คาใจวะ จุดโทษและใบแดงปริศนา

จุดโทษและใบแดงปริศนา

เขียนเป็น: เรียนคุณ บอ.บู๋ เรื่องจุดโทษและใบแดง

 

หนูยิ้มขอถามตรงๆ เถอะนะคะว่าด้วยโทษฐานของ เด็กผี พวกคุณควรภูมิใจหรือไม่ที่ทีมรักของตัวเองเอาชนะคู่แข่งในศึกแดงเดือดเมื่อวันอาทิตย์ด้วยจุดโทษและใบแดงที่ ฮาเวิร์ด เว็บบ์ บรรจงมอบให้เป็นของขวัญปีใหม่?


 


คุณหนูยิ้ม



 


...



 


ส่งไม่ตาย: ในเมื่อคุณหนูยิ้มถามตรงๆ กระผมก็ขอตอบตรงๆ อย่างเป็นกลางในฐานะของคอลัมนิสต์และนักข่าวลูกหนังผู้มีความตรงไปตรงมามากที่สุดในประเทศแล้วกันนะครับว่าเด็กผีสมควรภาคภูมิใจกับชัยชนะของ แมนฯ ยูไนเต็ด ในศึกแดงเดือดขบวนล่าสุดที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด แบบเต็มประดาครับ
 
เหตุเพราะมันเป็นชัยชนะที่เกิดขึ้นบนความขาวสะอาด ไม่ได้เป็นปริศนา และไม่ได้ขี้โกงแต่อย่างใด ที่สำคัญคือมันไม่ได้เป็นความผิดพลาดของผู้ตัดสินอย่างแน่นอน ทั้งจุดโทษที่มอบให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ตั้งแต่วินาทีที่ 32 หรือใบแดงที่ควักให้ สตีเว่น เจอร์ราร์ด เพียงนาทีที่ 32 จนก่อให้เกิดความเหลื่อมล้ำ และนำมาซึ่งข้ออ้างในความปราชัยของ...เอ่อ..อ..อ...ของ...เอ่อ..อ...อ...ของใครก็ช่างมันเถอะ
 
มาว่ากันที่เรื่องจุดโทษก่อน
 
สาบานตามตรงนะครับว่าพลันที่เห็น ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ เสียหลักล้มกลิ้ง ผมก็ไม่คิดว่ามันจะเป็นจุดโทษ!
 
แต่จากภาพช้าที่นำมา รีเพลย์ อย่างซ้ำแล้วซ้ำเล่าในหลายมุมแสดงให้เห็นว่า ดาเนี่ยล แอ็กเกอร์ สะกิดขา ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ จนเสียการทรงตัวจริงๆ
 
แม้จะไม่รุนแรงหรือน่าเกลียด แต่ก็เป็นการทำฟาวล์ ซึ่งเกิดขึ้นในกรอบเขตโทษ เข้าใจครับว่าเกมเพิ่งเริ่ม แถมจุดที่ เบิร์บ โดนทำฟาวล์ยังไม่เป็นอันตรายต่อ ลิเวอร์พูล ถึงขนาดสังเวยประตู แต่ในฐานะของคอลัมนิสต์ผู้มีอาการทางจิต ขอยืนยันด้วยเกียรติของลูกผู้ชายว่าครั้งไหนที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่สมควรได้จุดโทษ ผู้ขายวิญญาณให้ปีศาจอย่างผมก็จะยอมรับตามตรงบนหน้ากระดาษครับว่ามันไม่สมควร หรือถ้ามันเป็นความห่วยแตกของผู้ตัดสินก็ต้องบอกว่ามันเป็นความห่วยแตกของผู้ตัดสิน คือผิดก็ว่ากันตามผิด ถูกก็ว่ากันตามถูก เห็นอย่างไรก็แสดงทัศนะตามที่ตาเห็นนั่นแหละครับ
 
แหม...เขียนถึงเรื่องนี้แล้วขอพาดพิงถึงผู้ประกาศข่าวกีฬาคนหนึ่งของฟรีทีวีบางช่องตอนเช้ามืดสักหน่อย พี่แกออกตัวว่าเป็นเด็กผี แต่ทำเป็นยอมรับสารภาพในรายการว่า ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ พุ่งล้มเพื่อเอาจุดโทษซะอย่างนั้น กุมารทองที่ผมเลี้ยงไว้ได้ยินเข้าถึงกับสบถออกมาว่า พุ่งล้มพ่อมึงดิ!
 
