บอลบ้าง ไม่บอลบ้าง โดย..ตังกุย : เฟร์นานโด คนอาภัพ
แล้วลิเวอร์พูลก็เดินทางไปถึงกรุงมาดริดจนได้
จากทีแรกที่คาดกัน ว่ากองทัพหงส์จะใช้เวลา 21 ชั่วโมงในการไปถึงเมืองหลวงสเปน เอาเข้าจริงทีมของ ราฟา เบนิเตซ ต้องเสียเวลาถึง 24 ชั่วโมงเศษจากการเดินทางที่เปลี่ยนหลายกระทอกทั้ง รถบัส รถไฟ และเครื่องบิน
สุดท้ายนักเตะหงส์ จับ เครื่องบินไปมาดริด ได้ที่บอร์กโดซ์ แต่ก่อนหน้านั้นเรียกว่าต้องเหนื่อยไม่น้อยเลยกับการนั่งโยกเยกไปบนรถบัส
ความจริงแล้วทางหลวงในประเทศและระหว่างประเทศของทางยุโรปรวมทั้งรถ บัสที่สโมสรเตรียมไว้สำหรับนักเตะจัดอยู่ในระดับเกรดเอนะครับ พื้นถนนราบเรียบวิ่งลื่นไม่กระแทกกระทั้น สภาพรถและคุณภาพของรถก็สุดยอด นั่งในระยะทางเท่ากันเขาไม่เหนื่อยเท่าเราชาวบ้านตาดำๆ หรอก
ใครที่เคยขึ้นรถทัวร์กลับบ้านหรือไปเที่ยวต่างจังหวัดคงจะพอเข้าใจ ความรู้สึกเหนื่อยล้ากับการนั่งรถทัวร์นานๆ ได้ดี นั่งรถ ป.2 พื้นที่แคบๆ เหนื่อยกว่ารถ ป.1 นั่งรถ ป.1 ก็ยังยืดแข้งยืดขาได้น้อยกว่ารถวีไอพี
แต่รถบัสที่นักเตะลิเวอร์พูล หรือ สโมสรอื่นๆ นั่งนั้นยิ่งกว่าซูเปอร์วีไอพีเสียอีก ผมเคยมีโอกาสนั่งรถบัสของนักเตะเอฟเวอร์ตัน ตอน ที่ไปทำข่าวคณะผู้ว่ากทม. (ตอนนั้นยังเป็นคุณอภิรักษ์ โกษะโยธิน) ไปดูงานที่ฟินช์ฟาร์ม สนามซ้อมของเอฟเวอร์ ตัน ต้องบอกว่าสุ-ย่อ-ปา-เลอ เก้าอี้นวมนุ่มหนาเอนนอนได้เกือบ 180 องศา มีสิ่งอำนวยความสะดวกทุกอย่างพร้อมสรรพ ห้องน้ำ จอทีวี ตู้เย็น โต๊ะเล่นไพ่ ฯลฯ
หรือกระทั่งรถทัวร์ธรรมดาๆ ที่วิ่งระหว่างเมืองก็ยังแจ๋วกว่าบ้านเราเยอะเลยครับ ครั้งที่แวะไปเที่ยวบาร์เซโลน่า ก่อนกลับเมืองไทย ผมนั่งรถทัวร์ข้ามคืนจากมาดริด ไปบาร์ เซโลน่า นอนหลับปุ๋ยฝันหวานยิ่งกว่าเตียงที่บ้านอีกแน่ะเพราะมีที่ยืดขาเหลือเฟือ เบาะนุ่มปรับเอนได้เยอะ ผมรักรถทัวร์เมืองกระทิงขึ้นมาทันที รู้สึกว่าเขาให้ความสำคัญกับความสะดวกสบายของลูกค้าดี
แต่มันก็ใช่ว่าจะเป็นอย่างนั้นไปทุกที่เสียเมื่อไหร่ รถทัวร์อังกฤษ กลับโหดร้ายอย่างน่าเกลียด เบาะนั่งตั้งชันเอนไม่ได้ ช่องว่างระหว่างที่นั่งคับแคบหัวเข่าชนเก้าอี้ตัวหน้าตลอดคืน นั่งจากลอนดอนขึ้นกลาสโกว์ 10 ชั่วโมงก็หลับมันในท่านั่งนั่นแหละ ไปถึงสถานีขนส่งแทบจะเหมือนผีดิบมาอาละวาดกลา สโกว์
ลิเวอร์พูล ไป ถึงกรุงมาดริด แล้ว มีเวลาพักนิดหน่อยก่อนเตะเจ้าถิ่นในยูโรปา ลีก รอบตัดเชือก นัดแรกคืนวันพฤหัสฯ นี้
ไปๆ มาๆ จากความหวังในแชมเปี้ยนส์ ลีก ตัวแทนของอังกฤษในยุโรปกลับเหลือเพียงศึกถ้วยเล็ก หงส์แดง กับฟู แล่ม เลยกลายเป็นความหวังของฟุตบอลเมืองผู้ดีไปแบบไม่รู้ เนื้อรู้ตัว
เรื่องความเหนื่อยนั่นใช่ แต่สำหรับนักเตะคนหนึ่งอาจมีบางเรื่องที่เหนื่อยกว่าการเดินทาง
ถ้าไม่มีปัญหาบาดเจ็บหัวเข่าเฮงซวย เฟร์ นานโด ตอร์เรส คงเดินทางไปมาดริด ทริ ปนี้ด้วยความสุข จะเหนื่อยจะนาน จะยากจะดีก็มีความสุข
