โปรเจคชนะทุกนัดของราฟาเอล เบนิเตซขี้แตกตั้งแต่นัดแรกหลังเล่นกันสเปะสปะไร้จุดหมายก่อนมาเร่งเครื่องเล่นดีช่วงท้ายไล่ตีเสมอแมนฯซิตี้ก่อนหมดเวลา 12 นาทีจากเดิร์ก เคาท์ทำให้แม้รักษาสถิติไม่แพ้ในแอนฟิลด์แต่ก็ยังตามหลังแมนฯยูไนเต็ดเป็น 7 แต้มเข้าให้แล้ว
ลิเวอร์พูล 1 - 1แมนฯซิตี้
ประตู : 0-1 เบลลามี่ น.49,1-1 เคาท์ น.78
ราฟาเอล เบนิเตซปรับทัพหลายตำแหน่งหลังนักเตะเจ็บและแบนกันหลายคนโดยลูคัส เลว่าบุตรบุญส่งลงเป็นตัวจริงคู่กับฮาเวียร์ มาสเคราโน่ส่วนอันเดรีย ดอสเซน่าลงแทนฟาบิโออ ออเรลิโอแต่ยังดีที่ยอสซี่ เบนายูนได้ยืนปีกขวาตามถนัดและเดิร์ก เคาท์จับคู่กับเฟร์นานโด ตอร์เรส
ส่วนแมนเชสเตอร์ ซิตี้ใช้ผู้เล่นชุดใหญ่เกือบทั้งหมดแบบไม่ต้องคิดมากโดยซูเปอร์สตาร์ที่มีข่าวฟาดปากกันก่อนเกมทั้งเบลลามี่และโรบินโญ่ลงเล่นร่วมกันส่วนแดนกลางอัดแน่นไปด้วยแข้งจอมเขี้ยวอย่างไนเจล เด ยอง,สตีเฟ่น ไอร์แลนด์และแวงซองต์ กอมปานี
ครึ่งแรก
เริ่มเกมมาเดิร์ก เคาท์หอกไตรกีฬาวิ่งไล่บอลหน้าตั้งแบบไร้จุดหมายทันทีโดยที่เหล่าแข้งแมนฯซิตี้ยังทำอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอันและส่วนใหญ่จะระแวดระวังแนวรับที่ลิเวอร์พูลตั้งใจจะยิงประตูให้เร็วที่สุด
นาทีที่ 8 คาร์ราเกอร์วางยาวเข้ากรอบโทษให้เบนายูนแตะคืนหลังเป็นตอร์เรสที่ง้างยิงวอลเลย์ตามน้ำแต่บอลแป๊กปลิ้นออกหลังไม่ตรงกรอบด้วยซ้ำ บังเอิญเป็นเอล นินโญ่เดอะค็อปเลยเฉยๆถ้าเป็นเคาท์ด่ากันตรึม
เกมเล่นมาแล้ว 15 นาทีบอลยังทันกันการจ่ายแทงทะลุช่องยังไม่มีหลุดแต่เรือใบยังเป็นฝ่ายตั้งรับซะเป็นส่วนใหญ่แต่เลว่าเข้าบอลพรวดตรงกลางสนามทำฟาว์ลเดยองที่อุตสาห์จ่ายบอลพลาดไปแล้วกรรมการเล่นเป่าให้เป็นลูกฟาว์ลเลยชวดบุกอย่างน่าเสียดาย
นาที 20 หงส์แดงมาเป็นชุดอาร์เบลัวเปิดบอลจากปีกขวาบอลแฉลบคนคุมเสาแรกบอลเลยผ่านหน้าไมคาห์ ริชาร์ดที่ทิ้งตัวโหม่งไม่ถึงจากนั้นริเอร่าวิ่งมาเก็บตกเปิดยัดเข้าในแต่บอลเลยตอร์เรสไปอีก
