ทีมชาติอังกฤษคว้าแชมป์กลุ่มลอยตัวเข้ารอบฟุตบอลโลกไปตามคาดหมาย และกลับมาเป็นสิงโตคำรามอย่างที่แฟนๆ อยากเห็นอีกครั้ง
ภาพเสียๆ ที่เคยกลายเป็นอังกฤษตรางู หรือทีมแมวเหมียวตอนแพ้ไอร์แลนด์เหนือถูกลืมไปเรียบร้อย ซึ่งผมว่ามันก็สมควรเพราะไม่ว่าทีมใหญ่ ขนาดไหนก็ต้องเจอ อุบัติเหตุ กันบ้างเป็นเรื่องธรรมดา
อังกฤษเอาชนะโปแลนด์ด้วยฟอร์มที่น่าประทับใจพอสมควรแค่นี้ก็ถือว่าดีตามอัตภาพแล้วแหละครับ แม้จะไม่มีตัวหลักๆ อย่าง เบ็กแฮม กับ แอชลี่ย์ โคล แต่ภาพรวมๆ ก็ไม่เสียหายอะไรเลย
แสดงว่าทีมของ สเวน โกรัน อีริคสัน ก้าวหน้าขึ้นมาอีกขั้นหนึ่ง
ทุกวันนี้ไม่ว่าระดับสโมสรหรือทีมชาติ ใครหวังจะประสบความสำเร็จต้องมีทีมที่ใหญ่พอประมาณ ขาดตัวจริงไปราย-สองราย พวกที่เหลือก็เสียบแทนได้ทันที
ในกรณีของอังกฤษ, อีริคสันมีตัวผู้เล่นรอสแตนด์บายสำรองกันไว้ตำแหน่งละ 2 คนเป็นอย่างน้อยเกือบครบทุกตำแหน่ง จะมีที่แทนกันไม่ได้อยู่บ้างก็คงจะเป็น เวย์น รูนี่ย์ คนเดียวเท่านั้น
เกมชนะโปแลนด์ซึ่งรูนี่ย์กลับมาเป็นตัวจริง เห็นชัดเลยนะครับว่าเกมบุกลื่นไหลขึ้นมีตัวต่อบอลกับกองกลางที่สามารถพลิกไปยิงได้เอง หรือจ่ายบอลต่อให้เพื่อนอย่างมีประสิทธิภาพ แถมเจ้าตัวยังพยายามควบคุมอารมณ์ได้ดีกว่าเดิมอีกต่างหาก
นักเตะพรสวรรค์อย่างนี้ถ้าไม่แพ้ภัยตัวเองซะอย่าง มีหวังไปไกลสุดๆ ทั้งเรื่องความสำเร็จส่วนตัวและผลงานกับทีม
องค์ประกอบของอังกฤษเกือบลงตัว เป็นโครงสร้างของแชมเปี้ยนอยู่แล้ว เหลือแค่เคลียร์ปัญหาเล็กๆ อีก 2 จุดให้เรียบร้อยเท่านั้นแหละ
สิงโตคำราม เจอราร์ดควรเสียสละ เพื่อถ้วยบอลโลก โดยเอกราช เก่งทุกทาง
อย่างแรกต้องขอความเสียสละจาก สตีเวน เจอร์ราร์ด
ฟอร์มล่าสุดของ แฟรงก์ แลมพาร์ด ทำให้มิดฟิลด์เชลซี มีหน้าเสื่อดีกว่า สตีวี่ จี ไปแล้ว นับจากนี้ถ้าทั้ง 2 คนลงเล่นพร้อมกัน เจ้าแฟรงก์ย่อมถูกวางให้เป็นเพลย์เมกเกอร์คอยปั้นเกมรุกเต็มตัว ขณะที่เจอร์ราร์ดต้องถอยลงมาต่ำรับผิดชอบเกมรับมากขึ้นกว่าเดิม
ตรงนี้คือสิ่งที่ต้องการความเสียสละจากกัปตันทีมหงส์แดง เพราะจะว่าไปแล้วถ้าจับพรสวรรค์ เอาความคิดสร้างสรรค์มาเทียบกัน เจอร์ราร์ดไม่เป็นรองแลมพาร์ดแน่ๆ แต่เวลาดูการเล่นรวมๆ ดาวดังเชลซีกลับแน่นอนกว่า เล่นเป็นทีมดีกว่าไม่ใช่หวือหวา กล้าได้กล้าเสียแบบเจอร์ราร์ด ซึ่งบางครั้งก็ทำให้พรรคพวกตกอยู่ในสถานการณ์คับขันเพราะเล่นเสี่ยงเกินไปโดยไม่จำเป็น
ส่วนใหญ่คนเป็นกุนซือจะชอบของตายอย่างแลมพาร์ดมากกว่า
แล้วความจริงมิลฟิลด์คู่นี้ก็ไม่ใช่ว่าจะเล่นร่วมกันได้ดีสักเท่าไร มันเหมือน กั๊กๆ กันยังไงไม่รู้ เพิ่งจะมีวันที่เจอกับออสเตรีย 2 นัดที่แล้วนี่แหละที่เจอร์ราร์ดถูกสั่งให้ลงต่ำเพื่อเปิดช่องให้แลมพาร์ดเล่นได้อย่างมีอิสระ เกมก็เลยดูเป็นระเบียบเรียบร้อยกว่าเดิม
แต่ก็น่าเสียดายเกมบุกของเจอร์ราร์ดอยู่เหมือนกัน
อีกอย่างที่อังกฤษต้องรีบทำการบ้านก่อนไปลุยรอบสุดท้าย คือ หาตัวมารอ เสริมช่วย โจ โคล ในตำแหน่งมิลฟิลด์ฝั่งซ้าย
ทุกวันนี้ทีมสิงโตคำรามหวังพึ่งโคลอยู่คนเดียว ทั้งที่จริงๆ แล้วก็ไม่ใช่ตำแหน่งที่ดีที่สุดของเจ้าตัวด้วยเหมือนกัน
อังกฤษบอดซ้ายเห็นๆ ยิ่งถ้าโคลเจ็บไปซะคน เผลอๆ อาจต้องดันแอชลีย์ โคล ขึ้นมาช่วยขัดตาทัพเอาซะด้วย
ถ้าแก้ปัญหา 2 ข้อนี้ได้ อังกฤษก็เป็นแชมป์โลกกับเขาได้เหมือนกัน