ความรู้สึกคงเหมือนตอนที่เราเดินทางกลับไปเยี่ยมพ่อแม่ปู่ย่าตายาย ที่ต่างจังหวัดนั่นแล การเดินทางที่มีจุดหมายแบบนี้แหละสุขแท้ๆ เชียวครับ เพราะเรารู้ว่ามีคนที่เรารักรออยู่ที่ปลายทาง
ปลายทางของตอร์เรส ก็ คือคนที่เขารักเหมือนกัน
แอตเลติโก มาดริด มอบอะไรให้เขามากมายเหลือเกิน ไม่ใช่เพียงมอบการเป็นนักเตะระดับโลกให้เท่านั้น หากแต่ยังพูดได้ว่าทีมตราหมีให้ 'ชีวิต' กับตอร์เรส ตั้งแต่ ครั้งยังเป็นเด็กชาย
เขาได้สัมผัสกับความรักที่แฟนบอลมอบให้ ได้รับรู้ว่าความศรัทธามีค่าเพียงใด การที่เขาไม่ยอมย้ายทีมไปอยู่กับยักษ์สองตนในลีกสเปนเด็ดขาดไม่ว่าจะเป็นเรอัลฯ หรือ บาร์เซโลน่า คือคำตอบชัดเจนว่าช่วงเวลาที่บิเซนเต้ กัลเดรอน มีความหมายกับเขามากเพียงใด
ในวันที่บิเซนเต้ กัลเดรอน แคบ เกินไปและสองตีนถึงเวลาก้าวไปตามทาง เขาเลือกแอ นฟิลด์ แทนที่จะเป็นคัมป์ นู หรือซานติอาโก้ เบร์นาเบว
ไม่แปลกใจเลยที่หน้าสนามบิเซนเต้ กัลเดรอน ทุกวันนี้ยังมีผ้าพันคอ TORRES วางขายเคียงคู่กับเสื้อลายกุน อเกวโร่ และ ดีเอโก้ ฟอร์ลัน อย่างกลมกลืน มีธงลิเวอร์พูล สะบัดพลิ้วล้อเล่นลมขนาบธงลาย แดงขาวน้ำเงินของ แอต.มาดริด
ความผูกพันลักษณะนี้ลึกซึ้งนะครับ และก็น่าประทับใจด้วย ที่สำคัญมันเกิดขึ้นโดยมีตัวเชื่อมเป็นนักเตะเพียงคนเดียว
เฟร์นานโด ตอร์เรส เชื่อมแอต.มาดริด กับลิเวอร์พูล เข้าด้วยกัน
ถ้าจะมีคนที่รอคอยเกมคู่นี้อย่างใจจดใจจ่อกว่าใคร เขาคนนั้นคงเป็นเอล นินโญ่ ที่เคยสวมปลอกแขนกัปตันทีมที่แอตเลติโก โดยมีข้อความ You'll never walk alone อยู่ด้านใน
ไม่ว่าจะเป็นแอนฟิลด์ หรือบิเซนเต้ กัลเดรอน มันคงเป็นบรรยากาศที่เขาถวิลหา แฟนบอลเองก็ถวิลหาและไม่ต้องบอกว่าพระเอกในสนามทั้งสองเกมนั้นจะเป็นใคร
แต่เหมือนนรกหยันสวรรค์แกล้ง สองเกมเหย้า-เยือนในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกฤดูกาลที่แล้วตอร์เรส เจ็บ พอมายูโรปา ลีกฤดูกาลนี้หงส์แดงกับตราหมี ได้ โคจรมาเจอกันอีกครั้ง อาการบาดเจ็บก็ยังมาพรากตอร์เรส ไปอีก
ถึงวันนี้เลยมีเพียงเกมอุ่นเครื่องที่แอนฟิลด์ ก่อนเปิดฤดูกาล 2009-10 เท่านั้นที่ตอร์เรส ได้เผชิญ หน้ากับทีมเก่า ซึ่งแม้จะแก้ขัดไปได้บ้างแต่ดีกรีความสำคัญมันก็ไม่เท่าบอลที่มีความ หมายอย่างแชมเปี้ยนส์ ลีกหรือยูโรปา ลีกรอบรองชนะเลิศแน่ และที่สำคัญคือเขาพลาดโอกาสกลับไปทักทายบ้านเก่าที่เขารักอีกครั้งแล้ว
2,600 ไมล์ไป-กลับ ตีเป็นระยะทางที่เราคุ้นเคยคือ 4,200 กิโลเมตร ใครว่านักเตะลิเวอร์พูล ที่ ต้องเดินทางเท่านั้นที่เหนื่อย
นักเตะลิเวอร์พูลคนที่ไม่ได้เดิน ทางก็เหนื่อยเหมือนกัน เขาอาจเหนื่อยและอ่อนล้ายิ่งกว่าเพื่อนร่วมทีมเสียอีก
ตังกุย
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์