รู้น่ะ.....ว่ากลัวหงส์อยู่


ไม่รู้จะเอื้อนเอ่ยเป็นภาษามนุษย์ยังไงดีนะครับ 3
นัดล่าสุดยิงเกินโหลไป 1 ลูก แถมยังเสียประตูไปแค่เพียงประตูเดียว


เห็นทีต้องชื่นชมกันเป็นภาษาเทพซะแล้ว โฮ่วๆๆๆๆ (หัวเราะแบบซานตาครอส)
ก็หลังจากที่เอาชนะ เรอัล มาดริด ในศึกยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีกมา 4-0
ตามด้วยถล่ม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เละเทะคารังโอลด์ แทร๊ฟฟอร์ด 4-1
ย้ำอีกครั้ง!!! ถล่ม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เละเทะคารังโอลด์ แทร๊ฟฟอร์ด 4-1
(ต้องเน้น อิอิ) มานัดล่าสุดกับ แอสตัน วิลล่า ก็จัดการกดเพิ่มไปอีกห้าลูก
จากลูกยิงเต็มข้อตาข่ายแทบขาดของ เดิร์ก เค้าท์ ลูกยิงตามน้ำอันสุดสวยของ
อัลเบิร์ต ริเอร่า และแฮตทริกของ สตีเว่น เจอร์ราร์ด
เอาชนะทีมใหญ่อย่างวิลล่าไปด้วยสกอร์ท่วมท้น 5-0 แบบนี้ โอ้วววว
แม่เจ้า...ฟอร์มเทพชัดๆ ฮ่าๆๆๆ

ราฟาเอล เบนิเตซ และนักเตะ
คงจะอึดอัดกับการที่ถูกต่อว่าต่อขานมาตลอดในฤดูกาลนี้นะครับ บ่นกันอยู่ได้
ยิงประตูได้น้อยใช่มั๊ย? ลูกได้เสียเป็นรองแมนฯยูฯกับเชลซีบานเลยใช่มั๊ย? ด้ายยยย
เดี๋ยวป๋าจัดให้!!! สองนัดล่าสุดในพรีเมียร์ลีก
เฮียแกเลยถ่ายทอดคำสั่งไปถึงลูกน้อง เฮ้ย ยิงม่างไม่เลี้ยงเลยนะ
ต่อไปนี้ป๋าขอนัดละไม่ต่ำกว่า 4 ลูก ถ้าต่ำกว่านี้ ถือว่าต่ำกว่ามาตรฐานนะเด็กๆ
เข้าใจมั๊ย?

หลังจากที่เอาชนะวิลล่าไป 5-0
ราฟาให้สัมภาษณ์แบบไม่ค่อยพอใจนัก บอกตามตรงนะ ป๋าไม่ค่อยปลื้มว่ะ
ม่างน่าจะยิงกันได้เยอะกว่านี้อ่ะ วิลล่าเหลือแค่สิบคน
ป๋าตั้งเป้าไว้ในใจนัดนี้มันต้องชนะสัก 9 ลูก 10 ลูกโว๊ย แต่ก็นะ
ยิงไปห้าลูกเกินมาตรฐานที่เราตั้งไว้นิดหน่อย...ก็โอเค๊ (ทำเสียงสูง
พลางยักไหล่แบบชิวชิว) อันนี้ผมแต่งขึ้นเองนะครับ ไม่ใช่คำสัมภาษณ์ของราฟาจริงๆ
แต่เดาเอาว่าอารม์ป๋าแกน่าจะประมาณนี้อ่ะ 555