แบบนี้แหละครับที่เรียกว่า เสแสร้ง และไม่จริงใจ คือพยายามทำเป็นรักษาน้ำใจท่านผู้ชมทางบ้านที่เป็นเด็กหงส์ เพราะกลัวถูกด่าหาว่าเข้าข้างทีมที่ตัวเองเชียร์เลยทำเป็นพูด ออกตัว และแกล้งโง่เพื่อเอาใจ ปัญหาคือคนอื่นที่เขาไม่ได้เหตุการณ์หรือฟังแต่คำพูดของคุณอาจเข้าใจผิดคิดว่า บักเบิร์บ พุ่งล้มเพื่อเอาจุดโทษ
 
ขนาดมองอย่างเอาใจเขามาใส่ใจเราแล้ว ผมก็ยังว่าฟาวล์ครับ เพียงแต่ถ้า ฮาเวิร์ด เว็บบ์ ไม่ให้จุดโทษก็ไม่มีใครว่า ขอย้ำว่าไม่ให้ก็ไม่มีใครว่า (ถ้าดูอย่างเข้าใจในเกมลูกหนัง การฟาวล์ในเขตโทษ มิได้หมายถึงจุดโทษเสมอไป) ซ้ำยังเชื่อว่าแฟนผีไม่เดือดร้อนด้วย เพราะมันเกิดขึ้นรวดเร็วบนความไม่รุนแรงและไม่น่าเกลียดสักเท่าไหร่
 
แต่ถ้าได้จุดโทษก็ เอานะ อิอิอิ
 
ส่วนเรื่องใบแดงของ สตีเว่น เจอร์ราร์ด
 
เหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างสายฟ้าผ่าหัวหมา เรียนตามตรงว่าผมก็ไม่คิดอีกเช่นกันครับว่าผู้ตัดสินจะใจร้ายกับหัวหน้าทีมลิเวอร์พูลขนาดนี้
 
กระทั่งได้ดูจากภาพช้านั่นแหละถึงเข้าใจว่าทำไม ไมเคิ่ล คาร์ริค ถึงออกอาการชักดิ้นชักงอบนฟลอร์หญ้าซะขนาดนั้น
 
ก็พี่เจิดแกเล่น จัดหนัก ทั้งกระโดดยันพร้อมกัน 2 ขา แถมยังเปิดปุ่มอีกต่างหาก ถือเป็นการเข้าบอลแบบฮาร์ดคอร์อาจส่งผลให้คู่แข่งได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสเลยทีเดียว
 
ใบแดง จึงสมควรแล้วที่จะถูกควักออกมามอบให้ สตีวี่ จี มิใช่ใบเหลือง
 
มิเท่านั้นเมื่อภาพจับไปที่ เคนนี่ ดัลกลิช ตอนเดินไปดูภาพช้าจากทีวีที่ข้างสนาม พี่แกก็มิได้แสดงอาการดิ้นพล่านออกมา ไม่มีแม้แต่การส่ายหัวแบบเซ็งๆ  จึงตีความได้จากลักษณะทางกายภาพว่าเขายอมรับในคำตัดสินโดยไม่มีข้อโต้แย้ง
 
จังหวะที่ตุลาการสนามผิดพลาดมากที่สุดเกิดขึ้นในครึ่งหลังต่างหาก ตอนที่ แมนฯ ยูไนเต็ด กระหน่ำยิงติดต่อกันเป็นชุดๆ โดย เปเป้ เรน่า ป้องกันได้ทุกดอก จังหวะสุดท้าย ไรอัน กิ๊กส์ ล็อคหลบคู่แข่งในเขตโทษ ก่อนโดนเสียบคว่ำ ขอบอกว่าชัดเจนกว่าจังหวะที่ได้จุดโทษอีกนะครับ แต่กลับถูกหมางเมินซะอย่างนั้น อาจเพราะผู้ตัดสินมองเป็นลูกได้เปรียบ เพราะบอลไหลไปเข้าทางตีนของ ปาทริซ เอวร่า ซึ่งนายประตูหงส์แดงเหินปัดข้ามคานออกไป
 
