ประวัติโดยละเอียดของจอห์น บาร์นส
[b]
????? ปีที่อยู่กับลิเวอร์พูล : 1987 ถึง 1997
????? ตำแหน่ง : ปีก
????? วัน เดือน ปีเกิด : 7 พฤศจิกายน 1963
????? สถานที่เกิด : คิงสตัน , จาไมก้า
????? ย้ายมาจาก : วัตฟอร์ด (มิถุนายน 1987)
????? จำนวนนัดที่ลงเล่น : 407 นัด
????? ประตูที่ยิงได้ : 110 ประตู
เกียรติยศ
????? : First Division Championship (1987/88, 1989/90), FA Cup (1989), League Cup (1995), Charity Shield (1988, 1989, 1990), Football Writers Player of the Year (1988, 1990), PFA Player of the Year (1988)
?????บนจุดสูงสุดในชีวิตนักเตะของเขาในช่วงปลายๆยุค 80s ไม่มีอะไรอีกแล้ว ในโลกฟุตบอล ที่จะดูดีไปกว่า การเห็น จอห์น บาร์นส์ ลงมายืนที่กราบซ้าย โดยสวมเสื้อสีแดงเพลิงอยู่ เขาคือหนึ่งในผู้เล่นที่เล่นได้น่าตื่นตาตื่นใจที่สุดตลอดกาล บาร์นส์ ได้หว่านมนต์เสน่ห์ ให้เหล่าแฟนบอลของลิเวอร์พูลหลงไหลกันไปตามๆกัน ด้วยการที่เป็นส่วนสำคัญ ในการสร้างยุคที่เรียกได้ว่า มีสีสันที่สุด ในประวัติศาสตร์ของลิเวอร์พูล
?????ความน่าเกรงขามของเขา นั้นก็มาจาก ความสุขุมของเขา , ความเร็ว , ความแข็งแกร่ง และความสามารถของเขา และเมื่อชาวจาไมก้าคนนี้ โชว์ฟอร์มได้สุดยอดเต็มที่เมื่อไหร่ นั่นล่ะ ถือเป็นโชคดีของเหล่าคนดูแล้ว ที่จะได้สัมผัสกับพรสวรรค์อันสุดยอดของเขา ที่คุณจะต้องจดจำมันไว้จนวันตายเลยทีเดียว
?????เมื่อมีบาร์นส์อยู่ในทีมแล้ว ตั๋วแถวหน้าของ เคมลีน โร้ด หรือ แพ็ดด็อค ก็กลายเป็นตั๋วที่ขายดีที่สุดเลยทีเดียว ในวันที่มีเกมเหย้าที่แอนฟิลด์ เมื่อไหร่ที่เขาได้ครอบครองบอลนั้น สายตาทุกคู่จะจับจ้องลงมาที่เขาทันที ทุกอย่าง ดูเหมือนว่าจะเป็นไปได้ซะหมด ยามที่เขากระชากลากเลื้อยบอลมุ่งสู่ปากประตูนั้น เขาทำราวกับว่า เขาจะลงเล่นนัดนี้เป็นนัดสุดท้าย ยังไงยังงั้น
?????เขาคือผู้เล่นฝีเท้าสูงคนแรกในประวัติศาสตร์ของลิเวอร์พูล ที่มีผิวเป็นสีดำ!! แล้วความเคลือบแคลงใจอย่างยิ่ง ถึงขีดความสามารถของเขา ก็เกิดขึ้น ก่อนที่จะได้เห็นฝีเท้าของเขาเสียอีก เมื่อการย้ายทีมของเขา จากวัตฟอร์ด ด้วยค่าตัวราว 900,000ปอนด์ ในเดือนมิถุนายน ปี1987 นั้น ถือเป็นปรากฏการณ์ใหม่ของลิเวอร์พูล
?????ท่ามกลางปัญหาการเหยียดสีผิวที่กำลังคุกคามในขนาดนี้ บาร์นส์ ก็ได้พบว่า ตัวเองก็เป็นหนึ่งในเป้าหมายด้วยเช่นกัน ตั้งแต่วันแรกๆที่เขามาอยู่กับลิเวอร์พูล แต่เขาก็สามารถเอาชนมันได้อย่างรวดเร็ว ด้วยฝีเท้าดังพ่อมด และความสามารถอันน่าทึ่งของเขา
