ปีศาจแดง แมนฯ ยูไนเต็ด เก่งผสมเฮงแซงกลับมาชนะ ปืนใหญ่ อาร์เซนอล 2-1 ในศึกพรีเมียร์ลีกนัดวันที่ 29 ส.ค. อาบู ดิยาร์บี โขกประตูตัวเองนำชัยให้ปีศาจแดง ขณะที่ สิงโตน้ำเงินคราม เชลซี เล่นสบายๆ ต้อน เบิร์นลีย์ 3-0 ส่วน หงส์แดง ลิเวอร์พูล หวิดพังอีกดีที่ โบลตัน เหลือ 10 คน ทำให้แซงชนะ 3-2 และ ไก่เดือยทอง สเปอร์ส ฮอตไม่เลิกชนะรวดนัดที่ 4 เหนือ เดอะบลูส์ เบอร์มิงแฮม 2-1
ศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ นัดวันเสาร์ที่ 29 สิงหาคม ปีศาจแดง แมนฯ ยูไนเต็ด เปิดสนามโอลด์แทรฟฟอร์ด ทำศึกบิ๊กแมทช์กับ ปืนใหญ่ อาร์เซนอล โดยเกมนี้ เฟอร์กี้ เซอร์อเลกซ์ เฟอร์กูสัน กุนซือเจ้าถิ่นส่ง เวย์น รูนีย์ เป็นหัวหอกเพียงคนเดียว และมี ไรอัน กิ๊กส์ คอยเสริม ขณะที่ทีมเยือนใช้ โรบิน ฟานเพอร์ซี คู่กับ อังเดร อาร์ชาวิน
เกมในช่วงแรกเจ้าถิ่นเป็นฝ่ายครองบอลได้มากกว่าก็จริง แต่การทำเกมเข้าไปหาจังหวะยิงแบบจะจะนั้นยังทำไม่ได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว จนกระทั่งนาทีที่ 40 เป็นทีมเยือนที่ขึ้นนำก่อนเมื่อ อังเดร อาร์ชาวิน ได้จังหวะสับไกยิงจากระยะ 30 หลา เต็มเท้าบอลพุ่งเข้าประตูอย่างสวยงาม จบครึ่งแรก อาร์เซนอล จึงนำอยู่ 1-0
เข้าครึ่งหลัง แมนฯ ยูไนเต็ด ยังไม่มีการแก้เกมใดๆ แต่ก็มาได้ประตูตีเสมอหลังจากที่ รูนีย์ ถูก มานูเอล อัลมูเนีย รวบล้มในเขตโทษจึงเป็นจุดโทษ และ รูนีย์ รับหน้าที่สังหารเข้าไปเป็น 1-1 ก่อนจะแซงนำ 2-1 แบบมีโชคนาทีที่ 64 เมื่อ กิ๊กส์ เปิดฟรีคิกเข้าเขตโทษ อาบู ดิยาร์บี โหม่งพลาดเข้าประตูตัวเองไป ทำให้เกมของ อาร์เซนอล ช็อตไปดื้อๆ จบเกม แมนฯ ยูไนเต็ด ชนะไป 2-1 ทั้งๆ ที่เล่นไม่ดีเท่าไรนัก
หลังจบการแข่งขัน เฟอร์กี้ มองว่าทีมสามารถทำได้ตามเป้าหมายที่แย่งแต้มจากทีมใหญ่ได้บ้าง หลังจากที่เมื่อฤดูกาลที่แล้วชนะ เชลซี ได้เพียงแค่นัดเดียว ส่วนเกมที่ผ่านมาได้ออกมาชม ดาร์เรน เฟลตเชอร์ กองกลางของทีมว่ากำลังเป็นผู้เล่นหลักของทีมอย่างแท้จริง
ดาร์เรน เด่นมาก มันเป็นฟอร์มที่ยอดเยี่ยม และเขาคือนักเตะสำหรับเกมใหญ่ เวย์น ก็มหัศจรรย์ในครึ่งหลัง แต่ผมให้แมน ออฟ เดอะ แมทช์ กับ ดาร์เรน แม้ว่าจะเรามีผู้เล่นดีๆ หลายคนในครึ่งหลัง การตามหลัง 1 ลูกเมื่อจบครึ่งแรกเป็นเหมือนเข็นครกขึ้นภูเขาในการเจอกับทีมอย่าง อาร์เซนอล แต่เราก็กลับมาได้ดีมาก เมื่อฤดูกาลที่แล้วเราเสีย 4 แต้มให้ อาร์เซนอล 6 แต้มให้ ลิเวอร์พูล เราจึงต้องพยายามปรับปรุงเรื่องี้ให้ได้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ เฟอร์กี้กล่าว
ด้าน อาร์แซน เวนเกอร์ ผู้จัดการทีมอาร์เซนอลออกมาโวยผู้ตัดสิน ไมค์ ดีน ตามระเบียบที่เป่าให้จุดโทษกับ แมนฯ ยูไนเต็ด อีกทั้งเรื่องเตะขวดน้ำจากการพลาดประตูตีเสมอในนาทีสุดท้ายเนื่องจากล้ำหน้า ก่อนที่ส่งผลให้ถูกไล่ออกจากสนามนั้นถือว่าเป็นเรื่องที่เกินไป เพราะเป็นเรื่องที่น่าจะทำได้ อย่างไรก็ตาม เวนเกอร์ ยังเชื่อว่าเกมนี้ช่วยให้ประสบการณ์ที่ดีกับทีมอยู่มากพอสมควร เนื่องจากฟอร์มนัดนี้แสดงให้เห็นแล้วว่าทีมมีอนาคตที่สดใส