จังหวะต่อเนื่องกันคราวนี้ได้เสียวกว่าจากลูกเตะมุมบอลตกมาใส่ตอร์เรสตรงะระยะ 6 หลากลายเป็นจุดเกรงใจที่กิฟเว่นกับกองหลังเกี่ยงกันทำให้เคาท์เข้ามาบีบแย่งจนบอลทะลักไปถึงริเอร่าที่ยิงแบบส่งเดชแบบตั้งเท้าไม่ดีบอลไปติดบล็อกแข้งทีมเยือนชวดได้ประตูอย่างน่าเสียดาย
ลิเวอร์พูลได้บุกมากกว่าก็จริงแต่การทำเกมเข้าใส่สวยๆยังไม่ค่อยมีส่วนใหญ่จะเป็นลูกนัวเนียและขืนเป็นแบบนี้ต่อไปต้องระวังจุดเปลี่ยนเพราะเรือใบมีโรบินโญ่ที่สั่งได้จากลูกตั้งเตะ
พูดไม่ทันขาดคำนาที 30 ลิเวอร์พูลเกือบพังเมื่อมาสเคราโน่จ่ายบอลให้ดอสเซน่าพลาดทำให้ไอร์แลนด์ตัดได้แล้วสาดยาวให้โรบินโญ่ดวลเดี่ยวกับคาร์ราเกอร์ที่เหมือนจะชลอได้แล้วแต่ไอร์แลนด์วิ่งทำทางจากแดนตัวเองขึ้นมาจนแข้งแซมบ้าไหลเข้ากรอบให้วิ่งมายิงเน้นๆแต่ติดบล็อกหน้าอกเรน่าและมาซ้ำดาบสองมุมแคบเข้าข้างตาข่าย โอกาสครั้งแรกก็เกือบงานเข้าซะแล้ว
อีก 5 นาทีต่อมาเกมรุกของลิเวอร์พูลที่ดูหนืดๆไปก็ได้ลุ้นจากการยิงไกลของดอสเซน่าที่วิ่งมาบวกลูกโหม่งเคลียร์ของริชาร์ดบอลพุ่งเลียดร้อนถึงกิฟเว่นต้องล้มตัวเซฟเอาไว้
อีกนาทีเดียวตอร์เรสโชว์เทคนิคระดับเทพจากจังหวะที่ซิตี้บุกไปถึงหน้ากรอบโทษแล้วเสียเป็นเลว่าแงะแล้วจ่ายให้ตอร์เรสดึงจังหวะจะเข้าหาบอลแล้วปล่อยพรวดจนตัวประกบหลงก่อนกระชากหลุดขึ้นมาตรงปีกขวาถึงกรอบโทษก่อนตบย้อนให้ริเอร่าวิ่งมาแล้วแต่งเข้าซ้ายยิงเต็มๆบอลบดออกข้างเสาอย่างน่าเสียดาย จังหวะนี้ถ้าเป็นคนถนัดขวาได้ยิงทันทีแน่นอน
จังหวะสุดท้ายของลิเวอร์พูลแย่มากก่อนหมดเวลา 3 นาทีตอร์เรสที่วันนี้กลายเป็นตัวชงจ่ายบอลลดขาดันน์ให้เบนายูนหลุดเข้าเขตโทษเยื้องตรงขวาแต่ตอนยิงงัดใต้บอลโด่งออกหลังแบบไม่มีลุ้นเลย
พูดก็พูดวันนี้ไม่มีใครตามเซนส์บอลตอร์เรสทันเลยส่วนใหญ่จะมีแต่พวกเล่นบอลล่ก+มูมมามปัดสวะให้พ้นตัวอย่างเดียว
นาทีสุดท้ายอาร์เบลัวกระชากเป่าปากขึ้นมาถึงกรอบโทษฝั่งขวาแล้วเปิดให้เคาท์โขกจากด้านหลังริชาร์ดส์ออกหลังไปแบบได้ลุ้นนิดนึง หมดครึ่งแรกยังเสมอกัน 0-0 และถ้าเล่นแบบนี้รับรองวันนี้ไม่ง่ายแน่นอ
ครึ่งหลัง