?????ถึงแม้จะมีข่าวไร้สาระออกมามากมายในตอนแรกๆ ว่าบาร์นส์ ไม่ได้เต็มใจเท่าไหร่ ที่จะย้ายมาอยู่กับ เดอะ เร้ดส์ หากแต่ว่า แฟนๆ ก็หลงรักบารห์นส์เข้าให้แล้ว ถึงแม้พวกเขาจะต้องรอถึง3อาทิตย์ก็ตาม ถึงจะได้เห็นบาร์นส์ลงเล่น
?????ถึงแม้ว่า จะมีปัญหาในส่วนของอัฒจรรย์เล็กน้อยที่แอนฟิลด์ในตอนนั้น จึงทำให้เขายังไม่มีโอกาสโชว์ฝีเท้าในแอนฟิลด์ แต่เขาก็บังได้โชว์ถึงความสามารถอันสุดยอดของเขาในเกมเยือน 3เกมแรก ในฤดูกาลสำคัญในปี 87/88 โดยการลากเลื้อยประดุจดั่งงูก็ไม่ปาน ไปทั่วสนาม และกระชากไปตามริมเส้นอย่างน่ากลัว ซึ่งมันก็เพียงพอแล้ว ที่จะทำให้แฟนๆยอมรับเขา และยินดีไปกับโชคดีของตัวเอง ที่ได้นักเตะที่จะไม่ทำให้พวกเขาผิดหวังเมื่อลงสนามอย่างบาร์นส์ มาอยู่กับทีมรัก
?????ลูกฟรีคิ้กอันสุดยอดของเขาที่ยิงใส่ออกซ์ฟอร์ดที่แอนฟิลด์ นั่นคือจุดเริ่มของเขา ในการสร้างความทรงจำอันน่ามหัศจรรย์ให้กับแฟนบอล นี่ไม่ใช่แค่เพียงอย่างเดียว กับความมหัศจรรย์ของบาร์นส์ ยังมีอีกหลายอย่าง รวมไปถึงการลากเดี่ยวเข้าไปยิง คิวพีอาร์ ได้ ในไม่กี่สัปดาห์หลังจากนั้น ซึ่งมันก็ทำให้ชื่อเสียงของเขา กระฉ่อนมากเข้าไปอีก แล้วก็เป็นการยืนยันแล้ว ว่า ได้ค้นพบดาวดวงใหม่ของลิเวอร์พูลแล้ว
?????เหล่าข้อความที่ส่อถึงการเหยียดสีผิว และดูถูกบาร์นส์ ตามกำแพงต่างๆทั่วเมืองในช่วง ที่เขาเพิ่งเข้ามานั้น ก็เริ่มลางหายไป และมันก็ไม่มีอะไรอีกแล้ว ที่จะฉุดรั้งเขา จากการที่จะเป็ฯที่ยอมรับของแฟนๆ และหัวใจของทีมในการสร้างสรรเกม นี่ยังไม่รวมถึง ลูกโยนบานาน่าสุดมหัศจรรย์ ที่เขาได้ทำในเมอร์ซี่ย์ไซด์ ดาร์บี้ ที่กู้ดดิสัน ปาร์ค ในฤดูกาลนั้นด้วย
?????ในสไตล์ที่แท้จริงของบาร์นส์นั้น เมื่อเขาลงสู่สนาม เขาจะไม่สนใจกับสิ่งใดๆรอบตัว แต่ก็เริ่มการบรรเลงเวทย์มนต์ใส่ลูกฟุบอลที่เท้า ด้วยการเล่นฟุตบอลเหมือนสั่งได้ดั่งใจ ทั้งๆที่ไม่ได้ใส่เบรคเกอร์(ฮา..) เขาโชว์ทักษะในการผ่านคู่ต่อสู้แบบชาวแซมบ้าของแท้ ด้วยเทคนิคแบบชาวอเมริกาใต้ ซึ่งทำให้แฟนบอลถึงกับกลั้นหายใจแต่มันก็ทำให้กองหลังฝั่งตรงข้าม ถึงกับอยากกลั้นใจตายด้วยเช่นกัน
?????และเท้าซ้ายอันสุดยอดของเขา นั่นก็ทำให้ตอนนั้น ลิเวอร์พูล กลายเป็นทีมที่หลายๆทีมคงต้องผวาเมื่อต้องเจอ เมื่อเขาเป็นผู้ดึงลิเวอร์พูล ไปสู่สถิติในการที่ไร้พ่ายติดต่อกันถึง 29นัด ในลีก และแน่นอน ปีนั้น ลิเวอร์พูลก็คว้าแชมป์สมัยที่17ไปอย่างสบายๆ