style=COLOR: #006400>ต้องขอบคุณฟูแล่มกับสเปอร์สนะครับ
ที่ทำให้สถานการณ์การลุ้นแชมป์เปิดกว้างขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
หลังจากที่เมื่อวันเสาร์ ทั้งสองทีมช่วยกันเอาชนะจ่าฝูงแมนฯยูฯ
และรองจ่าฝูงเชลซี ไป 2-0 และ 1-0
เปิดโอกาสให้ลิเวอร์พูลทำคะแนนขยับเข้าใกล้แมนฯยูฯได้อีกขั้นหนึ่ง
โดยตอนนี้เรามีแต้มตามหลังแมนฯยูฯ อยู่ 1 คะแนนเท่านั้น และทำแต้มทิ้งห่างเชลซีไป 3
คะแนน ขึ้นมาอยู่ที่ 2 ของตารางแบบเดี่ยวๆ ไม่ร่วมกับใคร
และจากการยิงกระจายมาสองนัด ทำให้ตอนนี้ลูกได้เสียของเราแซงขึ้นมานำอยู่ที่ +33
ขณะที่แมนฯยูฯ อยู่ที่ +31 และเชลซีอยู่ที่ +32

เพียงแค่ 2 สัปดาห์
ไม่น่าเชื่อนะครับว่าสถานการณ์จะพลิ๊กผันได้ขนาดนี้
หลังจากที่ลิเวอร์พูลของเราแพ้ให้กับมิดเดิ้ลสโบรช์ เดอะค็อปแทบจะทุกคน
ต่างพร้อมใจกันโยนความหวังในการลุ้นแชมป์ลงถังขยะแบบไม่ไยดี
เสียงวิพากษ์วิจารณ์ของเกจิผู้ช่ำชองในการลื่นไหลไปตามสถานการณ์ ต่างออกมาฟันธงว่า
หงส์แดงหมดลุ้นแชมป์แล้ว, แชมป์ปี้นี้ตกเป็นของแมนฯยูฯแน่ๆ 100%, และพอนัดถัดมา
เราเอาชนะซันเดอร์แลนด์ได้ 2-0
มันก็ดูเหมือนจะเป็นผลงานที่ออกมาเพื่อปลอบใจเดอะค็อปมากกว่า

จุดเปลี่ยนมันอยู่ที่นัดแดงเดือดจริงๆ
ครับ ที่ทำให้สถานการณ์มันเป็นอยู่ในขณะนี้
หลังจากที่แมนฯยูฯแพ้ให้กับลิเวอร์พูลเละเทะคารังโอลด์ แทร๊ฟฟอร์ดไป 4-1
ย้ำอีกครั้ง!!! แมนฯยูฯแพ้ให้กับลิเวอร์พูลเละเทะคารังโอลด์ แทร๊ฟฟอร์ดไป 4-1
ความมั่นใจภายในทีมหงส์แดงก็พุ่งสูงขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ ตรงกันข้ามกับแมนฯยูฯ
ที่ดูเหมือนว่าการพ่ายแพ้ให้กับอริเบอร์หนึ่งอย่างลิเวอร์พูล
จะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อทีมของพวกเขา ฟอร์มที่เคยร้อนแรงกลับแผ่วลงไปดื้อๆ
มันไม่ใช่การแพ้แค่เกมธรรมดาๆเกมหนึ่ง
อย่างที่ทางฝั่งแมนฯยูฯออกมาพูดปลอบใจตัวเองหลังเกมซะแล้ว


style=COLOR: #000080>หลังจากแพ้ให้กับลิเวอร์พูลแบบถล่มทลายในบ้านของตัวเองไป
1-4 ย้ำอีกครั้ง!!! พอแล้วววว เมิงจะย้ำอะไรนักหนา แค่นี้ตูก็เจ็บ(มาก)พอแล้ว
เสียงแฟนผีโอดครวญครับ 555 ถึงไหนแล้วล่ะ อ่อ
แมนฯยูฯแพ้คาบ้านต่อลิเวอร์พูลเละเทะเป็นครั้งแรกในรอบ 73 ปี
แถมยังเป็นการแพ้แบบไป-กลับต่ออริเบอร์หนึ่งเป็นครั้งแรกในยุคของเบนิเตซ
และเป็นการแพ้แบบไป-กลับเป็นครั้งแรก ในรอบ 7 ปี
นับตั้งแต่ที่ลิเวอร์พุลทำได้ล่าสุดเมื่อฤดูกาล 2001-2002


