จาก คอลัมนน์ Red Alert ในหนังสือพิมพ์คิกออฟ โดย ลูกแม่กิ่ง
เรามักได้รับการสั่งสอนเสมอมาว่าอันมนุษย์นั้นไม่อาจตัดสินคนเพียงแค่เห็นรูปลักษณ์ได้
คนที่มีรูปโฉมดีแต่มีจิตใจต่ำช้าสามานย์มีมากมาย
คนที่อัปลักษณ์แต่จิตใจดีก็มีมากมายเช่นกัน
ดังนั้นก่อนที่จะคิดตัดสินใครก็ขอให้ได้ทำความ รู้จัก กันอย่างลึกซึ้งถึงตัวตนของคนๆนั้นเสียก่อน เพื่อที่จะได้รับรู้ว่าที่แท้แล้วเขาคนนั้นเป็นอย่างไร
เหมือนที่เราควรจะทำความรู้จักชีวิตและความเป็นมาของปีเตอร์ เคราช์ กองหน้าร่างชะลูดที่เป็นหนึ่งใน 4 ดาวยิงพระกาฬของราฟา เบนิเตซ ที่ถูกมองว่ามีฝีเท้า ต่ำ ที่สุดเมื่อเทียบกับเฟร์นันโด ตอร์เรส, อังเดร โวโรนิน หรือเดิร์ค เคาท์
ทั้งที่ความจริงแล้วเคราช์ก็เป็นหนึ่งในกองหน้าที่มี เอกลักษณ์ ประจำตัวเหมือนๆคนอื่น
และสำคัญคือมีหัวใจนักสู้ไม่แพ้คนอื่นเลยด้วย
บันทึกเรื่องราวของปีเตอร์ เคราช์ บุตรชายของครอบครัวที่ค่อนข้าง มีอันจะกิน ทำให้แค่การเริ่มต้นเขาก็แตกต่างจากนักฟุตบอลโดยส่วนใหญ่ของอังกฤษและของโลกที่มักจะเริ่มต้นจากครอบครัวที่ยากไร้แทบจะใช้สองขาเพื่อแลกข้าวเลยทีเดียว
เคราชี่ ยังมีชีวิตที่โลดโผนไม่น้อย เมื่อลืมตาดูโลกที่อังกฤษในเมืองแมคเคิลฟิลด์ แต่กลับต้องเดินทางไปอยู่สิงคโปร์ตั้งแต่ยังไม่รู้ประสีประสา ตามคุณพ่อที่ได้ทำงานเป็นผู้บริหารบริษัทสื่อโฆษณาแห่งหนึ่งที่ต้องมาประจำทาง ฟาร์อีสต์
ชีวิตที่เติบโตในสิงคโปร์และมาเลเซียทำให้เคราช์ เริ่มต้นพูดภาษาแรกคือภาษา กวางตุ้ง!
แถมยังเคยเกือบโดนลักพาตัวโดยพรรคคอมมิวนิสต์ของมาเลเซียอีกด้วย!
ครั้นพอกลับมาที่อังกฤษ พ่ออยากให้เรียนโรงเรียนประจำโรงเรียนประจำอย่างดีที่ลาไทเมอร์ แต่เจ้าเคราช์น้อยก็ดันสอบไม่ผ่านเสียอย่างนั้น
สุดท้ายก็เลยได้เรียนที่อีลลิง โรงเรียนธรรมดาๆแห่งหนึ่ง
แต่อย่างน้อยมันก็เป็นโรงเรียนที่ปลูกฝังศาสตร์ลูกหนังให้กับเจ้าหนูที่มีรูปร่างสูงใหญ่ผิดจากเด็กคนอื่นมาตั้งแต่เด็ก
และเสียงล้อเลียน ไอ้ตัวประหลาด ก็เริ่มดังขึ้นตั้งแต่นั้นเลย..
