ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก (21 ก.พ. 53)
แมนฯ ซิตี้ 0-0 ลิเวอร์พูล
สนาม : ซิตี้ ออฟ แมนเชสเตอร์
ประตู : -
เรือใบสีฟ้า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เปิดรัง ซิตี้ ออฟ แมนเชสเตอร์ ต้อนรับการมาเยือนของทีม หงส์แดง ลิเวอร์พูล ที่ต่างฝ่ายต่างก็รู้ว่าเกมนี้มีเดิมพันสูงถึงโอกาสไปแชมเปี้ยนส์ ลีก ในฤดูกาลหน้า
นัดนี้เจ้าบ้านขาดตัวหลักอย่าง คาร์ลอส เตเวซ ที่ยังเฝ้าภรรยาที่ใกล้คลอดลูกอยู่ที่อาร์เจนติน่า และปาทริก วิเอร่า ที่ต้องโทษแบน 3 นัด ส่วนทีมเยือนมีการปรับทีมได้มักซี่ กลับมาเป็นตัวจริงพร้อม ไรอัน บาเบิล และบนม้านั่งสำรองมีเซอร์ไพรซ์กับการกลับมาของ เฟร์นานโด ตอร์เรส และ ยอสซี่ เบนายูน
เกมเปิดฉากมาอย่างสูสีในช่วงต้นไม่มีทีมใดที่ได้เปรียบเสียเปรียบกันอย่างชัดเจน แต่ลิเวอร์พูล ก็มีจังหวะเปิดเข้าไปได้ลุ้นของ เจอร์ราร์ด ทั้งจากฟรีคิกและลูกครอสริมเส้นที่สร้างความอันตรายได้ไม่น้อย เพราะมาถึงเสาไกลและเกือบจะเข้าเท้า มักซี่ อยู่แล้ว
จากนั้น ลิเวอร์พูล ดูจะเล่นได้เข้าท่ากว่าเล็กน้อย โดยแดนกลางสามารถทำลายจังหวะของซิตี้ ได้หมด แต่จังหวะลุ้นก็ไม่ได้มีมากนัก มีแค่ลูกที่ มักซี่ ได้ลองตวัดยิงไปแฉลบบล็อกก่อนจะได้ลูกเตะมุมเท่านั้น
เกมยังดำเนินมาอย่างเอื่อยๆต่อไปเนื่องจากทั้งสองฝ่ายไม่มีใครอยากผลีผลามทั้งนั้น ทำให้เป็นการต่อสู้กันใแดนกลางมากกว่า ซึ่ง ซิตี้ ก็เริ่มทำได้ดีขึ้นบ้างเหมือนกันแต่ก็ยังไม่สามารถเจาะเข้าพื้นที่สุดท้ายของทีมเยือนได้
แฟนบอลในสนามได้มาหายง่วงกันบ้างหลังพ้น 25 นาทีไปเมื่อเกมเริ่มเร็วขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะทางเจ้าบ้านที่เริ่มใช้ความเร็วของ อดัม จอห์นสัน และ ฌอน ไรท์ ฟิลลิปส์ รวมถึงเอ็มมานูเอล อเดบายอร์ ในการกดดันแนวรับลิเวอร์พูลได้มากขึ้น
แต่เกมก็ยังไม่ค่อยมีอะไรให้ลุ้นกันมากเท่าไหร่ จนกระทั่งช่วงก่อนหมดครึ่งแรกทีมเยือนมีจังหวะได้เตะมุมติดๆกัน และมีโอกาสของ สเคอร์เทล ที่ได้ขึ้นโขกเต็มหัวแต่หลุดกรอบออกไปแบบน่าเสียดาย ก่อนที่เกมจะจบครึ่งแรกไปแบบจืดชืดสุดๆ
ครึ่งหลังเกมเริ่มเปิดขึ้นเมื่อทั้งสองทีมพยายามเข้าทำเร็วขึ้น โดยต้นครึ่งหลังแมนฯ ซิตี้ ได้เสียวเมื่ออเดบายอร์ จ่ายบอลหน้าเขตโทษไปแฉลบกองหลังก่อนจะเข้าทาง ไอร์แลนด์ ได้หลุดเดี่ยวเข้าไปแต่ก็ยิงหลุดกรอบ อีกทั้งผู้ช่วยผู้ตัดสินยกธงล้ำหน้าไปก่อนแล้ว
