♥♡ 진주 ♥♡
Interview : Martin Skrtel
หลังจากที่พยายามตามล่าหากองหลังเข้ามาเสริมทีมอยู่นาน ในที่สุดราฟา เบนิเตซ ก็ได้นักเตะที่ต้องการเข้ามาจนได้ แม้ความจริงจะไม่ใช่ เป้าหมายหลัก ก็ตามที
แต่มาร์ติน สเคอร์เทล ก็ถือเป็นกองหลังสายเลือดใหม่ไฟแรงที่ยังมีอนาคตและมีโอกาสที่จะก้าวมาเป็นนักเตะดาวดังในอนาคตได้
ผลงานที่สะดุดสายตาของราฟา และทีมงานคือเกมยูฟ่า คัพ ที่เซนิต เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์กบุกมาเอาชนะเอฟเวอร์ตันได้ที่กูดิสัน ปาร์ค เมื่อช่วงต้นฤดูกาล
มันมากพอที่จะทำให้ราฟา เชื่อ ว่าเจ้าหนูก้านยาวคนนี้น่าจะเอาตัวรอดกับเกมเร็วๆในอังกฤษได้
และด้วย จังหวะ ที่เข้าทาง กับการที่เอล บอส พลาดหวังจากกาเบรียล ไอน์เซ่ และโธมัส อูฟาลูซี่ สองเป้าหมายแรกในฐานะกองหลังประสบการณ์สูงและมีราคาไม่สูงมากนัก
ทางออกด้วยการทุ่มเงินกว่า 6.5 ล้านปอนด์เพื่อแลกกับกองหลังอนาคตไกลคนหนึ่ง ก็เป็นทางเลือกที่ไม่ได้ถือว่าเลวร้ายนัก แม้ว่าราคาค่างวดของสเคอร์เทลจะสูงยิ่งกว่าใครในประวัติศาสตร์ของกองหลังลิเวอร์พูลก็ตาม
เมื่อมีมือจากลิเวอร์พูลยื่นไปหา - เจ้าหนูวัย 23 ปีที่ผ่านประสบการณ์มาโชกโชนเกินวัยทั้งในระดับทีมชาติและสโมสรก็ปัดมือของเอฟเวอร์ตัน ที่พยายามจะยื่นมาเช่นกันหลังประทับใจกับฟอร์มในการพบกันในยูฟ่า คัพ
ก่อนจะจับมือกับทีมสีแดงแห่งแอนฟิลด์แทนอย่างเร่งร้อนและรวดเร็ว
วันนี้ผมมีบทสัมภาษณ์แรกแบบสั้นๆของเขา - มาร์ติน สเคอร์เทล กองหลังชาวสโลวัก ที่คงต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่กว่าจะภาษาอังกฤษจะเข้าที่เข้าทางและดีพอจะให้สัมภาษณ์ในแบบยาวๆได้
รวมถึงเอล บอส กับมุมมองที่มีต่อลูกทีมคนใหม่ของเขา
ลองไปทำความรู้จัก ความหวังใหม่ ในแนวรับของลิเวอร์พูล ที่จะมาทดแทนซามี่ ฮูเปีย และอาจรวมถึงเจมี่ คาร์ราเกอร์ในอนาคตไม่ไกลนี้ดูครับ :)
มาร์ติน สเคอร์เทล : ผู้จัดการเชื่อมั่นในตัวผม ผมจะพยายามเช่นกัน
* สวัสดีมาร์ติน ดีใจหรือเปล่าน่ะที่ได้มาอยู่กับลิเวอร์พูล?
MS: มากๆเลย (เขาตอบแค่นี้จริงๆนะครับคุณผู้อ่าน!)
* คุณรู้จักลิเวอร์พูลมากน้อยแค่ไหน?
MS: ถึงผมจะไม่ได้เป็นแฟนประจำของลิเวอร์พูล แต่ผมก็ดูฟุตบอลมาเยอะ และแน่นอนว่าทุกคนในโลกล้วนรู้จักลิเวอร์พูล
* ได้ยินว่ามีสโมสรอื่นที่สนใจจะเซ็นสัญญาคุณด้วยนอกจากลิเวอร์พูล?
RB: (คำถามนี้ราฟาขอตอบแทน) ผมคิดว่าผมตอบคำถามนี้ได้ดีกว่าเขา ตอนที่เราเริ่มคุยกับทางเซนิตเขาก็ตื่นเต้นมาก และลิเวอร์พูลก็เป็นตัวเลือกแรกของเขา มีสโมสรในอังกฤษ 2-3 ทีมที่ขอเจรจาด้วย แต่เขาเลือกเรา เขาเองก็ดีใจมาก
* (กลับไปถามมาร์ตินอีกรอบ) คิดถึงเรื่องของการแย่งชิงตำแหน่งในทีมไว้บ้างหรือเปล่า?
MS: การแข่งขันในทีมระดับสูงอย่างลิเวอร์พูลมันรุนแรงอยู่แล้ว แต่ผู้จัดการทีมก็ให้ความเชื่อมั่นกับผมและผมก็จะพยายามทำให้ดีที่สุด
* คุณกลายเป็นกองหลังที่แพงที่สุดในประวัติศาสตร์ของลิเวอร์พูล รู้สึกยังไงบ้างกับเรื่องนี้?
MS: ผมเป็นแค่นักเตะคนหนึ่ง ผมไม่อยากไปสนใจว่าใครจะจ่ายเงินเท่าไหร่ เรื่องพวกนี้มันเป็นเรื่องของผู้จัดการทีมและบอร์ดบริหาร
* คุณคิดว่าจะต้องใช้เวลาปรับตัวกับเกมเร็วในอังกฤษหรือเปล่า?
