วานนี้ (15 เม.ย.) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเบื้องหลังเกมแชมเปียนส์ลีก รอบ 8 ทีมสุดท้าย
นัดที่ 2 ที่ลิเวอร์พูลบุกไปเสมอเชลซี 4-4 ชนิดที่มีโอกาสสร้างประวัติศาสตร์เข้ารอบหลังจากนำก่อน 2-0 และ 4-3 นั้น ราฟาเอล เบนิเตซ กุนซือหงส์แดงเผยภูมิใจในผลงานของลูกทีมแม้จะตกรอบก็ตาม
“เราแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่น ทุ่มเท ไม่ยอมแพ้ง่าย ผมเชื่อว่ากองเชียร์ของเราก็คงจะพอใจที่ทำได้ขนาดนี้ ทุกครั้งที่เราแพ้เราย่อมผิดหวัง แต่การแพ้ในลักษณะนี้ไม่มีอะไรต้องเสียใจเลย ลูกทีมของผมทุกคนเดินยืดอกได้สบาย” เบนิเตซกล่าว
ส่วนสตีเวน เจอร์ราร์ด กัปตันทีมตัวเก่งที่ไม่ได้ลงเล่นนัดนี้นั้น กุนซือลิเวอร์พูลเผยว่า ตอนแรกคิดว่าน่าจะฟิตทันแต่สุดท้ายก็ยังไม่สมบูรณ์จึงตัดสินใจไม่เสี่ยง “การขาดนักเตะอย่างเจอร์ราร์ดมีผลต่อทีมไม่น้อย แต่นักเตะคนอื่นก็ทำผลงานได้สุดยอดแล้ว ผมหวังว่าเขาจะกลับมาช่วยเราในการลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกได้ต่อไปจนจบฤดูกาล”
ทางด้านกุส ฮิดดิงค์ ผู้จัดการทีมเชลซีกล่าวว่า
หลังจากถูกนำ 2-0 ในครึ่งแรก ช่วงพักครึ่งเขาระเบิดอารมณ์ใส่ลูกทีมด้วยความโกรธ “เราเล่นตามแผนไม่ได้เลย ตั้งรับต่ำ ปล่อยให้ลิเวอร์พูลเกมได้ตลอด แต่ลูกทีมของผมก็ตอบสนองได้ดีในครึ่งหลัง นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมผมจึงประทับใจและดีใจที่ได้ทำงานกับนักเตะชุดนี้ เพราะพวกเขาพยายามที่จะแก้ตัวจากความผิดพลาดที่เกิดขึ้น”
ส่วนการเจอกับบาร์เซโลนาในรอบตัดเชือกนั้น ฮิดดิงค์กล่าวว่าบาร์ซาเป็นทีมที่แข็งแกร่งมาก มีนักเตะที่เต็มไปด้วยทักษะ เล่นเกมรุกเร็ว ตนประทับใจสไตล์การเล่นของบาร์ซามาก ไม่ใช่งานง่ายเลยในพบกับยอดทีมแบบนี้
มิชาเอล บัลลัค มิดฟิลด์เชลซีกล่าวถึงการดวลกับบาร์เซโลนาว่ามีโอกาสชนะ 50-50
“ทุกคนคงได้เห็นผลงานของบาร์ซาแล้วโดยเฉพาะนัดแรกที่ถล่มบาเยิร์น 4-0 เรารู้ดีว่าพวกเขาสุดยอดขนาดไหน แต่เชลซีก็เป็นทีมแข็งแกร่งเช่นกัน ชัยชนะที่มีต่อลิเวอร์พูลทำให้มีความมั่นใจมากขึ้น”
ไม่ว่าจะเป็นลิเวอร์พูลหรือเชลซีล้วนเป็นศึกหนักทั้งสิ้น “เชลซีเล่นเกมรุกได้ดี ส่วนลิเวอร์พูลมีเกมรับที่เหนียวแน่นกว่า เมื่อผลออกมาเราต้องเจอกับเชลซีก็เป็นงานหนักของเราหากต้องการเข้ารอบชิงชนะเลิศ”