เรดส์ คอร์เนอร์ : กำเนิดเครื่องจักรสีแดงพันธุ์ใหม่
หลังเสียงนกหวีดยาวที่โมลินิวซ์ กราวน์ ดังขึ้น ความรู้สึกแรกที่ได้วิ่งเข้าสู่หัวสมอง ผุดขึ้นมากลายเป็นไอเดียอันสุดบรรเจิดว่า ฤาจะได้เวลาที่หงส์กลับคืนสู่เส้นทางที่แท้จริง
หงส์แดง ลิเวอร์พูล ยุค คิง เคนนี่ รีเทิร์น สามารถสะกดคำว่าชัยชนะนัดแรกได้แบบไร้เทียมทาน ดูเหมือนเรากำลังได้ยลโฉมเครื่องจักรสีแดงสายพันธุ์ใหม่ ที่ถูกเจียระไนโดยชายที่ชื่อ เคนนี่ ดัลกลิช ที่อาสาโมดิฟายด์ เร้ด แมชชีน ให้ฟื้นคืนชีพอีกครั้งในยุคใหม่ 2011
จำไม่ได้แล้วว่า, ครั้งสุดท้ายที่ได้เชียร์ลิเวอร์พูลอย่างมีความสุขแบบนี้เกิดขึ้นเมื่อใด ลิเวอร์พูลยกระดับการเล่นขึ้นมาได้อย่างน่าเกรงขาม จากทีมที่เล่นบอลได้ไร้ซึ่งจินตนาการ ไร้ซึ่งระบบ ระเบียบและแบบแผน กลับกลายเป็นทีมที่เล่นฟุตบอลได้อย่างน่าดูชม ในชั่วเวลาเพียงข้ามคืน
มรดกที่ดัลกลิชสืบทอดมาจาก รอย ฮ็อดจ์สัน เขาใช้เวลาเพียงแค่ 2 สัปาดาห์ ชุบชีวิตหงส์ตัวนี้ขึ้นมาใหม่ ด้วยสไตล์การเล่นแบบใหม่ (Pass & Move) จัดการปรับเปลี่ยนแท็กติกและระบบการเล่นใหม่หมด ภายใต้ขุนพลชุดเดิม ผลลัพธ์จากโมลินิวซ์ กราวน์ มันสะท้อนให้เห็นชัดเจนแล้วว่า ฝีมือของ คิง เคนนี่ นั้น คู่ควรแก่คำว่า คารวะ มากเพียงใด
จากผลงานในเกมนี้ ใช้เป็นคำตอบได้เป็นอย่างดีแล้วว่า เคนนี่ ดัลกลิช คือผู้จัดการทีมที่ดีมากๆ ท็อปคลาส นั่นคือคำให้สัมภาษณ์จากปากของ มิค แม็คคาร์ธี่ กุนซือของวูล์ฟ ผู้ซึ่งยอมศิโรราบให้กับกุนซือยอดฝีมืออย่าง เคนนี่ ดัลกลิช โดยดุษฎี
หงส์แดงยุค คิง เคนนี่ รีเทิร์น ได้ยกระดับการเล่นขึ้นมาอย่างไร?
- ประการแรก, ลิเวอร์พูลสามารถนวดคู่ต่อสู้ในกรอบ 20 หลาของสนามได้มากขึ้น สร้างโอกาสในการเข้าทำได้มากขึ้นอย่างชัดเจน นั่นหมายความว่าเราสามารถกดดันคู่แข่ง ไม่ให้ตั้งหลักได้โดยง่าย และบางทีการกลับมาของแอ็กเกอร์ในครั้งนี้ จะทำให้เขามีความมั่นใจที่เต็มเปี่ยม ก้าวไปข้างหน้าอย่างเด็ดเดี่ยว
- เราได้เห็นการจุติของเทพตนใหม่แห่งแอนฟิลด์ กับการได้เล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวฟรี และดัลกลิชสามารถรีดความสามารถของ สักอรหันต์ ให้ฉายแสงได้อย่างเจิดจรัสในแผงมิดฟิลด์อย่างเต็มตัว ไมเรเลสแสดงให้เห็นแล้วว่าเขาเป็นนักเตะระดับคุณภาพอย่างแท้จริง, บางที่อาจจะไม่สามารถเอาชนะในจังหวะ 50/50 ได้ในทุกครั้งไป แต่พลังงานที่เขามีอย่างไม่มีที่สิ้นสุด และวิสัยทัศน์ในการอ่านเกมนั้นต่างหากเล่า ที่ช่วยเขย่าขวัญบรรดาแนวรับฝ่ายตรงข้ามได้อย่างน่ากลัว