ชีวิตในวัยเด็กของเคราช์จึงไม่ใช่ชีวิตที่ ง่าย เลยแม้แต่น้อย เมื่อต้องเผชิญกับการ ต่อต้าน จากคนรอบข้างมาโดยตลอด เพียงแค่มีรูปร่างที่แปลกแยกแตกต่างจากทุกคน
จะเล่นบอลก็โดนหาว่าโกงอายุก่อนแล้ว
ซ้ำร้ายผู้ปกครองของนักเตะอายุน้อยหลายคนก็แสดงออกถึงการรังเกียจราวกับเคราช์ไม่ใช่เด็กคนหนึ่ง
หักขาแม่งเลย หรือ ไอ้โย่งตัวประหลาด มักจะลอยมากระทบหูของเคราชี่ตลอดเวลา
ความจริงมันไม่ได้กระทบแค่หู
แต่มันกระทบถึงใจของเด็กที่แม้จะรูปร่างสูงใหญ่ราวกับยักษ์ แต่หัวใจของเขามันยังโตไม่เต็มวัยเสียด้วยซ้ำ
โชคดีของเคราช์ที่มีพ่ออย่างบรู๊ซ เคราช์ ที่พร้อมต่อสู้กับเสียงนกเสียงกาเหล่านั้น โอบกอดลูกชายยามท้อแท้ และตักเตือนต่อว่าเมื่อเคราชี่ทำตัวเป็นเด็กมีปัญหา
ผมคงต้องบอกว่าทุกอย่างที่ผมมีในวันนี้มันจากการที่พ่อรู้ว่าผมมีความสามารถ เคราช์จูเนียร์เล่าถึงคนสำคัญในชีวิต เขาไม่ได้ต้องการให้ผมเสียเวลาเปล่าแต่ถ้ามีอะไรที่ดูแล้วผมจะพลาดพลั้งพ่อก็จะบอกให้ผมรู้ แม้แต่ตอนนี้ถ้ามีอะไรที่จำเป็นต้องพูดเขาก็จบอกผม ถ้าผมเล่นได้แย่พ่อก็จะติงผม แต่ยังมีแม่ที่จะคอยปลอบว่า 'ลูกทำได้ดีแล้ววันนี้' มันเป็นเรื่องดีนะที่มีเขาทั้งสอง ถ้าผมอยากได้คนปลอบใจผมก็จะไปคุยกับแม่ แต่ถ้าอยากคุยอะไรกันตรงๆก็จะมีพ่อที่คุยกับผม
สำหรับบ็อบ เคราช์ ลูกชายร่างชะลูดกว่า 6 ฟุต 7 นิ้วแต่กลับมีรูปร่างผอมสูงมากกว่าที่จะใหญ่ยักษ์เหมือนคนทั่วไป มันทำให้เขาต้องพยายามปกป้องลูกมากขึ้นตามสัญชาติญาณความเป็นพ่อ
ผมต้องพยายามปกป้องลูกในวัยเด็กของเขา ซึ่งผมไม่เคยรู้สึกได้ว่ามีใครที่ยืนเคียงข้างเขาเลยในตอนที่เขากำลังเริ่มเติบโต มันจึงเป็นหน้าที่ของผมทีจะต้องทำ เคราช์ผู้พ่อเล่าเรื่องลูกให้ฟังบ้าง เรื่องแบบนี้มันยังเป็นอยู่อีกพักใหญ่ไม่เว้นแม้แต่ตอนที่เขาได้เป็นนักฟุตบอลอาชีพแล้ว แต่พอพีท ได้อยู่ในระดับสูงสุดแล้วผมก็ถอยออกมาได้ เพราะเขาเริ่มดูแลตัวเองได้แล้ว
กระนั้นก็มีเหมือนกันที่ผู้เป็นพ่อเลือกที่จะให้ลูกชายได้สัมผัสความเจ็บปวดในชีวิตอย่างถึงแก่น ด้วยการปล่อยทิ้งให้ลงจากรถเพื่อหาทางกลับบ้านเอาเองหลังเล่นได้แย่ในเกมนัดหนึ่ง
เคราช์ผู้พ่อนั้นความจริงแล้วสูงน้อยกว่าลูกชายแค่ 2 นิ้วเท่านั้น (ไม่ต้องสงสัยแล้วว่าหุ่นชะลูดของเคราชี่มาจากไหน!) และต้องได้ยินเสียงด่าลูกชายตัวเองว่าเป็น ตัวประหลาด มานับครั้งไม่ถ้วน ซึ่งก็ไม่ใช่ทุกครั้งที่เขาจะเก็บอารมณ์เอาไว้ได้ทั้งหมดจนต้องมีระเบิดไปบ้าง
แต่สุดท้ายก็กลับเป็นลูกชายของเขาเองที่รับมือกับเสียงด่าทอต่างๆได้ด้วยความเงียบสงบ เขาเก็บอารมณ์ได้ดีเกินกว่าที่ผมจะทำได้อีก เคราช์คนพ่อยอมรับ
และความอดทนอดกลั้นนี่เองที่เป็นคุณสมบัติที่ล้ำค่าที่ติดตัวเคราช์จูเนียร์มาตั้งแต่เล็กๆ จนช่วยให้เขาฝ่าฟันอุปสรรคมากมายจนก้าวขึ้นมาเป็นนักฟุตบอลอาชีพและติดทีมชาติอังกฤษได้สมความตั้งใจ!
