมะ เขาถูกส่งตัวไปรักษาและเสียชีวิตในสองวันต่อมา สรุปคือผลการทดลองล้มเหลว แถมคนต้นคิดก็มาตายอีก......เออ.....มีเรื่องเล่านิดๆ หน่อยๆ หลังจากที่เบคอนตาย มีการพบวิญญาณไก่ที่เบคอนฆ่าที่ออกมาในรูปไก่ถอนขนในสวนจัตุรัสแห่งนั้นปรากฏอยู่ในแสงจันทร์ และมันยังคงสิง ณ ที่แห่งนั้นเป็นเวลานานจนถึงปัจจุบัน


 


               อันดับ 9 ฮอเรซ เวลส์ (Horace Wells) 21 มกราคม 1815 – 24 มกราคม 1848


                Image


               ทันตแพทย์แห่งอเมริกา เกิดที่รัฐเวอร์มอนท์ เขาเป็นผู้บุกเบิกเรื่องยาชา-ยาสลบ(Anesthesia)เพื่อได้นำมาใช้ในการถอนฟันโดยไม่เจ็บ เลยทีเดียวครับ เดิมเค้าเป็นหมอฟัน และหันมาสนใจเรื่องยาชาอะไรพวกนี้ สมัยนั้นก็คือแก๊วหัวเราะนั่นเอง เค้าก็หมกมุ่นอยู่กับการทดลอง จนผลที่ได้มีแต่ล้มเหลว อย่างไรก็ตามก็ทำให้เรารู้จักคำว่า คลอโรฟอร์ม(Chloroform addiction) ซึ่งเป็นยาชาชนิดหนึ่ง ซึ่งเขาได้ไปเห็นนักเคมีชื่อ Colton บริการให้ลูกค้าเสพNitrous Oxide หรือก๊าซหัวเราะ(เก็บเงินคนละ ยี่สิบห้าเซ็นต์) แต่แทนที่คนเสพจะเคลิ้ม จะขำ กลับอาละวาด  ขาไปเตะโต๊ะเป็นแผลใหญ่โต แต่ไม่เจ็บ เพราะในขณะที่ก๊าซกำลังออกฤทธิ์ ฮอเรซ เวลส์ เห็นเหตุการณ์นี้ โอ้...ปิ๊งไอเดียเขา เริ่มใช้ก๊าซ Nitrous Oxide เพื่อระงับความเจ็บปวดในการถอนฟัน ประกาศโฆษณา การถอนฟันโดยไม่เจ็บปวด และนำไปแสดงต่อมหาวิทยาลัย Harvard และ โรงพยาบาล Massachusetts แต่ก็เกิดเรื่องผิดพลาดจนได้ เมื่อฮอเรซ เวลส์ ไม่สามารถควบคุมปริมาณก๊าซ Nitrous Oxide ได้อย่างมีประสิทธิภาพ  ผู้ป่วยตื่นขึ้นระหว่างถอนฟัน ร้องโหวกเหวก ฮอเรซ เวลส์อับอายขายหน้าต่อธารกำนัล อย่างมาก จนเป็นคนล้มเหลวในชีวิต


                 ต่อมาในปี 1848 ฮอเรซ เวลส์ กำลังทดลองเรื่องคลอโรฟอร์ม (Chloroform addiction) เขาทดลองกับตัวเอง จนเป็น8oติดคลอโรฟอร์ม เขาโมโหร้ายสาดกรดใส่หน้าหญิงโสเภณี สาวสองคน ศาลตัดสินว่าป่วยทางจิต เองก็ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ก็เลยตัดสินใจฆ่าตัวตายโดยการเสพคลอโรฟอร์ม และที่แย่กว่านั้น คือ ผู้ป่วยคนที่ร้องโหวกเหวกในตอนที่เขาสาธิตนั้น สารภาพว่าที่จริงเขาแล้วมิได้เจ็บปวด แต่ตกใจที่ตื่นมาระหว่างการถอนฟัน และจำความเจ็บปวดของครั้งก่อนๆมามากกว่า


 