มาสัปดาห์นี้ในเกมกับฟูแล่ม
ซึ่งเป็นเกมที่ใครต่อใครต่างเชื่อกันว่าแมนฯยูฯจะกลับมาเอาชนะได้
และก็จะทำแต้มทิ้งห่างลิเวอร์พูลออกไปอีก แต่ผิดคาด
แมนฯยูฯกลับสะดุดพ่ายแพ้คารังคราเวน ค็อจเทจ ของฟูแล่ม 2-0 ย้ำอีกครั้ง!!!
แมนฯยูฯพ่ายแพ้คารังคราเวน ค็อจเทจ ของฟูแล่ม 2-0 ไม่น่าเชื่อนะครับว่าแมนฯยูฯจะแพ้
เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาแมนฯยูฯมักจะบุกมาเอาชนะตลอด
นี่จึงเป็นการพ่ายแพ้ในบ้านของฟูแล่มเป็นครั้งแรกในรอบ 45 ปี ของแมนฯยูฯเลยทีเดียว
แถมยังเป็นการแพ้ 2 นัดติดต่อกันเป็นครั้งแรกในรอบ 149 เกม นับตั้งแต่ 2005 อีกด้วย
แหม...จะขยันสร้างสถิติใหม่ๆไปถึงไหนจ๊ะ ปีศาจแดงจ๋าาาาาาาาา ฮ่าๆๆๆ


เป็นไงล่ะ...ชอบมาล้อหงส์ดีนักว่าทำได้แค่เสมอทีมเล็กๆ อย่างฟูแล่ม
เจอกับตัวถึงกับแพ้เลย อิอิ
กิ๊วๆๆ

ในเกมกับฟูแล่มเห็นได้ชัดเลยว่านักเตะแมนฯยูฯจิตใจยังไม่ปกตินัก
(คิดว่ายังคงสะเทือนใจกับการพ่ายแพ้ให้กับลิเวอร์พูลอยู่)
เล่นกันแบบสะเปะสะปะไม่เป็นรูปทรง แถมทำเสียกันบ่อย พลาดแบบง่ายๆ ยิ่งเล่นก็ยิ่งเละ
และยิ่งพอลล์ สโคลส์มาโดนไล่ออก แถมเสียจุดโทษอีก
อารมณ์ของนักเตะก็ดุเดือดเลือดพล่านขึ้น ไม่เล่นไปตามแผนกันซักเท่าไหร่
ออกจะเล่นนอกเกมอยู่บ่อยๆ และพอเวลาผ่านไปยังยิงประตูตีคืนมาไม่ได้ ก็ยิ่งหงุดหงิด
ส่งผลให้เวร รูขี้ เอ๊ย เวร์น รูนี่ย์ มาโดนเหลืองที่สอง
กลายเป็นใบแดงไล่ออกจากสนามไปแบบ เอ่อ... แบบโง่ๆ ครับ 555


style=COLOR: #a0522d>จากสถานการณ์ในตอนนี้ เราวิเคราะห์กันได้ว่า
แมนฯยูฯเริ่มมีความกดดันให้เห็นกันบ้างแล้ว
เป็นไปอย่างที่เบนิเตซให้สัมภาษณ์เอาไว้เมื่อนานมาแล้วเลยนะครับ เกมในวันที่ 14
มีนาคม จะเป็นนัดสำคัญที่จะชี้ชะตาว่า เราจะยังอยู่ในเส้นทางลุ้นแชมป์อยู่หรือไม่
และวันนี้จากคำพูดของเขา เราเริ่มจะเห็นเค้าลางๆแล้วว่า อีก 9 นัดที่เหลือองแมนฯยูฯ
อาจจะมีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้นก็ได้ นัดหน้าแมนฯยูฯจะมีนักเตะโดนแบนถึง 3 คนแน่ะ
ทั้งเนมันย่า วิดิช สโคลล์ และ รูนี่ย์ แถมนักเตะตัวสำคัญอย่าง ดิมิทาร์
เบอร์บาตอฟ
ก็มาบาดเจ็บอีก
นัดหน้าเจอกับวิลล่าที่อัดอั้นกับผลงานตัวเองอยู่ด้วย งานหนักแน่ๆครับ
สำหรับแมนฯยูฯ

