Premier LipS “ สวรรค์กำหนดชัดๆ ลิเวอร์พูล-หอย style=COLOR: blue>ทันทีที่รู้ผลจับสลากประกบคู่ยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีก หรือ UCL รอบ 8 ทีมสุดท้าย ไม่บอกก็รู้ว่าเดอะค็อปทั่วโลกที่ลุ้นการถ่ายทอดสดจะรู้สึกอย่างไร ทันทีที่รายชื่อของทีมสิงโตน้ำเงินคราม เชลซี ถูกหยิบขึ้นมาเป็นคู่ต่อกรกับ ลิเวอร์พูล เพราะนั่นเท่ากับว่านับตั้งแต่ราฟาเอล เบนิเตซ มาคุมทีมใน 5 ฤดูกาลนี้ เขาต้องโคจรมาประสบพบเจอเชลซีใน UCL ในทุกฤดูกาล เป็นรอบรองซะ 3 ในฤดูกาล 2004-2005 , 2006-2007 และ 2007-2008 รอบแบ่งกลุ่ม 1 ครั้ง ในฤดูกาล 2005-2006 ที่ลิเวอร์พูลได้เข้าไปเตะในฐานะแชมป์ และกับฤดูกาลล่าสุด 2008-2009 ในรอบ 8 ทีม ที่ เลกแรกลิเวอร์พูลจะได้ลงเล่นในฐานะเจ้าบ้านก่อนที่แอนฟิลด์ ซึ่งจะเล่นในวันที่ 8 เมษายน และเลกที่สองในวันที่ 14 เมษายน 2009 ที่ต้องออกเป็นเยือนแสตมฟอร์ดบริดจ์ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ นี่มันเนื้อคู่ กระดูกคู่ หนังคู่ เสียจริงๆ สำหรับ 2 ยอดทีมในพรีเมียร์ลีก และก็ดูเหมือนเบื้องบนจะช่างตั้งใจเสกสรรปั้นแต่ง และเรียงร้อยบทมาให้พวกเขาต้องประสบพบพานกันมาตลอด ขณะที่ดวงของ เอลราฟา ก็ช่างถูกโฉลกกับทีมมหาเศรษฐีจากลอนดอนเสียนี่กระไร เพราะขนาดเชลซีเปลี่ยนผู้จัดการไปแล้ว 4 คน ตั้งแต่มูริญโญ ไล่มาจนถึง อับราม แกรนท์ หลุยส์ สโคลาลี่ และล่าสุด กุด ฮิดดิ้ง แต่เอลบอสของบรรดาพลพรรคนักเตะหงส์แดง ก็ยังต้องได้เจอะเจอและปะทะฝีมือกับกุนซือใหม่ของเชลซีที่หมุนเวียนเปลี่ยนมาอยู่เสมอ style=COLOR: green>ไม่ว่านรกหรือสวรรค์จะจัดฉากยังไง แต่เอาเป็นว่าการเจอกันของทั้ง 2 ทีมไม่เคยมีอะไรที่ธรรมดา หรือจบลงแบบง่ายๆ ซักฤดูกาลเดียว หากมองสถิติย้อนหลังฤดูกาล 2004-2005 ทั้งคู่เจอกันที่ลอนดอนนัดแรกโดยเสมอกันไป 0-0 ก่อนที่ลิเวอร์พูลจะกลับมาชนะด้วยประตูโทนของหลุยส์ การ์เซีย ที่ทำเอานักเตะเชลซีและโฆเซ่ มูริญโญ่ น้ำตาตกมาจนถึงปัจจุบัน และคว้าแชมป์ไปแบบตราตรึงหัวใจตราบนานเท่านาน ในฤดูกาลนั้น หลังจากนั้นฤดูกาลถัดไปก็เจอกันอีกในรอบแบ่งกลุ่ม และกอดคอเข้ารอบกันไปทั้งคู่ แต่ฤดูกาลนั้นหงส์แดงดันโบกมือลา UCL อย่างรวดเร็วตั้งแต่รอบ 16 ทีม จนมาฤดูกาล 2006-2007 กงล้อแห่งโชคชะตาก็หมุนมาให้ลิเวอร์พูล -เชลซี เจอกันอีกครั้งในรอบรองชนะเลิศเช่นเดิม และครั้งนี้บทเดิมๆ ก็ยังย้อนกลับมาเล่นงานเชลซี แม้พวกเขาจะชนะในนัดแรกมา 1-0 แต่หงส์แดงก็แสบพอที่จะกลับมาชนะในบ้านด้วยสกอร์เดิมเช่นกัน และดวลจุดโทษชนะ เข้ารอบไปชิงกับคู่ปรับเก่าเอซี มิลาน เช่นเดิม เพียงแต่พวกเก่าไม่สามารถบันทึกประวัติศาสตร์หน้าใหม่ ด้วยการคว้าแชมป์ติดมือมาอีกครั้งได้ จากนั้นพรหมลิขิตก็ขีดเขียนให้พวกเขาโคจรมาเจอกันครั้งเมื่อฤดูกาลที่แล้ว เพียงแต่ครั้งมันพลิกข้างกลับไปอยู่ฝั่งเชลซี หลังจากนัดแรกที่เทพีแห่งโชค เข้าข้างทีมเจ้าสัวลอนดอน โดยการส่งยอห์น อาร์เน่ รีเซ่ มายิงเข้าประตูตัวเองให้เชลซีตีเสมอเป็น 1-1 ทั้งที่อยู่ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บแล้วด้วยซ้ำ ก่อนที่จะไปเอาชนะแบบคู่คี่สูสีสุดๆ 3-2 ในแสตมฟอร์ดบริดจ์ ทวงแค้นสำเร็จ ถีบลิเวอร์พูลตกรอบรองชนะเลิศ ไปอย่างเจ็บแสบ แต่เชลซีก็ต้องมาดวงแตกและอับโชคไปไม่ถึงดวงดาวในรอบชิงชนะเลิศ พร้อมกับน้ำตาของจอห์น เทอรี่ (ประเด็นนี้ผู้เขียนขอเสริมเข้าเรื่องเองโดยภาระการณ์ เพราะว่าทนเห็นน้ำตาลูกผู้ชายของกัปตันทีมชาติอังกฤษและเชลซีไม่ได้) style=COLOR: darkblue>และแล้วมาถึงฤดูกาลล่าสุด ทำไมสวรรค์ส่งยอดทีมอย่างลิเวอร์พูลมาจุติ แล้วต้องส่งเชลซีมาเจอกันด้วย ไม่รู้อะไรซะแล้ว บรรดาคอบอลซาดิสม์ ย้ำคิดย้ำทำ(เพราะเจอกันบ่อยเหลือเกิน) หรือเหล่าเดอะค็อปใจถึงทั้งหลายคงจะยิ้มอย่างพอใจ และถูกอกถูกใจที่เจอเชลซีอีกแล้ว เพราะจะกลัวทำไมเมื่อสถิติหงส์แดงข่ม ทีมสิงโตน้ำเงินครามเห็นๆ แถมด้วยผลงานในพรีเมียร์ลีก ที่เด็กหงส์สามารถเอาชนะได้ทั้งไปและกลับอีกต่างหาก เพราะฉะนั้นเมื่อผลงานดีกว่าถึงเพียงนี้ลิเวอร์พูลก็ไม่มีอะไรให้ต้องเกรงกลัวเชลซีแต่อย่างใด ไม่มีข้อยกเว้นแม้แต่เจอทีมปีศาจแดงที่เพิ่งเอาชนะมา หรือกระดูกชิ้นโตอย่างบาร์ซ่า และทีมมาแรงสุดบาเยิร์น มิวนิค ด้วยซ้ำไป เพราะนาทีอันยิ่งใหญ่แบบนี้ และบ่อยครั้งเหลือเกินที่ลิเวอร์พูลเจอบรรดาทีมยักษ์ใหญ่พวกเขามักจะโชว์ฟอร์มได้บรรเจิดอยู่เสมอ ประมาณว่าไม่ได้โม้ หรือโวเกินตัว แต่มันจะเป็นเช่นนั้นจริงๆ พวกเขาถูกโฉลกกับถ้วยใบนี้เหลือเกิน และจะบอกว่ามันเกิดขึ้นมานับตั้งแต่ผู้ชายที่ชื่อ ราฟาเอล เบนิเตซ เข้ามากุมบังเหียนในตำแหน่งบอสใหญ่ ณ ถิ่นแอนฟิลด์ ก็คงไม่ผิด เพราะเขานำลูกทีมล้มยักษ์ใหญ่จากยุโรปมาแทบจะหมดแล้ว ตั้งแต่ เอซี มิลาน อินเตอร์ มิลาน ยูเวนตุส โรม่า บาร์เซโลน่า และหมาดๆ กับรีล มาดริด ดังนั้นวินาทีนี้ นาทีนี้ และชั่วโมงนี้ ลิเวอร์พูลพร้อมจะเจอกับทุกทีมอยู่แล้ว style=COLOR: darkred>แต่กับเชลซีนั้นต้องบอกว่าเป็นฟุตบอลถูกคู่เหลือเกิน และเผลอๆ เอลบอสอาจจะชอบด้วยซ้ำ ที่คู่แข่งของพวกเขาในรอบนี้คือเชลซี เมื่อเปรียบเทียบกับทีมอื่นๆ อย่างถ้าเจอแมนยูฯ ทีมผีแดงอาจจะจ้องถล่มเป็นรายการผีทวงแค้น บาร์ซ่า หรือ บาเยิร์น ก็ไว้วางใจไม่ได้ในยามที่พวกเขาฟอร์มจัดขึ้นมา ส่วนทีมอย่างปอร์โต์ บียาร์รีล นั้น ไว้วางใจไม่ได้โดยสิ้นเชิง