สิงโตน้ำเงินคราม เชลซี เปิดสแตมฟอร์ด บริดจ์ รับการมาเยือนของ เบิร์นลีย์ จอมพลิกล็อก โดยเกมนี้ คาร์โล อันเชล็อตติ เน้นเกมรุกส่ง เดโก้, นิโกลาส์ อเนลก้า และดิดิเยร์ ดร็อกบา ลงสนามพร้อมๆ กัน และเริ่มเกมมาได้ 7 นาที เชลซี พลาดโอกาสทองอย่างน่าเสียดายเมื่อ อังเดร บีเคย์ พลาดเสียบอลให้ นิโกลาส์ อเนลก้า ได้บอลหลุดเดี่ยวไปยิงแต่ ไบรอัน แยนเซน ออกมาคว้าบอลจากเท้าได้อย่างยอดเยี่ยม
อีก 2 นาทีต่อมาโอกาสเป็นของ เบิร์นลีย์ บ้าง โดย ไทโรน เมียร์ส ได้บอลหลุดไปทางด้านขวาก่อนไหลเข้ามากลางให้ มาร์ติน พัตเตอร์สัน ยิงโล่งๆ แต่หลุดกรอบออกไปอย่างน่าเสียดาย จากนั้น เชลซี ก็บุกเกือบพับสนามแต่ก็ยังยิงไม่ผ่านมือ แยนเซน จนกระทั่งช่วงทดเจ็บของครึ่งแรก มิกกาแอล เอสเซียง จ่ายทะลุให้ ดร็อกบา หลุดไปทางขวาก่อนผ่านเข้ามาหน้าประตูให้ อเนลก้า ชาร์จบอลชนเสาเข้าไป จบครึ่งแรก เชลซี จึงนำอยู่ 1-0
ครึ่งหลังกลับมาเล่นได้ 2 นาที เจ้าถิ่นก็หนีเป็น 2-0 เมื่อ แฟรงค์ แลมพาร์ด ลากหลุดไปทางซ้ายและเปิดมาหน้าประตูให้ มิชาเอล บัลลัค ทิ้งตัวโหม่งผ่าน แยนเซน เข้าไปเป็น 2-0 ก่อนที่อีก 5 นาทีต่อมา เชลซี ได้ประตูที่ 3 อย่างรวดเร็วโดย แอชลีย์ โคล ทำชิ่งกับ แลมพาร์ด หลุดไปทางซ้ายและซัดผ่าน แยนเซน เข้าทางเสาสองเป็น 3-0 และรักษาสกอร์ไว้ได้จนหมดเวลา เชลซี คว้าชัยชนะรวดเป็นนัดที่ 4 มี 12 แต้มเต็ม
หงส์แดง ลิเวอร์พูล ออกไปเยือน โบลตัน และพลาดท่าเสียประตูให้โบลตันไปก่อนในนาทีที่ 33 เมื่อ เควิน เดวีส์ ยิงบอลชุลมุนหน้าประตูเป็น 1-0 แต่ก่อนหมดครึ่งแรก 4 นาที ลิเวอร์พูล ก็ตีเสมอได้ จากการเติมเกมขึ้นสูงมายิงของ เกล็น จอห์นสัน จบครึ่งแรกเสมอกันอยู่ 1-1
ช่วงครึ่งหลัง ลิเวอร์พูล ต้องตามหลังอีกครั้งนาทีที่ 47 จากการยิงเต็มเท้าของ ทาเมียร์ โคเฮน เป็น 2-1 แต่อีกไม่กี่นาทีต่อมาจุดเปลี่ยนเกมนี้เกิดขึ้นเมื่อ โบลตัน เหลือ 10 คนจากการที่ ฌอน เดวิส ไปผลัก ลูคัส เลวา จนโดนใบเหลืองใบที่ 2 เป็นใบแดงออกจากสนามไป และเพียงแค่นาทีที่ 56 จาก เฟอร์นันโด ตอร์เรส และก่อนหมดเวลา 7 นาที ลิเวอร์พูล มาได้ประตูชัยในนัดนี้จากการยิงสวนของ สตีเวน เจอร์ราร์ด จบเกม ลิเวอร์พูล จึงบุกมาชนะหวุดหวิด 3-2
ผลคู่อื่นๆ สโต๊ค ชนะ ซันเดอร์แลนด์ 1-0 จาก เดฟ คิทสัน นาทีที่ 43, สเปอร์ส ชนะ เบอร์มิงแฮม 2-1 โดยเจ้าถิ่นได้จาก ปีเตอร์ เคราช์ นาทีที่ 72, แอรอน เลนนอน นาทีที่ 90 ส่วนทีมเยือนได้จาก ลี โบวเยอร์ นาทีที่ 90 และ วูล์ฟแฮมป์ตัน เสมอ ฮัลล์ ซิตี้ 1-1 ทีมเยือนนำก่อนจาก โจวานนี นาทีที่ 3 แต่เจ้าถิ่นก็ตีเสมอได้จาก ริชาร์ สเทียร์แมน นาทีที่ 46
สนับสนุนเนื้อหา 
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