ส่วนลิเวอร์พูล ฟอร์มในช่วงนี้ต้องบอกว่า เทพมั่กๆ ค่ะ
นักเตะแต่ละคนเล่นกันด้วยความมั่นใจ
ทุ่มเทอย่างเต็มที่ที่จะเก็บชัยชนะในทุกนัดที่เหลืออยู่ จากฟอร์มในตอนนี้
บอกได้เลยว่า ไม่น่าจะเป็นเรื่องยากเกินความสามารถไปได้
ลิเวอร์พูลเริ่มที่จะแก้ไขความผิดพลาดในอดีตของตัวเองได้บ้างแล้ว
เห็นได้จากสัปดาห์ที่ผ่านมานี้
ที่เมื่อก่อนไม่เคยฉกฉวยประโยชน์จากการที่คู่แข่งเพลี่ยงพล้ำได้เลย เขาแพ้เราก็แพ้
เขาเสมอเราก็เสมอ แต่มาวันนี้ เขาแพ้-แต่เราชนะ
ทำคะแนนไล่จี้เหลือเพียงแค่แต้มเดียวเท่านั้น
แต่แมนฯยูฯแข่งน้อยกว่าหนึ่งนัดนะ เห็นเด็กผีหลายคนชอบย้ำแบบนี้
อยากจะบอกว่าตูรู้แล้วครับ ไม่ต้องมาย้ำเพื่อปลอบใจตัวเองหรอก
รู้นะว่ากลัวหงส์อยู่ หึหึ

style=COLOR: #4b0082>ในตอนที่ทีมเราถูกแมนฯยูฯแซงขึ้นนำเป็นจ่าฝูง
ลิเวอร์พูลถูกปรามาสว่า ไม่มีประสบการณ์การลุ้นแชมป์ แบกรับความกดดันไม่ไหวหรอก
ก็อาจจะจริงครับ ในความเป็นจริง
ลิเวอร์พูลถนัดกับการเป็นผู้ไล่ล่ามากกว่าการเป็นผู้ถูกไล่ล่า หลายปีผ่านมานี้
ลิเวอร์พูลฝึกปรือฝีมือในการไล่ล่ามาอย่างช่ำชอง
เอาความผิดพลาดของตัวเองมาปรับปรุงแก้ไขทีละเล็กทีละน้อย
เรียนรู้ความเจ็บปวดในการพ่ายแพ้ต่อทีมบิ๊กโฟร์มานับไม่ถ้วน
ไม่เหมือนแมนฯยูฯ(มั๊ง?) ที่คงลืมไปแล้วว่า แพ้ให้กับลิเวอร์พูล
มันรู้สึกเจ็บปวดยังไง และมันจะส่งผลกระทบกับนักเตะภายในทีมขนาดไหน
หากสถานการณ์ทุกอย่างเป็นไปอย่างที่เราคิด แมนฯยูฯ ยังคงเป๋
เดินเถลไถลออกนอกลู่นอกทางของตัวเอง ผู้ไล่ล่า อย่างลิเวอร์พูล
ก็พร้อมที่จะกระโจนเข้าใส่ในความผิดพลาดของแมนฯยูฯ
อยู่ทุกเมื่อในช่วงเวลาที่เหลืออยู่


แฟนผีคงเจ็บลึกไปถึงขั้วหัวใจเลยนะครับ
หากสิ้นฤดูกาลนี้ แชมป์พรีเมียร์ลีก ไม่ใช่ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด.

ที่มา href=http://www.liverpoolthailand.com/forum/index.php?showforum=1> size=3>Liverpoolthailand fanclub


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์