สตีเว่น เจอร์ราร์ด

เดวิด เบ็คแฮม อาจจะเคยเป็นนักฟุตบอลที่ชาวเมืองผู้ดีให้ใจมากที่สุด แต่วันเวลาของเบ็คส์ ได้ผ่านพ้นไปนานแล้ว และมันกำลังจะมาถึงยุคของยอดมิดฟิลด์คนใหม่อย่างสตีเว่น เจอร์ราร์ด กัปตันไดนาโมแห่งทีม "หงส์แดง"

แม้จะอกหักไม่ได้เป็นกัปตันทีมชาติต่อจากเบ็คแฮม แต่เจอร์ราร์ด ก็เป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ได้รับการยอมรับนับถือมากที่สุดในทีมชาติอังกฤษยุคปัจจุบัน โดยที่บารมีไม่ได้น้อยไปกว่าจอห์น เทอร์รี่ ที่ได้รับปลอกแขนมาครองแต่อย่างใด และอิทธิพลที่มีต่อทีมก็ไม่น้อยไปกว่าตัวความหวังอย่างเวย์น รูนี่ย์ด้วยซ้ำ เพราะเจอร์ราร์ด เองก็สามารถที่จะเป็นคนตัดสินเกมให้กับทีมได้ด้วยตัวเองเหมือนๆ กัน

 เจอร์ราร์ด เป็นคนเมอร์ซี่ย์ไซด์แท้ๆ เกิดและเติบโตในย่านฮายตัน เมืองลิเวอร์พูล ทำให้มีสายเลือดของความเป็นสเกาเซอร์อยู่เต็มเปี่ยม และด้วยเหตุผลนี้เองที่ทำให้เขาซึ่งเติบโตในครอบครัวของเดอะ ค็อป เลือกที่จะผูกพันกับลิเวอร์พูล สโมสรอันดับหนึ่งของเมืองมากกว่าจะเป็นเอฟเวอร์ตัน


 มีเรื่องเล่ากันว่าในวัยเด็กสตีเว่น มีโอกาสที่จะได้สวมชุดของทีม ปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อยู่แล้ว แต่กลับปฏิเสธไป แถมยังเอาเรื่องนี้ไปโทรกดดันให้แมวมองของลิเวอร์พูล รีบยื่นสัญญานักเตะฝึกหัดมาให้อีกเพราะอยากจะอยู่แอนฟิลด์ มากกว่า


 และนี่เองที่ทำให้ในเวลาต่อมา แม้เจอร์ราร์ด จะโดนทีมอื่นให้ความสนใจและเคยเกือบเผลอใจมาแล้วถึง 2 ครั้งซ้อนๆ กับเชลซี แต่สุดท้ายหัวใจก็ยังคงบอกให้เขาอยู่ที่แอนฟิลด์ ต่อไปเสมอ


 โชคดีของลิเวอร์พูล ด้วยที่ไม่พลาดในการเซ็นสัญญาหนึ่งในกองกลางดาวรุ่งพรสวรรค์ที่เก่งที่สุดคนหนึ่ง และในเวลาเพียงไม่กี่ปีหลังจากนั้นชื่อของสตีเว่น เจอร์ราร์ด ก็กลายเป็นชื่อที่แฟนบอลเดอะค็อป ตะโกนร้องเรียกมากที่สุด


 เจอร์ราร์ด ได้รับโอกาสในการลงสนามจากการเปิดทางของเชราร์ อุลลิเยร์ อดีตผู้จัดการทีมลิเวอร์พูล ที่มอบเสื้อสีแดงสดให้ในปี 1998 และยังเป็นผู้ขัดเกลาสอนสั่งวิชาให้ในช่วงแรก โดยจับให้เล่นในหลากหลายตำแหน่งไม่ว่าจะเป็นกองกลาง ปีก หรือแบ็ก ซึ่งทำให้เจอร์ราร์ด มีความสามารถในการเล่นที่หลากหลายทั้งรับและรุก และกลายเป็นข้อที่โดดเด่นที่สุดในตัวไปโดยปริยาย


 หลังจากที่เริ่มได้รับโอกาส โดยเฉพาะในช่วงที่กัปตันในยุคนั้นอย่างเจมี่ เร้ดแนปป์ ได้รับบาดเจ็บเรื้อรัง ทำให้พื้นที่กลางสนามตกเป็นของเจอร์ราร์ด ที่ได้พี่ใหญ่อย่างดีทมาร์ ฮามันน์ คอยประคับประคองให้ และค่อยๆแทรกซึมเข้ามาเป็นผู้เล่นตัวจริง


 แต่กระนั้นเจอร์ราร์ด เองก็เคยประสบปัญหากับอาการบาดเจ็บเรื้อรังที่เกิดจากการที่ร่างกายยังเติบโตไม่เต็มที่ แต่หลังจากที่ได้รับการรักษาที่ฝรั่งเศส ซึ่งอุลลิเยร์ เป็นคนส่งไปด้วยตัวเอง เขาก็กลับมาเป็นคนใหม่ที่แกร่งกว่าเก่าและไม่เคยต้องบาดเจ็บเรื้อรังแบบนั้นอีกเลย


 เจอร์ราร์ด พบปีแห่งความสำเร็จที่สุดในชีวิตครั้งแรกด้วยการคว้า 3 แชมป์ในฤดูกาลเดียวในปี 2001 โดยได้ทั้งลีก คัพ ,เอฟเอ คัพ และยูฟ่า คัพ ก่อนที่จะได้รับเกียรติสูงสุดที่ใฝ่ฝันเมื่ออุลลิเยร์ ริบปลอกแขนกัปตันทีมจากซามี่ ฮูเปีย มาให้เป็นสมบัติของเจอร์ราร์ด ที่เริ่มพิสูจน์ตัวเองให้เห็นว่าเป็นผู้เล่นที่ทรงอิทธิพลที่สุดต่อทีม