แต่ไม่ใช่ 2 ทีมที่เอ่ยมา เป็นฟอร์มของลิเวอร์พูลมากกว่า เพราะเจอทีมที่ดูเหมือนจะอ่อนชั้นเชิงกว่า พวกเขามักจะอ่อนปวกเปียกตามทุกที ดังนั้นไม่มีทีมไหนอีกแล้วที่จะสวรรค์จะกำหนดมาได้เหมือนกับเชลซี ประหนึ่งหงส์เห็นอุ้งเล็บสิงโตที่ซ้อนอยู่ ขณะที่สิงโตก็เห็นจงอยปากของหงส์ที่พร้อมจะจิกลงมาเช่นเดียวกัน เพราะทั้ง 2 ทีมรู้ไส้รู้พุงกันดีเหลือเกิน โดยเฉพาะลิเวอร์พูล เอลบอสน่าจะรู้วิธีจัดการกับพวกเขามากที่สุด 5 ฤดูกาลเจอกันมันซะะทุกฤดูกาล แม้ว่าเชลซีอาจจะเปลี่ยนกุนซือตลอด แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาของเอลราฟาแน่นอน อยู่ที่ว่าพวกเขาจะใช้แทคติกแบบไหนที่จะจัดการเท่านั้น ในฤดูกาลที่ลิเวอร์พูลพลาดท่าตกรอบ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าหากหงส์แดงไม่โชคร้ายเสียประตูช่วงท้ายเกม พวกเขาก็ยังน่าจะผ่านไปสู่รอบชิงได้อีกครั้ง เพราะนัดที่ 2 ในลอนดอนนั้นหากมีเวลาอีกซัก 5 -10 นาที ไม่ใช่เรื่องยากที่พวกเขาจะตามตีเสมอเชลซีได้ เพราะตอนนั้นทีมเจ้าบ้านก็ซวนเซไม่น้อยแล้วเหมือนกัน ดังนั้นเจอกันอีกครั้งบิ๊กบอสของลิเวอร์พูล น่าจะรู้ดีว่าจะจัดการกับทีมคู่ปรับสำคัญทีมนี้อย่างไร style=COLOR: blue>จะว่าไปอาจจะเหมือนยกหางตัวเอง หรือไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ที่เคยเกิดขึ้น แต่ลิเวอร์พูลก็มักจะมีความหวังเสมอในถ้วยยุโรปใบนี้ และพวกเขาก็มักจะเล่นดีเสมอด้วยเช่นกัน แม้ผลการแข่งขันจะยังมาไม่ถึง เพราะอีก 2 สัปดาห์จากนี้ถึงจะรู้ว่าจะออกมุมแเดงหรือมุมน้ำเงิน แต่อย่างน้อยเราก็ต้องมั่นใจในตัวเองเอาไว้ก่อน ความกลัวไม่เคยอยู่ในใจของเดอะค็อป หวาดหวั่นได้ แต่ต้องไม่ยอมแพ้ เพราะหากกลัวเชลซีซะตั้งแต่ตอนนี้ ก็เท่ากับว่ายอมแพ้ไปแล้วครึ่งตัว ดังนั้นตอนนี้มั่นใจเต็ม 100% ไปเลย สิงโตน้ำเงินครามนี่แหละที่เกิดมาเพื่อดันให้ลิเวอร์พูลก้าวไปถึงฝั่งฝันกับถ้วยใบนี้ ถึงแม้ว่าครั้งนี้จะเป็นรอบ 8 ทีมก็ตาม แต่นั่นเท่ากับว่าสิ่งดีๆ กำลังจะบังเกิดขึ้นแน่ๆ หากวันที่ 14 เม.ย. นี้ ผลการแข่งขันอยู่ข้างลิเวอร์พูล โรมไม่ไกลเกินฝัน อีกทั้งการเตะรอบนี้ หากพวกเขาสามารถก้าวเข้าสู่รอบรองชนะเลิศได้ มันก็คงเป็นของขวัญวิเศษสุดให้กับครอบครัว และ กองเชียร์ เดอะค็อป 96 ชีวิตบนสวรรค์ที่ต้องสังเวยให้กับโศกนาฎกรรมที่ฮิลล์โบโร่ เมื่อวันที่ 15 เม.ย. 1989 ด้วย style=COLOR: green>ครบรอบ 20 ปี เหตุการณ์ที่ฮิลล์โบโร่ จะเป็นสิ่งดีๆ สำหรับเอลราฟา นักเตะลิเวอร์พูล สตาฟโค้ช ทีมงาน และที่ขาดไม่ได้เดอะค็อปทั้งหลาย อย่างแน่นอน ในเมื่อสวรรค์กำหนดมาแบบนี้แล้ว ต่อให้เจอเชลซีอีกซักกี่ครั้ง ก็ไม่หวั่น