สตีวี่จีตะบัน! หงส์จมเรือ 1-0, ค้อนทุบดาบคู่

สตีวี่จี สตีเว่น เจอร์ราร์ด กัปตันทีม หงส์แดง ลิเวอร์พูล ซัดประตูชัยนาที 67 เปิดบ้านแอนฟิลด์ เฉือนชนะ เรือใบสีฟ้า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1-0 เก็บ 3 แต้มสำคัญได้สำเร็จ ด้าน ขุนค้อน เวสต์แฮม ยูไนเต็ด เอาชนะ ดาบคู่ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด 1-0 ศึกพรีเมียร์ชิป อังกฤษ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา

ศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ประจำวันเสาร์ที่ 25 พฤศจิกายน 2549 ลิเวอร์พูล 1- 0 แมนฯ ซิตี้

ราฟาเอล เบนิเตซ กุนซือของ หงส์แดง ลิเวอร์พูล ทีมอันดับ 10 ของตารางพ ต้องเจอปัญหาหนักใจในการจักทัพ 11 ตัวจริง เมื่อผู้เล่นตัวสำคัญเพิ่งได้รับบาดเจ็บ 3 ราย จากเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก กลางสัปดาห์ คือ ซาบี้ อลอนโซ่ มิดฟิลด์ชาวสเปน, มาร์ค กอนซาเลซ ปีกทีมชาติชิลี และ เจอร์แมน เพนแนนท์

ขณะที่ก่อนหน้านี้ โมฮัมเหม็ด ซิสโซโก้ กองกลางชาวมาลีและ แฮร์รี่ คีเวลล์ ได้รับบาดเจ็บยาว

แต่เกมนี้ ราฟา ส่ง หลุยส์ การ์เซีย ลงมาเล่นตรงกลางกับ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ห้องเครื่องกัปตันทีม และ เบาเดอไวน์ เซนเด้น ส่วนแนวรับยังคงวางใจ ดาเนี่ยล แอกเกอร์, เจมี่ คาร์ราเกอร์, สตีฟ ฟินแนน, และ ซามี่ ฮูเปีย ลงมาทำหน้าที่ โดยมี ปีเตอร์ เคร้าช์ และ เดิร์ก เคาท์ ทำหน้าที่หอกคู่

ด้าน สจ๊วร์ต เพียร์ซ ผู้จัดการทีม เรือใบสีฟ้า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไม่มีปัญหาผู้เล่นบาดเจ็บเพิ่มเติม พร้อมส่ง ริชาร์ด ดันน์ และ ไมกาห์ ริชาร์ดส์ ลงมาป้องกันแนวรุก และ แบร์นาร์โด้ คอร์ราดี้ จับคู่กับ ดาริอุส วาสเซล ลงล่าตาข่าย

จากจังหวะเปิดยาวขึ้นมาหน้าประตู กองหลังแมนฯ ซิตี้ สกัดโด่งมาเข้าทางเดิร์ก เคาท์ โหม่งชงต่อให้ ปีเตอร์ เคร้าช์ แต่กลับจับบอลไม่ถนัดยิงเสยข้ามคานออกไปอย่างน่าเสียดาย

16 นาทีผ่านไป เจ้าบ้านเน้นทำเกมในแดนกลางหาจังหวะเจาะเข้าไปในเขตโทษ แต่สุดท้ายกลับโดนผู้เล่นเรือใบสีฟ้าสกัดแนวรุกเอาไว้ได้หมด และ ทีมเยือนมาได้ฟรีคิกตรงริมเส้นขวาจากการทำฟาวล์ของ ดาเนี่ยล แอกเกอร์ ทว่า ฟินแนน เคลียร์บอลออกไปได้

ถัดมา 2 นาที กองหลัง สตีเว่น เจอร์ราร์ด ได้ซัดไกลเต็มข้อระยะ 25 หลาแต่ไม่เข้ากรอบ

เข้าสู่นาที 31 หลุยส์ การ์เซีย หลุดขึ้นมาหน้าเขตโทษได้ซัดมุมแคบบอลติดตาข่ายด้านข้าง

ต่อมานาที 40 เคาท์ ลองวอลเลย์ไกลกลางเขตโทษแต่ข้ามคานออกไป ท้ายครึ่งแรกเจ้าบ้านมีโอกาสลุ้นจาก การ์เซีย แต่ยิงไม่ผ่าน วีเวอร์ หมดเวลา 45 นาทีแรก เสมอกันอยู่ 0-0