 แต่ด้วยความที่เก่งเกินไปทำให้กลายเป็นว่าเจอร์ราร์ด ต้องแบกรับลิเวอร์พูลเอาไว้คนเดียว และหงส์แดงก็กลายเป็นนกหลงทางที่ไม่รู้จะบินไปทางไหน เจอร์ราร์ด เริ่มสับสนกับอนาคตของตัวเองและเกือบที่จะตัดสินใจย้ายไปเชลซี ในช่วงฟุตบอลยูโร 2004 หลังโดนโชเซ่ มูรินโญ่ บุกไปทาบทามถึงห้องพัก


 กระนั้นเมื่อได้คุยเปิดอกกับราฟาเอล เบนิเตซ ผู้จัดการชาวสเปน ที่เข้ามาแทนที่ของอุลลิเยร์ ที่เจอร์ราร์ด รักเหมือนพ่อคนที่สอง กัปตันหงส์ก็ตัดสินใจที่จะอยู่กับทีมต่อไป ซึ่งแม้ว่าในฤดูกาลนั้นลิเวอร์พูล จะกระท่อนกระแท่นเต็มทน แต่ในท้ายที่สุดแล้วพวกเขากลับคว้าแชมป์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด คือแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก หรือแชมป์ยูโรเปี้ยน คัพ สมัยที่ 5 ของสโมสร กับเกมนัดชิงชนะเลิศที่มหัศจรรย์ที่สุดในประวัติศาสตร์ด้วยการไล่ตามหลังยอดทีมอย่างเอซี มิลาน 0-3 มาเสมอกันที่ 3-3 ก่อนจะชนะในการดวลจุดโทษ


 และที่สำคัญที่สุดคือแชมป์นี้พูดได้เต็มปากว่ามาจากน้ำพักน้ำแรงของเจอร์ราร์ด กว่าครึ่ง โดยเฉพาะประตูมหัศจรรย์ในเกมรอบแบ่งกลุ่มกับโอลิมเปียกอส ที่ช่วยให้ลิเวอร์พูล ได้เข้ามาถึงรอบน็อคเอาต์ได้ และหลังจากพาโทรฟี่ยูโรเปี้ยน คัพ กลับมาจากอิสตันบูล เป็นสมบัติของแอนฟิลด์ เจอร์ราร์ด ก็ได้รับรางวัลเกียรติยศส่วนตัวชิ้นแรกคือรางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และต่อมาได้รับรางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของพีเอฟเอ หรือสมาคมนักฟุตบอลอาชีพที่เพื่อนนักเตะลงคะแนนให้


 แต่เจอร์ราร์ด ก็เกือบที่จะไปจากลิเวอร์พูลเหมือนกันหลังได้แชมป์ยุโรป ด้วยความไม่เข้าใจกับทางสโมสรที่ไม่ยอมยื่นสัญญาใหม่ให้ และประกาศที่จะย้ายทีมไปเชลซี แบบช็อกแฟนๆ แต่หลังจากนั้นแค่ไม่ถึง 24 ชั่วโมง เจอร์ราร์ด ก็ทำเอาแฟนๆช็อกอีกครั้งแต่เป็นการช็อกด้วยความยินดีเมื่อเขาเปลี่ยนใจขอต่อสัญญากับทีมออกไปอีก 4 ปีโดยไม่มีเงื่อนไขใดๆ และยืนยันว่ารักลิเวอร์พูลทีมเดียว


 เจอร์ราร์ด ยังคงเป็นหนึ่งในนักเตะสำคัญที่สุดของลิเวอร์พูล ใน 2 ฤดูกาลหลัง และสร้างตำนานเฉพาะตัวอีกครั้งในการทำประตูมหัศจรรย์ช่วยตีเสมอเวสต์แฮม ในเกมนัดชิงชนะเลิศเอฟเอ คัพ ในวินาทีสุดท้ายของเกมทั้งที่เป็นตะคริวก่อนหน้านั้น ก่อนที่จะได้แชมป์จากการดวลจุดโทษอีกครั้ง


 อย่างไรก็ดี สำหรับเส้นทางทีมชาติดูเหมือนสตีเว่น คนนี้จะยังไม่สามารถระเบิดผลงานมหัศจรรย์ได้เหมือนในลิเวอร์พูล เนื่องจากยังไม่มีโค้ชคนใดที่ใช้งานได้อย่างเหมาะสม ทำให้ต้องผิดหวังในยูโร 2004 และฟุตบอลโลก 2006 นอกจากนี้ยังเคยพลาดรายการสำคัญอย่างฟุตบอลโลก 2002 เพราะเกิดบาดเจ็บรุนแรงก่อน


 แต่แฟนบอลชาวอังกฤษ ทุกคนก็รอคอยที่จะได้เห็นยอดนักเตะอย่างเจอร์ราร์ด ระเบิดเพลงแข้งระดับสุดยอดพา สิงโตคำราม คว้าแชมป์รายการระดับชาติมาให้ได้เสีย เหมือนที่เขาได้พิสูจน์ถึงพรสวรรค์ที่ยากหยั่งถึงมาแล้วในสีเสื้อลิเวอร์พูล


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์