- เราได้เห็นระดับความฟิตของนักเตะในสนามที่เพิ่มสูงขึ้น นักเตะทั้ง 10 คน ช่วยกันวิ่งไล่บอลได้อย่างน่าชื่นชม การมีสมาธิอยู่กับเกม ก่อให้เกิดความนิ่ง ส่งผลให้เกิดความผิดพลาดที่น้อยลงไป และนี่คือสภาพความฟิตที่ยกระดับขึ้นมาอย่างชัดเจน
- ความเชื่อ และ ความมั่นใจ, ดูเหมือนว่าเรากำลังได้เห็นตอร์เรสคนเดิมกลับมา เขากำลังได้แรงสนับสนุนที่ดีขึ้น ภายใต้การคุมทีมของ รอย ฮ็อดจ์สัน นั้น ตอร์เรสค่อนข้างโดดเดี่ยวในกรอบเขตโทษ ดัลกลิชเจียระไนการเล่นของตอเรสขึ้นมาใหม่ แทนที่จะเป็นการสูดลมหายใจแบบยาวๆให้ทิ้งไป แต่ตอร์เรสในวันนี้กลับมาสร้างโอกาสให้เพื่อนร่วมทีมได้มากขึ้น ตัวอย่างเช่น การวางบอลยาวไปให้เพื่อนที่อยู่ในตำแหน่งที่ได้เปรียบ
- มรดกตกทอดจากราฟาอย่างลูคัสกำลังมีฟอร์มการเล่นที่ดีวันดีคืน ลูคัสสามารถเก็บบอลและผ่านบอลไปยังทิศทางที่ได้เปรียบอย่างแท้จริง จริงอยู่, เขาอาจจะไม่ใช่นักเตะในแบบฉบับ แกรม ซูเนสส์ หรือไม่ใช่พันธุ์มอนสเตอร์อย่างมาสเคราโน่ แต่หากเขารู้จักที่จะเก็บจังหวะบอล และเคลื่อนย้ายมันได้อย่างชาญฉลาดแบบนี้ มันก็เป็นเรื่องยากที่คู่ต่อสู้จะจับทางได้ง่ายๆ
- วันนี้ เคลลี่ และ เชลวีย์ อาจจะยังไม่ใช่คำตอบสุดท้าย การที่เขาได้เรียนรู้จากการไล่ประกบจาร์วิสในเกมนี้นั้น มันคือประสบการณ์ล้วนๆ ที่จะทำให้อนาคตของเขาดูสดใสได้เหมือนกัน
- การสนับสนุน, เมื่อนักเตะคนหนึ่งได้บอล ในขณะที่อีก 2 คนก็ช่วยกันเคลื่อนที่หาช่องว่าง มันทำให้บอลต่อไปสามารถเคลื่อนที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ใช่แล้วครับ..! ผมกำลังหมายถึง Pass & Move นั่นเอง
- การขึ้นเกมจากพื้นที่ด้านกว้าง, จริงอยู่ ณ วันนี้ลิเวอร์พูลอาจจะยังขาดแคลนนักเตะในแบบ ฉบับเลื้อยสเด่าทรวง แต่ดัลกลิช และ สตีฟ คล๊าก ก็ได้ทำให้นักเตะได้เรียนรู้วิธีการเดินเกมรุกจากด้านกว้าง และสร้างพื้นที่ให้กับตอร์เรสได้วิ่งหลอกกองหลังคู่ต่อสู้ได้อย่างร้ายกาจ
- ผู้จัดการทีมสามารถเข้าใจในการบริหารจัดการทีมลิเวอร์พูล เขาคือตำนาน, และเขาก็ใช้บารมีที่เขามีอย่างถูกวิธี นี่แหละคือผู้จัดการทีมที่ยิ่งใหญ่ ประสบการณ์จากที่เคยทำทีมคว้าแชมป์มากมาย มันยังคงทรงคุณค่าและน่าศรัทธาอยู่เสมอไป
หงส์แดงยุคใหม่เพิ่งเริ้มต้นเท่านั้น นับจากนาทีนี้ไปเครื่องจักรสีแดงสายพันธุ์ใหม่ จะได้เวลาออกอาละวาดอย่างเต็มประสิทธิภาพเสียที โปรดจับตามองเครื่องจักรสีแดงยุคใหม่ ยุค คิง เคนนี่ รีเทิร์น ...