เคราช์ เริ่มต้นชีวิตนักฟุตบอลจากการเป็นนักเตะฝึกหัดที่ได้ทุนของทีมท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ ซึ่งเขาเป็นรุ่นท้ายๆแล้วที่ยังเป็นนักเตะฝึกหัด ที่ต้องผ่านการขัดเกลาตัวเองใน ระบบอาวุโส ที่รุ่นน้องต้องคอยรับใช้รุ่นพี่ทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นการขัดรองเท้า หรือการโดนรุ่นพี่กลั่นแกล้งสารพัด
แต่ก็เป็นเรื่องเหล่านี้เองที่ยิ่งทำให้เคราชี่มีสภาพจิตใจที่แข็งแกร่งขึ้นพร้อมสำหรับการเป็นนักฟุตบอลอาชีพ
อย่างไรก็ตามเขายังถูก ทดสอบ อีกหลายครั้ง โดยเฉพาะในช่วงรอยต่อระหว่างการเป็นนักเตะฝึกหัดกับการเป็นนักฟุตบอลอาชีพเต็มตัว
เคราช์ ต้องโดนส่งตัวไปอยู่กับดัลวิช แฮมเล็ต สโมสรเล็กๆต่อด้วยต้องไปอยู่ในสแกนดิเนเวียกับไอเอฟเค ฮัสเซลฮอล์ม
เมื่อไม่เห็นช่องทางที่จะแจ้งเกิดในทีมสเปอร์สได้ ก็ต้องย้ายออกมาอยู่กับสโมสรที่เล็กกว่าอย่างควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ส และจิลลิงแฮม ก่อนที่จะเริ่มมีชื่อเสียงด้วยการย้ายมาอยู่ในทีมพรีเมียร์ลีกอย่างปอร์ทสมัธ กับแอสตัน วิลล่า
แต่ผลงานที่ย่ำแย่ก็ทำให้เคราชี่โดนส่งตัวให้นอริช ซิตี้ยืมก่อนจะถูกขายทิ้งให้เซาแธมป์ตัน ซึ่งเป็นในถิ่นเซนต์ แมร์รี่ นี่เองที่ชื่อของปีเตอร์ เคราช์ เริ่มติดหูคนในฐานะกองหน้าดาวยิงที่มีเอกลักษณ์ที่รูปร่างสูงโปร่งเป็นเสาโทรเลข
และชีวิตก็เป็นยิ่งกว่าความฝันด้วยการติดทีมชาติอังกฤษ
ก่อนที่จะได้ย้ายมาอยู่กับลิเวอร์พูล - สโมสรที่โด่งดังที่สุดทีมหนึ่งของโลก
อย่างไรก็ดีชีวิตของเคราช์มักจะมีบททดสอบยากๆที่ต้องเผชิญเสมอ เพราะเขาไม่ใช่คนที่เกิดมาเพื่อเป็น ซูเปอร์สตาร์ เหมือนอย่างไมเคิล โอเว่น หรือเวย์น รูนี่ย์ ที่ชีวิตโรยด้วยกลีบกุหลาบตั้งแต่ยังเป็นนักเรียน อยู่โรงเรียนฟุตบอลอันดับหนึ่งที่ลีลล์แชล และโด่งดังตั้งแต่อายุ 16-17
ปีเตอร์ ผ่านโรงเรียนชีวิตมามาก เขาไม่ใช่พวกคาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิด ที่ไม่เคยได้เจอประสบการณ์ยากลำบากมาก่อนในชีวิต นั่นเป็นสิ่งที่ทำให้เขาเอาชนะเสียงโห่ที่มีต่อเขาในวันที่ลงเล่นให้ทีมชาติอังกฤษได้ ผมน่ะโกรธแทนลูกแต่เสียงโห่เหล่านั้นกลับทำอะไรเขาไม่ได้แม้แต่น้อยนิด และผมก็รู้ว่าเขาแค่อยากจะกลับมาเล่นและทำประตูให้ได้เท่านั้น นี่คือวิธีที่เขารับมือกับความกดดันทั้งหมด