เริ่มมาแค่ 40 วินาทีโรบินโญ่จ่ายขวางให้กอมปานียิงไกลบอลพุ่งน่ากลัวแต่ไปตรงตัวเรน่าที่รับเข้าซองสบายๆ
และแล้วนาที 49 แมนฯซิตี้มาขึ้นนำจนได้จากจังหวะที่โรบินโญ่แทงทะลุให้กอมปานีหลุดเข้าเขตโทษแต่ไม่มีจังหวะยิงเพราะหันข้างหาประตูและเจอเลว่าเบียดอยู่แต่อดีตแข้งฮัมบวร์กแตะคืนให้เบลลามี่วิ่งซัดในกรอบบอลแฉลบขาอาร์เบลัวพุ่งย้อยผ่านมือเรน่าเสียบหน้าต่างเข้าไปสุดช็อก ซิตี้นำแล้ว 1-0 เป็นการทำประตูทีมเก่าของถีบจักรอีกด้วย
พอโดนนำไปก่อนแล้วทีมไม่มีผู้นำคอยคุมหางเสืออย่างเจอร์ราร์ดทีนี้เกมปั่นป่วนแดนกลางเก็บบอลไม่ได้ นักเตะออกอาการลนลานแถมตอนนี้เจอเรือใบจ้องสวนกลับทุกจังหวะและอาจมีสิทธิ์เสียเพิ่มได้ง่ายๆเนื่องจากแนวรับดันขึ้นสูงกันแล้ว
นาที 56 หลังต่อบอลขวางไปมาอยู่นานริเอร่าเปิดบอลเลียดจากปีกซายทะลุไปที่ระยะ 6 หลาให้ตอร์เรสวิ่งสไลด์โฉบแต่บอลสุดปลายเท้าไม่ถึงก่อนเข้ามือกิฟเว่น
เกมของเจ้าถิ่นน่าเป็นห่วงมากเพราะไม่ต้องทำอะไรแค่จ่ายบอลธรรมดายังเสียกันง่ายๆทำให้ตอนนี้เกมเป็นของเรือใบอย่างชัดเจนและถ้าไม่มีใครถูกไล่ออกสงสัยลิเวอร์พูลอาจแพ้เป็นนัดแรกในแอนฟิลด์สูง
เลว่าชักเสียสติจ่ายบอลขวางสนามล้นออกข้างแถมเข้าบอลพรวดจะไปเตะจากด้านหลังกอมปานีอีกแต่ดูเหมือนเบนิเตซยังพอใจกับผู้เล่นชุดเดิมไม่มีสั่งใครมาวอร์มซักคนเดียว
ว่าแล้วนาที 63 เอลบอสเปลี่ยนเอลซาร์ลงมาแทนริเอร่าเพื่อแก้เกมโดยด่วนหลังเป็นรองทุกจุดของสนามไปแล้ว
อีก 3 นาทีต่อมาจังหวะสวนกลับของทีมเยือนจ่ายกันสุดสวย 2-3 จังหวะก่อนโรบินโญ่ยิงไกลในกรอบฝั่งขวาบอลไปแฉลบไอร์แลนด์ที่ยืนเผาขนเข้าประตูยังดีที่ไปยืนในตำแหน่งล้ำหน้า
นาที 70 สเคอร์เทลไปเตะโรบินโญ่จากด้านหลังเสียฟรีคิกระยะสุดน่ากลัว 18 หลาตรงกลางกรอบโทษและโรบินโญ่ยิงกดเลียดลักไก่บอลออกข้างเสาไปแต่กรรมการมองเป็นแฉลบให้เตะมุมเฉย
เกมรุกลิเวอร์พูลตายสนิทจริงๆเพราะบอลต่อไร้ระบบไม่มีการเคลื่อนไหวโดยจะหวังฝากบอลให้ตอร์เรสโชว์มหัศจรรย์ทุกลูกก็ไม่ไหวส่วนเคาท์ลำพังจับบอลให้อยู่ตัวก็ต้องช่วยลุ้นเหนื่อย