แต่เกมก็ต้องหยุดไปหลายนาทีเมื่อ บาเบิล โดนบอลเตะอัดเข้าที่ศรีษะทำให้ร่วงลงไปกองอยู่นานแต่ก็กลับมาลงเล่นใหม่ได้ ก่อนที่เกมจะสู้กันไปอีกพักใหญ่โดยที่ไม่ค่อยมีจังหวะนัก
โอกาสที่ดีที่สุดของเกมมาในนาทีที่ 60 เมื่อ อเดบายอร์ สบโอกาสทองได้ตั้งป้อมซัดจากระยะ 20 หลา ลูกพุ่งเป็นจรวดแต่ว่า เรน่า ซูเปอร์เซฟปัดบอลออกไปได้อย่างหวุดหวิด
ลิเวอร์พูล ที่เกมเริ่มตื้อก็ส่ง เบนายูน ที่หายเจ็บจากซี่โครงหักลงมาแทนมักซี่ ที่เล่นไม่ออกในเกมนี้ ส่วนแมนฯ ซิตี้ ก็ส่ง เคร็ก เบลลามี่ ลงมาแทน ไรท์ ฟิลลิปส์ เช่นกัน
นาทีที่ 73 ลิเวอร์พูล มีโอกาสง้างเท้าเหมือนกันจากการต่อบอลที่ดีบริเวณหน้ากรอบเขตโทษ ซิตี้ ก่อนจะจบด้วยการง้างเท้ายิงด้วยซ้ายของ เจอร์ราร์ด ที่ไปตรงตัวกิฟเว่น
จากนั้น ราฟา ถอดบาเบิลออกและส่ง เฟร์นานโด ตอร์เรส ที่หายเจ็บเข่ากลับมาลงสนามได้อีกครั้งหลังหายหน้าไปเดือนเศษ ส่วนเจ้าบ้าน โรแบรโต้ มันชินี่ ทำเซอร์ไพรซ์ส่งเจ้าหนูอิบราฮิม ลงมาแทน ไอร์แลนด์
ต่อมาเจ้าบ้านมีลุ้นสุดๆเมื่อ แอกเกอร์ โขกสกัดพลาดไปเข้าทาง อเดบายอร์ กระดกบอลกำลังจะควบหนีสเคอร์เทล เข้าไปในเขตโทษแต่ สเคอร์เทล ยังจิ้มบอลทิ้งได้ทันในจังหวะสุดท้าย
ในลูกเตะมุม อเดบายอร์ ก็ได้โอกาสอีกครั้งเมื่อเตะมุมเข้ามาบอลเลยไปถึง กอมปานีย์ ที่เสาไกลเปิดกลับมาให้หอกโตโก เทคตัวโขกจากระยะ 6 หลาแต่ก็ข้ามคานออกไปแบบน่าเสียดาย
ช่วงเวลาที่เหลือต่างฝ่ายก็พยายามกันเต็มที่เพื่อที่จะทำประตูให้ได้แต่ว่าไม่สำเร็จทำให้จบเกมเสมอกันไป 0-0 ระยะห่างระหว่างสองทีมนี้ยังอยู่ที่ 1 แต้มเหมือนเดิม แต่ซิตี้ ลงเล่นน้อยกว่า 1 นัด
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
แมนฯ ซิตี้ : เชย์ กิฟเว่น, พาโบล ซาบาเลต้า, แวงซ็องต์ กอมปานีย์, โจลีออน เลสค็อตต์, เวย์น บริดจ์, ฌอน ไรท์ ฟิลลิปส์ (เคร็ก เบลลามี่ 68), สตีเฟ่น ไอร์แลนด์ (อับดิซาลาม อิบราฮิม 75) , ไนเจล เดอ ยอง, แกเร็ธ แบร์รี่, อดัม จอห์นสัน, เอ็มมานูเอล อเดบายอร์
ลิเวอร์พูล : โฆเซ่ เรน่า, เจมี่ คาร์ราเกอร์, มาร์ติน สเคอร์เทล, ดาเนี่ยล แอกเกอร์, เอมิเลียโน่ อินซัว, ลูคัส, ฮาเวียร์ มาสเชราโน่, ไรอัน บาเบิล (เฟร์นานโด ตอร์เรส 75) , สตีเว่น เจอร์ราร์ด, มักซี่ โรดริเกวซ (ยอสซี่ เบนายูน 63) , เดิร์ค เคาท์ (อัลแบร์โต้ อาควิลานี่ 87)
ผู้ตัดสิน : ปีเตอร์ วอลตัน