                อันดับ 8 ทิโค บราห์ (Tycho Brahe) 14 ธันวาคม ค.ศ. 1546 –  วันที่ 24 ตุลาคม 1601


                Tycho


                เป็นนักดาราศาสตร์เดนมาร์กที่มีชื่อเสียงที่สุดคนหนึ่งในสมัยก่อน  ตลอดช่วงชีวิตของทิโค เขาได้ประดิษฐ์คิดค้นเครื่องมือวัดทางดาราศาสตร์ขึ้นมากมาย เครื่องมือเหล่านั้นมีความแม่นยำในการวัดสูงมาก  ถึงแม้ว่าเครื่องมือวัดเหล่านั้นจะมีขนาดใหญ่มากก็ตาม และเขาเป็นเจ้าของทฤษฏีต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นก ฎการ เคลื่อนที่ของดาวเคราะห์ในสุริยจักรวาล,แรงดึงดูดของโลกอีกด้วย


               ทิโค บราห์ เสียชีวิตเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 1601  ก่อนหน้านั้นนั้นเขามีปัญหาเรื่องกระเพาะปัสสาวะที่ต้องเข้าห้องน้ำบ่อยๆ วันหนึ่งในงานเลี้ยง เขาเกิดปวดฉี่ในระหว่างรับประทานอาหารขึ้นมา ด้วยความที่เขามีมารยาทและเกรงใจบรรดาแขกในงาน เขาเลยกลั่นฉี่และทนนั่งต่อไป  จนเป็นเหตุทำให้เขาเกิดอาการฉี่ไม่ออก เขาทรมานถึง 11 วัน ก่อนที่กระเพาะปัสสาวะจะแตกและตาย แต่กระนั้นการตายของเขาก็ยังคงสัปสนถึงปัจจุบัน เพราะว่ามีหลายทฤษฏีที่มีข้อสันนิษฐานเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นเพราะ พิษปรอท หรืออาการ Hyponatremia หรือโรคเส้นโลหิตกันแน่?? 



                อันดับ 7 อัตติลา หรือ อัตติลาเดอะฮั่น ( 
Attila the Hun) ค.ศ. 406 – ค.ศ. 453


                Attila


                เป็นจักรพรรดิแห่งชนฮั่นผู้ครองจักรวรรดิฮั่นระหว่าง ค.ศ. 434 ที่เป็นจักรวรรดิสร้างความหวาดหวั่นมากที่สุดให้แก่ทั้งจักรวรรดิโรมันตะวันออก และจักรวรรดิโรมันตะวันตก พระองค์ทรงรุกรานประเทศต่างๆ ด้วยวิธีการโหดร้ายจนเป็นที่สะพรึงไปทั่วยุโรป


                การตายของอัตติลานั้นค่อนข้างสับสน คือเมื่อ ค.ศ. 453 เสียก่อน ในการเลี้ยงเพื่อเฉลิมฉลองการแต่งงานครั้งล่าสุดของเขากับสตรีสาวสวยอิลดิโค เขาดื่มน้ำจัณฑ์(เหล้า) เป็นจำนานมาก พอมาถึงห้องหออัตติลามีอาการตกเลือดกำเดาออกทางจมูกเป็นอย่างมาก และสำลักจนสิ้นพระชนม์(นอนจมกองเลือดตาย)


                มีทฤษฎีหนึ่งที่จะสันนิษฐานการตายของเขา บ้างก็ว่าพระองค์ทรงประชวรด้วยเลือดออกภายใน ด้วยอาการที่เรียกว่า หลอดเลือดขอดในหลอดอาหาร (esophageal varices) เมื่อหลอดเลือดขยายตัวในบริเวณตอนล่างของหลอดอาหารแตกที่ทำให้เสียชีวิตจากการเสียเลือด ส่วนอีกทฤษฎีหนึ่งที่บันทึกราว 80 ปีหลังจากการเสด็จสวรรคตโดยนักบันทึกประวัติศาสตร์โรมันกล่าวว่า อัตติลากษัตริย์ของชนฮั่นและผู้ทำลายเมืองต่างๆ ในยุโรป ทรงถูกแทงโดยมีดของพระมเหสี


 


               อันดับ 6 คลอดิอุส (Claudius) 1 สิงหา 10 BC - วันที่ 13 ตุลาคม ค.ศ. 54


               src=http://t3.gstatic.com/images?q=tbn:MOUvgWY6l5bvyM%3Ahttp://www.romancoins.info/p-claudius-vat.JPG