แต่แล้วนาที 78 เคาท์โดนด่ามากเลยยิงโชว์หลังเบนายูนเปิดบอลจากปีกซ้ายมาที่จุดนัดพบ 6 หลาตอร์เรสวิ่งมายิงด้วยอีซ้ายแป๊กเลยกลายเป็นส้มหล่นของเคาท์ที่ยิงดีดข้างเท้าเผาขนผ่านกิฟเว่นเข้าไป เสมอแล้ว 1-1
อีก 5 นาทีต่อมาเคาท์ที่กำลังโมโหได้ที่พลิกบอลหนีสุดสวยก่อนกระชากมาถึงระยะ 23 หลาก่อนยิงเต็มข้อแสกหน้ากิฟเว่นที่ปัดได้สุดยอด
ราฟาโชว์ความรักที่มีต่อเลว่าอย่างสุดซึ้งเมื่อแก้เกมเปลี่ยนเอาบาเบิ้ลตัวรุกมาแทนมาสเคราโน่หมายจะเอาประตูช่วยให้ได้แต่เล่นแป๊บเดียวลูคัสจ่ายบอลเสียง่ายๆจนทีมเจอซิตี้สวนจนโอนูฮาได้ยิงหน้ากรอบแต่เรน่าตระครุบไว้ได้
หงส์แดงมาเป็นชุดๆนาที 85 ตอร์เรสโผนโขกแย่งชงให้เบนายูนวอลเลย์ด้วยอีซ้ายเหน่งๆไร้ตัวประกบตรงระยะ 8 หลาแต่บอลตรงตัวกิฟเว่นที่ผวาปัดด้วยปฏิกริยาสุดเหลือเชื่อ
เคาท์กลายเป็นตัวเทพไปแล้วหลังอีก 2 นาทีได้บอลในกรอบแล้วหมุนตัวยิงหักข้อบอลพุ่งเฉี่ยวเสาออกหลังไปแบบน่าเข้าสุดๆ
ช่วงเวลาที่เหลือลิเวอร์พูลซึ่งมาพับสนามช่วงท้ายแต่ไม่เพียงพอเสมอกันไป 1-1 และเป็นการเสมอ 10 นัดในซีซั่นนี้รวมทั้งตามหลังแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเป็น 7 แต้มส่วนเรือใบยังอยู่อันดับ 9 และยังไม่ชนะใครนอกบ้านนานถึง 5 เดือนเข้าให้แล้ว
รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม
ลิเวอร์พูล : โฆเซ่ เรน่า,อัลบาโร่ อาร์เบลัว,เจมี่ คาร์ราเกอร์,มาร์ติน สเคอร์เทล,อันเดรีย ดอสเซน่า(ออเรลิโอ ร.76),ยอสซี่ เบนายูน,ฮาเวียร์ มาสเคราโน่(บาเบิ้ล น.83),ลูคัส เลว่า,อัลเบิร์ต ริเอร่า(เอล ซาร์ น.63 ),เฟร์นานโด ตอร์เรส,เดิร์ก เคาท์
สำรองไม่ได้ใช้ : คาวาเลียรี่,ฮูเปีย,เอ็นกอก,สเปียริ่ง
แมนฯซิตี้ : เชย์ กิฟเว่น,ไมคาห์ ริชาร์ดส,ริชาร์ด ดันน์ ,เนดัม โอนูฮา,เวย์น บริดจ์,พาโบล ซาบาเลต้า,ไนเจล เดยอง,แวงซองต์ กอมปานี ,สตีเฟ่น ไอร์แลนด์,เคร็ก เบลลามี่,โรบินโญ่(ไคเซโด้ น.88)
สำรองไม่ได้ใช้ : ฮาร์ท,การ์ริโด้,วาสเซลล์,อีแวนส์,เอลาโน่,วีสส์
ขอขอบคุณเนื้อข่าวคุณภาพดีโดย lentee