ดังนั้นแม้จะเริ่มต้นเหมือนฝันร้ายด้วยการรอคอยกว่า 18 นัดถึงจะทำประตูแรกให้กับลิเวอร์พูลได้ ซึ่งช่วงนั้นเคราช์เคยยอมรับว่าท้อจนคิดที่จะย้ายกลับไปเซาแธมป์ตันเลยทีเดียว แต่ด้วยกำลังใจจากพ่อที่ชวนออกไปนั่งดื่มด้วยกันตลอดคืนเพื่อเรียกสติลูกชายและด้วยความเข้มแข็งส่วนตัวที่ปลูกฝังมาตลอดทำให้เขาผ่านมันมาได้
แม้แต่ในช่วงปัจจุบันที่ต้องตกอยู่ในสภาพของกองหน้าอันดับ 4 ของทีมรองจากซูเปอร์สตาร์อย่างเฟร์นันโด ตอร์เรส, จอมขยันอย่างเดิร์ค เคาท์ และกองหน้าที่สามารถปรับตัวเข้ากับทุกคนได้อย่างอังเดร โวโรนิน แต่เคราช์ก็ไม่เคยท้อแท้แต่อย่างใด
สำหรับเสียงด่าทอที่เจอมาตลอดชีวิตเคราชี่ เข้าใจความรู้สึกของแฟนบอลดีเพราะถ้าเป็นตัวเขาเองก็คงจะเปิดฉากด่าเหมือนกัน บอกตรงๆถ้าผมเห็นตัวเองวิ่งในสนามแล้วผมเป็นแฟนฝั่งตรงข้าม ผมก็คงจะด่าเหมือนกัน
แต่เขาก็มีเคล็ดลับส่วนตัวในการรับมือกับเรื่องพวกนี้เหมือนกัน ซึ่งมีครั้งนึงสมัยที่อยู่กับจิลลิงแฮม มันแย่มากที่นั่นเลวร้ายเลยล่ะ แต่ผมก็จำได้ว่าผมมองไปที่คนดูที่ด่าผมแล้วคิดว่าผมอยู่เหนือกว่าพวกเขา ผมกำลังเล่นในสนามส่วนพวกเขาต้องจ่ายเงินเพื่อมาดูผมเล่นและตะโกนด่าผม แต่เดี๋ยวเถอะเดี๋ยวจะยิงให้ดู!
ในเกมนั้นเคราช์ลงไปเล่นและทำประตูได้จริงๆเสียด้วย!
และนี่คือเรื่องราวในชีวิตของลูกผู้ชายที่ผ่านอะไรมามากมายกว่าที่ทุกคนคิด มีความเข้มแข็งอดทนอดกลั้นยิ่งกว่าใคร และพร้อมที่จะพิสูจน์ตัวเองเสมอ
สิ่งที่จะเกิดขี้นต่อไปก็คือทีมของเราจะมีการเปลี่ยนแปลงไปจนจบฤดูกาล ผู้จัดการทีมแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจแน่วแน่ในเรื่องนี้ตั้งแต่วันแรกของผมที่นี่ เขาจะเลือกผู้เล่นที่เหมาะสมกับแต่ละนัด ถ้าเขาอยากได้ความเร็วเขาจะให้ตอร์เรสหรือโวโรนินเล่น แต่ถ้าอยากได้คนที่วิ่งไปทั่วเขาก็จะให้เคาท์เล่น ถ้าเขาอยากได้ใครที่คอยเก็บบอลให้ทั้งลูกกลางอากาศและลูกบนพื้นผมก็จะได้ลงเล่น
มันจะเป็นแบบนี้ไปตลอดและหวังว่ามันจะเป็นเรื่องที่ดีสำหรับลิเวอร์พูล ผมเองอยากจะมีส่วนร่วมด้วยและเราก็มีโอกาสประสบความสำเร็จในฤดูกาลนี้
เราเองก็หวังแบบนั้นเช่นกันเคราชี่ และแฟนๆก็ยังหวังจะได้เห็นนายลงไปฉลองด้วยท่า โรโบเคราช์ ในสนามอีกสักครั้ง
The Tall Guy .. ปีเตอร์ เคราช์!
เรื่องราวประวัติของเจ้าโย่งโก๊ะ
หน้าแรกTeeNee ที่นี่กีฬา พูดคุยเรื่องฟุตบอลและกีฬาต่าง ๆ หงส์แดงลิเวอร์พูล เรื่องราวประวัติของเจ้าโย่งโก๊ะ
ยิงประตูที่สวยที่สุดของฤดูกาลที่แล้ว
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!