                จักรพรรดิ แห่งโรมันซึ่งเป็นพระญาติของเนโร เขาหวาดกลัวเรื่องการวางพิษมาก โดยเฉพาะยาพิษที่มากับอาหาร ดังนั้นคลอดิอุส มักมีนักชิมส่วนตัวอยู่ข้างตัวตลอดเวลา คอยทำหน้าที่กินอาหารและดื่มเครื่องดื่มทุกอย่างทีละนิดทีละน้อยเพื่อมั่นใจว่าไม่มียาพิษในอาหาร ซึ่งก่อนชิมอาหารทุกมื้อ เขาจึงคอยดูครรับใช้ของเขาชิมอาหารเขาอย่างตั้งอกตั้งใจ จากนั้นก็รอไป...หนึ่งชั่วโมงเต็ม เพื่อมั่นใจว่าไม่มีพิษในอาหารของเขาจริงๆ


                แต่กระนั้นก็ไม่ได้ทำให้แม่ของเนโรที่ชื่ออกริบปิน่าต้องกังวล หล่อนต้องการให้เนโรเป็นจักรพรรดิ  หล่อนจึงวางแผนลอบสังหารคลาวดิอุส โดยหล่อนวางแผนซื้อตัวคนรับใช้ชิมอาหารของคอลอดิอุสเอาไว้ และวันที่ 13 ตุลาคม ค.ศ. 54 เป็นวันวางแผนฆ่าคลาวดิอุส อย่างแยบยล ครั้งแรกพวกเขานำเห็ดฉ่ำๆ นุ่มๆ ซึ่งเป็นอาหารจานโปรดของคลาวดิอุส มาเสริฟ์ โดยวางยาพิษชนิดอ่อนๆ ไม่ถึงกับตายลงในเห็ด ซึ่งก่อนหน้านั้นอกริบปิน่าได้ติดสินบนคนรับใช้ชิมอาหารให้เล่นละครแห่งความตาย โดยวางแผนว่าหลังจากที่ฮาโลตัสกินเห็ดนี้แรกๆ ต้องทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น  และเมื่อพระองค์เสวยอย่างเอร็ดอร่อยจนเกือบหมด ก็ให้คนรับใช้ชิมอาหารดิ้นทุรนทุรายเสมือนกับว่าเหมือนโดนยาพิษเข้าไป ซึ่งมันจะทำให้คลาวดิอุสเชื่อว่าตนเองกินยาพิษแบบคนรับใช้ชิมอาหารเข้าไปด้วย  ด้วยความกลัวเรื่องยาพิษของสมอง ไม่นานนักพระองค์ก็รู้สึกตัวว่าอาการไม่ดี และดิ้นรนทุรายทั้งๆ ที่พิษที่พระองค์โดนเป็นพิษอ่อนๆ ไม่ถึงตาย พระนางเห็นพระสาวมีเป็นเช่นนี้ จึงเรียกแพทย์ซีโนเฟนมาช่วยดูอาการ และแพทย์คนนี้ก็เป็นหนึ่งในส่วนเกี่ยวข้องกับแผนการนี้ด้วย ซีโนโฟนทำเป็นช่วยล้างกระเพาะให้พระองค์ แต่จริงๆ แล้วกลับเอาขนนกอาบยาพิษร้ายแรงกวาดพระศอ ส่งผลให้พระจักรพรรดิชักดิ้นชักงอสิ้นพระชนม์อย่างทุรนทุรายในทันที


                และเมื่อจักรพรรดิคลาวดิอุส ถูกลอบฆ่า จนเสียชีวิต เนโรจึงได้ขึ้นเป็นจักรพรรดิปกครองจักรวรรดิโรมันในเวลาต่อมา


 


                อันดับ 5 ดอน คาร์โลส(Don Carlos) ปี ค.ศ.1548 - ค.ศ.1568


                src=http://t2.gstatic.com/images?q=tbn:j7xifc1P--TaaM%3Ahttp://www.elizabethan-portraits.com/CarlosAustria.jpg


