เชียร์หงส์ไปน้ำตาก็เล็ดไป
ถ้าเป็นยักษ์ ดอยแดง ป่านนี้คงปี่แตกเป่าเป็นเพลงมโหฬี เตร๊ง เตรง เตร่ง เตร๊งงงงง ไปแล้ว
นาทีนี้แทบจะตะลอนบอลออนเน็ตไม่ออกเลยโดยเฉพาะกับการที่ต้องเห็น คิง เคนนี่ ลงมาคลุกฝุ่น
บางคนบอกว่า พี่เคน กลับมาครั้งนี้เปลืองตัวไปหรือเปล่า?
ทว่ารักกันจริงมันต้องอย่างงี้สิ เปลืองเปลิงอะไรไม่สำคัญเท่ากับคุณยังมีลมหายใจเป็นลิเวอร์พูลอยู่หรือไม่
และนี่งัยครับที่ทำไมเสียงเรียกของ ดัลกลิช ถึงดังอยู่แม้ว่าลิเวอร์พูลในยุคของเขาจะปราชัยสองนัดติดทั้งในเอฟเอ คัพ ต่อปีศาจแดง และแคนนอนมาถึงความช้ำใจหัวใจเป็นสีม่วงเมื่อเจ๊งต่อแบล็คพูลอีกในพรีเมียร์ลีก
แถมเป็นการถูกตบหน้าซ้าย-ขวาไปกลับจนสั่นชนิดที่ไอ้เราคนเขียนยังหน้าชาอยู่เลย
บ้างว่า ดัลกลิช กลับมาเพื่อสางงานที่เคยคั่งค้างหลังเคยทิ้งทีมไปดื้อๆและถูกปรามาสว่านี่คือต้นตอที่แท้จริงที่ทำให้ลิเวอร์พูลกู่ไม่กลับ
หาใช่ แกรม ซูเนสส์ ไม่
ลิเวอร์พูลเปลี่ยนมันไปซะทุกอย่างแล้วกลุ่มทุนใหม่ตัวฉีดน้ำมันเอย, ผู้จัดการทีมเอย แต่อะไรต่อมิอะไรก็ยังไม่ดีขึ้น ทีนี้คงต้องมองแล้วว่าปัญหาอยู่ตรงๆไหน
ถูกต้อง นักเตะ ใช่เลย
อมาวสีชัดๆสงสัยต้องทำบุญครั้งใหญ่ที่แอนฟิลด์ ใช่มั้ยๆ
ปัญหาของลิเวอร์พูลมันพันกันอีรุงตุงนังสิ้นดีที่สำคัญดูเหมือนอะไรต่อมิอะไรไม่เข้าแก๊ปซะด้วย
ความผิดพลาดสำหรับบางทีม บางครั้งไม่นำมาซึ่งการเสียประตู แต่ฤดูกาลนี้ลิเวอร์พูลพลาดเมื่อไหร่เป็นโดนและเสียศูนย์ เสียทรง
ราอูล เมยราเลส พลาดจ่ายบอลเสียในจังหวะที่โดนแบล็คพูลตีเสมอ แกรี่ เทย์เลอร์ เฟล็ทเชอร์ หลุดแหวกเซนเตอร์ไปยิงนิ่มๆ แล้วลูกที่โดนแซง เกล็น จอห์นสัน (อีกแล้ว) ยืนบื้อใบ้ไม่ประกบ ดีเจ แคมป์เบลล์ เลยโดนขวิดไส้แตก
ทำให้ประตูนำไก่โห่ของเฟร์นานโด ตอร์เรส ไร้ซึ่งความหมาย
ทั้งๆที่จะว่าไปแล้วกลับกันลองคิดดูว่าถ้าเกมนี้ลิเวอร์พูลเก็บชัยชนะได้สถานการณ์จะเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือทีเดียว
ตอร์เรสคงจะมีความมั่นใจมากขึ้น, แฟนบอลคงใจชื้นขึ้น, ดัลกลิช คงมีกำลังใจมากกว่าเก่า