บริเวณกลางประตูแต่ไม่ผ่าน เคลาดิโอ เรย์น่า ผ่านไป 20 นาทีเกมรุกของเจ้าบ้านยังไม่ประสบผล เนื่องจากโดนทีมเยือนตั้งหน้ารับอย่างเหนียวแน่น และ ราฟา ต้องปรับเปลี่ยนแผนการเล่นทันที โดยส่ง เจอร์แมน เพนแนนท์ ลงมาแทน การ์เซีย นาที 59

นาที 67 เจ้าบ้านมาทำประตูขึ้นนำ 1-0 ได้สำเร็จ จากจังหวะที่ เค้าท์ สกัดแย่งบอลจากเท้ากองหลังทีมเยือน เจอร์ราร์ด วิ่งสอดขึ้นมารับแล้วจัดการซัดเต็มข้อระยะ 20 หลาบอลพุ่งเรียดเข้าประตูไปอย่างสวยงาม

หลังจากที่ได้ประตูขึ้นนำแล้วนั้น เจ้าบ้าน เดินหน้าทำเกมรุกได้อย่างต่อเนื่อง นาที 84 จอร์จิโอส์ ซามาราส ตัวสำรองเลี้ยงบอลมาทางริมเส้นซ้าย ก่อนจะลองตักบอลลอยโด่งเกือบเสียบมุมบนเข้าประตู แต่ยังดีที่ เรน่า เซฟเอาไว้ได้ ถัดมาไม่นาน เรย์น่า วิ่งเข้ามาซ้ำจังหวะสองแต่ เรน่า ยังตัวกระโดดเซฟเอาไว้ได้

ท้ายเกมของการแข่งขัน ทั้งสองทีมไม่สามารถทำอะไรได้เพิ่มเติม หมดเวลา 90 นาที ลิเวอร์พูล เฉือนชนะ แมนฯ ซิตี้ 1-0 เก็บ 3 คะแนนสำคัญได้สำเร็จ มี 21 คะแนน จากการลงเล่น 14 นัด ขึ้นไปอยู่ที่ 7 ของตาราง ส่วน เรือใบสีฟ้า แพ้เป็นนัดที่ 6 และยังไม่ได้แต้มจากการเล่นนอกบ้าน มี 16 คะแนนเท่าเดิม

ลิเวอร์พูล: โฮเซ เรน่า, ดาเนี่ยล แอกเกอร์, เจมี่ คาร์ราเกอร์, สตีฟ ฟินแนน, ซามี่ ฮูเปีย, ยอห์น อาร์เน รีเซ่, เบาเดอไวน์ เซนเด้น, หลุยส์ การ์เซีย (เจอร์แมน เพนแนนท์ นาที 59), สตีเว่น เจอร์ราร์ด, ปีเตอร์ เคร้าช์ (ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ น.65), เดิร์ก เคาท์ (เคร็ก เบลลามี่ น.89)

แมนฯ ซิตี้: นิกกี้ วีเวอร์, ซิลแวง ดิสแตง, ริชาร์ด ดันน์, ไมกาห์ ริชาร์ดส์, เนดัม โอนูโอฮา (จอร์จิโอส์ ซามาราส น. 74), เบน เธตเชอร์, ฮาเทม ตราเบลซี่, โจอี้ บาร์ตัน, เคลาดิโอ เรย์น่า, แบร์นาร์โด้ คอร์ราดี้, ดาริอุส วาสเซล

ชาร์ลตัน เสมอ เอฟเวอร์ตัน 1-1
[0-1:ไฮร์ดาร์สสัน น.52, 1-1: แอนดี้ รีด น.68]

แอสตัน วิลล่า เสมอ มิดเดิ้ลสโบรห์ 1-1
[0-1: คริสตี้ น.43, 1-1: แกเร็ธ แบร์รี่(จุดโทษ) น.45]

ฟูแล่ม แพ้ เรดดิ้ง 0-1
[0-1: เควิน ดอยล์ น.17]

ลิเวอร์พูล ชนะ แมนฯ ซิตี้ 1-0
[1-0: สตีเว่น เจอร์ราร์ด น.67]

เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ชนะ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด 1-0
[1-0: มุลลินส์ น.36]