                เป็นพระโอรสของพระเจ้าฟิลิปป์ที่ 2 แห่งสเปน (Philippe II of Spain) ผู้มีสิทธิครองบังลังก์ต่อจากพระบิดา แต่เพราะดอน คาร์โลสมีอาการวิกลจริต พระบิดาเลยสั่งเขาขังในป้อมอัลคาซาร์โดยมีทหารยามควบคุมอย่างแน่นหนา    


                ในฤดูร้อนของปี ค.ศ.1568 เป็นช่วงที่สุดแสนจะทรมานยิ่งสำหรับเจ้าชายหนุ่มที่กักขังในหอคอยที่แทบไม่มีหน้าต่าง ท่ามกลางความร้อนที่แผดเผาและอบอ้าวของแสงแดดสเปน ดอน คาร์โลสทรงให้นำน้ำเย็นและก้อนน้ำแข็งเข้ามาราดรดพื้นห้องให้เย็นลง พระองค์โปรดเสวยแต่ผลไม้ไปหลายวันเพราะความร้อนทำให้ทรงเบื่ออาหาร แต่ในที่สุดก็ทรงหิวโหยจนทานทน จึงขอให้ส่งอาหารพวกเนื้อและแป้งมาเสวยบ้าง


                ทางห้องเครื่อง จึงได้ทำพายขนาดใหญ่ที่ยัดไส้ด้วยไก่งวง 4 ตัวและปรุงรสด้วยเครื่องเทศรสจัดที่สุด(อยากรู้ว่าดอน คาณ์โลสหรือเป็นคนสั่งหรือว่าพ่อครัวทำอาหารนี้ตามใจชอบหว่า) แน่นอนว่าเจ้าชายเสวยพายยักษก้อนนั้นจนหมดเกลี้ยง เครื่องเทศรสจัดทำให้ทรงกระหายน้ำอย่างยิ่งจึงได้เสวยและดื่มน้ำเย็นจัดหลายสิบลิตรอย่างไม่บันยะบันยังทำให้ร่างกายของพระองค์ที่อ่อนแออยู่แล้วยิ่งทรงทรุดหนักลงไปอีก


                พระองค์เริ่มประชวรหนักตั้งแต่วันที่ 19 กรกฎาคม ค.ศ.1568 และสิ้นพระชนม์ลงอย่างทุกข์ทรมานในอีก 5 วันต่อมาโดนมิได้เห็นพระพักตร์พระบิดาครั้งสุดท้ายตามที่ร้องขอ สรุปคือดอน คาร์โลสจบพระชนม์ชีพลงเพราะเสวยจนเกินขนาดนั้นเอง


                http://writer.dek-d.com/dek-d/writer/viewlongc.php?id=205702&chapter=391


 


                อันดับ 4 สมเด็จพระราชาธิบดีอดอล์ฟ เฟรดเดอร์ริค(King Adolf Frederick of Sweden) 14 พฤษภาคม 1710 – 12 กุมภาพันธ์ 1771


                Adolf


                ทรงเป็นกษัตริย์ปกครองสวีเดนตั้งแต่ 1751-1771 มีอำนาจทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นที่สภาสูง


                ความจริงในเว็บเขียนว่าเขากินพุดดิ้งเกินขนาดนั้นแต่นั้นก็ไม่ทั้งหมด เพราะพระเจ้าเฟรดเดอร์ริคนั้นขึ้นชื่อว่าเป็นคนกินจุและหัวแข็งมาก ใครเตือนอะไรก็ไม่ฟัง ซึ่ง 12 กุมภาพันธ์ 1771 ในพระยาหารมื้อกลางวัน พระเจ้าเฟรดเดอร์ริคในตอนนั้นมีอายุมากแล้วได้เสวยอาหารหรูต่างๆ นาๆ ไม่ว่าจะเป้นกุ้งก้ามกลาม, ไข่ปลาคาเวียร์,กะหล่ำปลีดอง (ของเยอรมัน),,เนื้อปลารมควัน ตามด้วยเหล้าเเชมเปญ ต่อด้วยของหวานผลไม้และขนมหวานจานโปรดของเขาคือพุดดิ้งกับขนมปังนุ่มๆ กับนมร้อนหนึ่งชาม ซึ่งพระองค์เสวยของหวานชุดนั้นถึง 14 ชุด และนั้นเป็

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์