?????ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจเลย เขา จะเดินออกไปรับรางวัลผู้เล่นแห่งปีในปี87/88 อย่างสมเกียรติ แต่มันก็ช่างน่าเสียดาย ที่ความพ่ายแพ้ต่อวิมเบิลดัน ในนัดชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพ ในปีนั้น ดับฝันที่จะได้ดับเบิ้ลแชมป์ ของเขา และเพื่อนร่วมทีมไป
?????อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ฤดูกาลแรกของเขากับลิเวอร์พูล จะเป็นฤดูกาลที่ดีที่สุดก็ตาม แต่บาร์นส์ ก็ยังคงรักษาฟอร์มเก่งของเขาในระดับที่สูง ไว้ได้เรื่อยๆ และก็ยังคงเป็นไอดอลของเหล่าเดอะ ค็อป เสมอ ด้วยการนำพาโทรฟี่ให้หลั่งไหลเข้ามาสู่ตู้โชว์ที่แอนฟิลด์ได้เรื่อยๆ
?????ความสำเร็จนัดชิงชนะเลิศเอฟเอ คัพ ในปี1989 เหนือเอฟเวอร์ตัน นั้น ถือเป็นสิ่งที่ลบล้างฝันร้ายที่เวมบลีย์เมื่อ12เดือนก่อนนั้นได้อย่างดี แต่ความสำเร็จครั้งนี้ กลับเปรอะเปื้อนไป จากเหตุการณ์อัปยศ ที่ฮิลส์โบโร่ ในรอบเซมิ-ไฟน่อล และมันก็ส่งผลอย่างมาก ต่อบาร์นส์ ไม่ต่างไปกับเหล่าผู้เล่นที่อยู่กับทีมมายาวนานคนอื่นๆ แต่มันก็กลายเป็นว่า เขาก็ไม่ได้ถูกเหยียดผิวจากชาวเมืองอีกต่อไป และใช้ชีวิตในเมืองได้ปกติ
?????ฤดูกาลแห่งความำเร็จอีกฤดูกาลของบาร์นส์ ในการกระชากลมหายใจของแฟนๆ คือปี1989/90 ที่เขาช่วยให้ลิเวอร์พูล ได้แชมป์ลีกอีกครั้ง โดยเขา คือผู้ทำสกอร์สูงสุด โดยการที่กระซวกไปทั้งหมด22ประตูในลีก และก็ได้รับการโหวตให้เป็นผู้เล่นแห่งปีอีกครั้ง
แต่สิ่งที่น่าผิดหวังก็คือ เขาไม่สามารถที่จะโชว์ฟอร์มอันสุดยอดอย่างที่เล่นให้กับสโมสรให้กับทีมชาติอังกฤษได้ แต่มันก็เป็นเพียงเรื่องน่าเสียดายเล็กๆน้อยๆเท่านั้น สำหรับเหล่าลิเวอร์พัดเลี่ยน ที่ยังคงหลงใหลในเวทย์มนต์ของเขาต่อไป
?????ผลจากความยอดเยี่ยมในการโชว์ฟอร์มกับสโมสรทำให้เขากลายเป็นหนึ่งในผู้เล่นระดับต้นๆของยุโรปในทันที ถ้าไม่ใช่ของโลกล่ะก็นะ แต่ว่าในตอนนั้น ช่างน่าเสียดาย ที่การถูกแบนยาวในเกมยุโรปนั้น ทำให้บาร์นส์ พลาดโอกาสที่จะโชว์ความสามารถตัวเองในเวทียุโรป ซึ่งมันก็ทำให้เขา ไม่มีโอกาสได้ไขว่คว้าเหรียญรางวัลในระดับทวีป เข้าสู่แอนฟิลด์ด้วยเช่นกัน
?????การพลาดในการไขว่คว้าเกียรติยศในยุโรปนั้น ถึงแม้ว่ามันอาจจะเป็นการขัดขวางถึงความส่องประกายในฐานะสุดยอดนักเตะอย่างที่เขาเป็น แต่ความสามารถในตัวเขาที่มีอยู่ ก็เพียงพอ ที่จะทำให้เขาก้าวขึ้นไปสู่หนึ่งในตำนานที่ยิ่งใหญ่ของลิเวอร์พูลได้ อย่างที่บ็อบ เพสลี่ย์ ได้เคยกล่าวไว้ และเขา ก็สมควรแล้ว ที่จะได้รับการกล่าวขานถึงอย่างสมเกียรติ เหมือนๆกับที่เหล่าตำนานคนอื่นๆในแอนฟิลด์ได้ทำไว้ก่อนเขา