แต่ในเมื่อเราทำไม่ได้และกลับมาเป็นฝ่ายพ่ายแพ้บางคนบอกว่าเป็นบทเรียน
กระนั้นคนที่ควรจะถูกถามมากที่สุดก็คือบรรดานักเตะนี่แหละว่าคุณต้องการบทเรียนอีกเท่าไหร่ เพราะดูเหมือนว่ามันเป็นบทเรียนที่เจอซ้ำซากและเหมือนไม่เข้าใจ ไม่ถ่องแท้ซะที
ฉะนั้นจากนี้ไปเห็นที ดัลกลิช คงต้องงัดไม้แข็งมาเล่นซะแล้ว
ใครที่ไม่ทุ่มเท เล่นเหมือนซังกะตาย ไม่มีแรงจูงใจก็ดร็อปซะ บางคนคลาสไม่ถึงก็ควรคุยหาทีมใหม่ตั้งแต่เนิ่นๆได้เลยเพราะเล่นไปยังไงชั้นมันก็ไม่ถึงอยู่ดี
มันสำคัญครับที่ต้องประชุมทีมด่วนว่าตกลงแล้วใครมีใจเหลือให้ลิเวอร์พูลเท่าไหร่เพื่อที่จะได้นำมากำหนดทิศทางการเดินหน้าของสโมสรนับจากนี้ไปถูก
สิ่งสำคัญตอนนี้เราเห็นแล้วว่าปัญหาของลิเวอร์พูลมันอยู่ที่นักเตะจริงๆไม่ใช่ความผิดของ รอย ฮ็อดจ์สัน หรืออะไร ว่าแล้วก็น่าเสียใจแทนแต่ทุกอย่างต้องเดินหน้า
นักเตะต้องรู้ว่าคุณเล่นคุ้มกับค่าเหนื่อย คุ้มกับความศรัทธาที่เดอะค็อปมอบให้หรือไม่
เพราะถ้าเล่นเหมือนซังกะตาย คุณก็เหมือนกับย่ำยีศรัทธาเหล่านั้นให้แตกสลาย
ดัลกลิช ต้องทำแล้วครับคือขอใจผู้เล่นและคงมองออกว่าใครหมดใจ จากนั้นถึงใช้เวลาที่ยังมีอยู่นี้ลงตลาดใหม่
เห็นๆเลย มิดฟิลด์ตัวขับเคลื่อนเกมดีๆสักหนึ่ง, เซนเตอร์ฮาล์ฟ แล้วก็กองหน้าที่ต้องมาแบ่งเบา เอล นินโญ่
เราต้องอยู่บนโลกแห่งความจริงเสียที
นาทีนี้ลิเวอร์พูลไม่ใช่ทีมที่ยิ่งใหญ่ แต่ก็ไม่ใช่ทีมที่ตายไปแล้วซะทีเดียว
ปัญหาทุกอย่างมีทางแก้ แต่ก็ต้องการการตัดสินใจที่เด็ดขาด และถูกต้องด้วย
ที่สำคัญหวังว่าบอร์ดบริหารคงไม่ทิ้งกันด้วยการปิดงบมันดื้อๆ
ในฐานะแฟนหงส์ตอนนี้คงคิดแค่ว่าในเมื่อมันแย่แล้วก็เอาให้สุดๆแล้วฉุดตัวเองขึ้นมาใหม่
จงเชิดหน้ามองว่าคุณกำลังทำเพื่อใคร
เสียงที่อยู่บนอัฒจรรย์มีความหมายหรือไม่
แล้วถามว่านาทีนี้คุณยังมีเลือดหงส์อยู่หรือเปล่า
ถ้ามีก็จงเล่นฟุตบอลในสไตล์ลิเวอร์พูลที่เราเคยภาคภูมิใจให้เห็นซะทีเถอะ
ขอภาวนา(อาเมน)ว่าคงจะได้เห็น
แม้วันนี้ดูเหมือนจะยังไม่มีหวังก็ตาม