สรุปว่า ฮาเวิร์ด เว็บบ์ ไม่ถึงกับทำหน้าที่ผิดพลาดอย่างน่าเกลียด แค่เป่านกหวีดแบบโหดเหี้ยมและเถรตรงเกินไปหน่อยจนไม่ค่อยมีศิลปะเท่านั้นเอง
 
อย่างไรก็ตามหากจะเถียงกันเรื่องผู้ตัดสิน มันก็คงต้องเถียงกันให้เด๊ดห่าไปข้าง ไม่มีวันจบสิ้น ต่างฝ่ายต่างมีเหตุผลของตัวเองทั้งนั้น
 
อย่าลืมว่าไม่มีใครได้เปรียบหรือเสียเปรียบจากคำตัดสินของท่านตุลาการสนามไปตลอดหรอกครับ
 
ในศึกแดงเดือดเมื่อฤดูกาลก่อนที่ แอนฟิลด์ (ลิเวอร์พูล ชนะ 2-0 เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2009) ไมเคิ่ล คาร์ริค ถูกเสียบล้มในเขตโทษอย่างโคตรชัดเจน ผู้ตัดสินชื่อ อังเดร มาริเนอร์ กลับยักไหล่ไม่แยแสซะอย่างนั้น แถมอีกจังหวะที่ ไมเคิ่ล โอเว่น หลุดเดี่ยว เขาถูกเพื่อนเก่าอย่าง เจมี่ คาร์ราเกอร์ ใช้มือฉุดกระชากลากถูจนเสียหลัก พี่แกก็ไม่ยอมไล่ปราการหลังของหงส์แดงออก ขอบอกว่าเกมนั้นต่างหากที่ผู้ตัดสินผิดพลาด (เพียงแต่เจ้าหน้าที่ทีมและผู้ชมไม่มีสิทธิ์ลงไปไล่กระทืบผู้ตัดสินนะครับ)
 
ถึง ลิเวอร์พูล จะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ สิ่งผมรู้สึกได้อย่างหนึ่งคือกุนซือระดับบรมครูอย่างท่านเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ก็เกรงศักดิ์ศรี เคนนี่ ดัลกลิช เหมือนกัน โดยมันสะท้อนออกมาด้วยรูปเกมในสนามนั่นแหละ
 
แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ประตูนำ แถมได้เปรียบตัวผู้เล่นที่เยอะกว่า คุณป๋ากลับสั่งให้ลูกทีมเน้นแท็คติกบนความรัดกุมแทนที่จะเปิดเกมรุกบดกระหน่ำพลางกดแบบไม่เหลือซากเพื่อความสะใจของเหล่าสาวก นอกจากนี้พลพรรคปีศาจสามง่ามยังเล่นแบบกลัวๆ เกร็งๆ ก่อให้เกิดความผิดพลาดง่ายๆ ในการผ่านบอลบ่อยครั้งอย่างน่าหงุดหงิด โดยเฉพาะ ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์ กับ นานี่ ไม่ทราบว่าลงไปทำแมวน้ำอะไร
 
ถ้า ลิเวอร์พูล ยังมีกุนซือชื่อ รอย ฮ็อดจ์สัน บางทีอาจประสบความวายป่วงมากกว่านี้ก็เป็นได้ ฉะนั้นจึงอยากให้คุณหนูยิ้มรู้จักปล่อยวางซะบ้าง อย่าไปตั้งแง่ตั้งงอนกับผู้ตัดสินให้มาก แพ้ก็ต้องยอมรับ เถียงไปก็เปลี่ยนผลการแข่งขันไม่ได้ อย่าปล่อยให้โมหะและโทสะบังตาจนไม่ยอมรับความจริงที่เกิดขึ้น พี่รู้นะคะว่าเธอเจ็บ แต่เดี๋ยวก็ชิน นี่ยังไม่ชินกันอีกเหรอ? ถุยส์ส์ส์!! ไม่ใช่แล้ว...ไอ้บ้า!!! พี่รู้นะคะว่าหนูเจ็บ แต่วันหนึ่งหนูก็มีโอกาสทำให้พี่เจ็บเหมือนกัน...ชิมิ อิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิ ชะอุ้ยส์! ดันลืมตัวหัวเราะแบบมีเลศนัยออกมาหลายดอกเลยเชียว หุ-หุ-หุ กิ-กิ-กิ หะโหย-หะโหย


 
บอ.บู๋
Bbmeetyou@yahoo.com


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์