?????ความเป็นตัวอย่างที่ดีของเขา ของถือเป็นต้นแบบให้เหล่าวัยรุ่นอีกหลายคนในยุคนั้น นับตั้งแต่ กัปตันทีมของลิเวอร์พูลในกลางยุค90s อย่าง เอียน รัช หรือสุดยอดผู้เล่นอย่าง สตีฟ แม็คมานามาน ,เจมี่ เรดแนปป์ และรวมไปถึง ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ ที่ทุ่มเทในการซ้อม และลงเล่นเคียงข้างกับเขา
?????อย่างไรก็ตาม ตำแหน่งในทีมของเขา จำต้องถูกเปลี่ยนไป หลังจากที่มีอาการบาดเจ็บ รุมเร้าที่ขาของเขา และมันก็ส่งผล ต่อปีกผู้เชิงสูงผู้นี้ ที่สามารถทะลวงแผงหลังของคู่ต่อสู้ได้ราวกับมีดร้อนๆที่ผ่าเข้าไปที่ก้อนเนย
?????เมื่อเขาหายเจ็บกลับมา เขาต้องมาเรียนรู้ และพร้อมที่จะรับตำแหน่งในการตรึงแผงมิดฟิลด์ของลิเวอร์พูล ด้วยการเล่นในตำแหน่งกองกลางตัวกลาง ซึ่งเขาก็ไม่ได้ทำให้ผิดหวังเลย ด้วยมันสมองเข้าขั้นอัจฉริยะด้านเกมฟุตบอลของเขา ทำให้เขาเล่นได้อย่างสบายๆ ด้วยการเคลื่อนไหวที่ไม่จำเป็นต้องมากนัก การผ่านบอลอันเฉียบคมนั้น กลายเป็นกุญแจสำคัญของทีม และเขาก็ยังคงยากที่จำทำให้แฟนๆผิดหวังอีกเช่นเคย
?????แต่มันช่างน่าเสียดาย ที่วันอันน่าอัศจรรย์ที่แอนฟิลด์ของเขา ได้ผ่านไป เขาเริ่มโรยรา และผ่านจุดสุดยอดไปแล้ว แฟนๆบางคนเริ่มที่จะเรียกร้องให้ดร็อปเขาจากทีม และก็เป็นความพ่ายแพ้ต่อแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในเกมเอฟเอ คัพ รอบชิงชนะเลิศนั่นเอง ที่เป็นจุดจบของตำนานที่แฟนๆไม่เคยลืมอย่างเขา สุดท้าย บาร์นส์ก็จบตำนานโดยการจากแอนฟิลด์ไปในที่สุด
?????หลังจากที่ใช้เวลาได้10ปีในการอยู่กับลิเวอร์พูล เกียรติของเขา ถูกยกย่องขึ้นไปเทียบเคียงอย่างที่ทุกๆคน ยกให้หมายเลข7 ตลอดกาลนั้น ตกเป็นของเคนนี่ ดัลกลิช และแน่นอนว่า หมายเลข10 ที่จะตรึงใจแฟนๆไปตลอดกาล ย่อมต้องเป็นของ จอห์น บาร์นส์
?????ในสนามนั้น จอห์น บาร์นส์ ช่วยเปลี่ยนรูปโฉมเอกลักษณ์ของลิเวอร์พูล ให้กลายเป็นทีมที่เล่นด้วยความตื่นตาตื่นใจ และความสามารถของเขา ก็จะยังยืนหยัดอยู่กับลิเวอร์พูลตลอดไป
?????เหนือสิ่งอื่นใดนั้น เขาคนนี้นี่แหละ ที่ช่วยขจัดการเหยียดสีผิวออกไปจากแอนฟิลด์ได้ และก็ยังคงเป็นตำนานตราบจนทุกวันนี้ แต่น่าเสียดาย ที่เมื่อเขาย้ายออกไป เรายังไม่สามารถหาผู้เล่นทางกราบซ้ายในแผงมิดฟลิด์ ที่จะสามารถเทียบเคียงกับเขาได้เลย