MS: ตอบตรงๆว่าใช่ แต่ผมก็จะพยายาม ในรัสเซียผมไม่ได้ลงซ้อมเลยเพราะมันเป็นช่วงเบรกหนีหนาว ผมก็น่าจะกลับมาฟิตสมบูรณ์ได้ในอีก 10 วันข้างหน้า
* นี่คือความทะเยอทะยานของคุณหรือเปล่าที่อยากจะเล่นในพรีเมียร์ลีก?
MS: ใช่ เพราะมันเป็นเรื่องยากเสมอสำหรับนักเตะจากสโลวะเกีย การเล่นยังต่างแดนในรัสเซียมา 3 ปีครึ่งถือเป็นการเตรียมพร้อมที่ดีมาก แต่ก็นั่นแหละนักฟุตบอลทุกคนฝันจะมาเล่นในลีกนี้ทั้งนั้น
ราฟา เบนิเตซ : เขาเหมือนคาร์ราเกอร์มากกว่าใคร
* ราฟา คุณตามเจ้าหนูคนนี้มานานเท่าไหร่แล้ว?
RB: เรามีข้อมูลของเขามาตั้งแต่อายุ 18 เกมสุดท้ายของเขาคือการเจอกับเอฟเวอร์ตัน และเราก็รู้ว่าเขาน่าจะเป็นการเซ็นสัญญาที่ดีสำหรับเรา
* เขาเป็นผู้เล่นแบบไหน?
RB: มาร์ติน มีความเร็ว เขาเก่งในลูกกลางอากาศและเขาก็ดุดันมาก ผมอยากจะบอกว่าเขาเหมือนกับคาร์ร่ามากกว่าแอกเกอร์ เขาเล่นได้ทุกตำแหน่งไม่ว่าจะเป็นเซนเตอร์ฮาล์ฟ แบ็กขวาหรือซ้าย ซึ่งมันก็ยิ่งเหมือนคาร์ร่าอีก
* ทำไมคุณถึงตัดสินใจจะเซ็นสัญญากับเขา?
RB: เราต้องการเซนเตอร์ฮาล์ฟ และเราก็พยายามที่จะหานักเตะที่เหมาะสมที่สุด ราคาในตลาดช่วงนี้มันสูงมากและเมื่อเราต้องตัดสินใจว่าเราต้องการนักเตะแบบไหน เราก็มีแต่ต้องคว้ามาให้ได้เท่านั้น
* เมื่อไหร่เขาถึงจะพร้อมลงเล่น?
RB: ปัญหาในตอนนี้ก็คือเขาไม่ได้ลงซ้อมมาเป็นเวลา 10-15 วัน แต่เขาก็แข็งแกร่งและมีพรสวรรค์มาก เขาคงจะพร้อมในเร็วๆนี้ แต่มันก็ขึ้นอยู่กับการทดสอบของเราก่อน และตอนนี้แอกเกอร์ก็กลับมาแล้วด้วย เรื่องของความเร็วและวัยนั้นไม่ใช่เรื่องสำคัญที่สุด ทุกคนต่างก็ต้องการใช้เวลาปรับตัวในอังกฤษทั้งนั้น และเราก็ไม่อยากจะเพิ่มความกดดันให้เขา
* แต่เขาเป็นกองหลังที่แพงที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสร มันไม่ทำให้เขากดดันหรือ?
RB: ก็ไม่เชิง ตลาดนักเตะมันบ้าไปแล้วในทุกวันนี้ ดังนั้นประเด็นจึงอยู่ที่การเซ็นสัญญากับนักเตะที่ต้องการในราคาที่ยอมรับได้ ตอนที่เราเซ็นแอกเกอร์ทุกคนยังแทบไม่ได้เห็นเขาใน 6 เดือนแรกเพราะเจ็บ แต่ตอนนี้ทุกคนรู้ว่าเขาเก่งแค่ไหน ดังนั้นมาร์ตินเองก็ต้องการเวลาและเขาจะเติบโตขึ้นเป็นกำลังสำคัญของทีมนี้ ทุกคนมีความสุขที่ในที่สุดเราก็ได้นักเตะที่ต้องการมา
10 เรื่องที่คุณต้องรู้เกี่ยวกับมาร์ติน สเคอร์เทล
1. สเคอร์เทล เป็นนักฮอกกี้ตัวยงและน่าจะเลือกเล่นทางสายนั้นไปแล้วแต่เขากลับหลงไหลในเกมฟุตบอลมากกว่าและมันก็โชคดีสำหรับลิเวอร์พูล ที่เขาเลือกจะเล่นฟุตบอล
2. เขาเคยสัมผัสกับรสชาดของการเล่นในเมอร์ซี่ย์ไซด์ ในการนำเซนิต เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์กสยบเอฟเวอร์ตัน 1-0 เมื่อวันที่ 5 ธ.ค.2007
3. ด้วยวัยแค่ 23 ปี มาร์ติน ก็เป็นเสาหลักในทีมชาติสโลวะเกียแล้ว เขาติดทีมชาติมา 15 นัดจนถึงตอนนี้และทำประตูแรกซึ่งเป็นประตูเดียวในนามทีมชาติในเกมรอบคัดเลือกยูโร 2008 ในการเบิกร่องก่อนที่สโลวะเกียจะชนะไซปรัสในบ้าน 6-1
4. การย้ายมาอยู่กับลิเวอร์พูล ทำให้เขาตื่นเต้นมากจนถึงกับนอนไม่หลับ! เขายอมเล่าว่า ผมรู้ว่ามันเหมือนกับว่าตำนานบทใหม่ในชีวิตของผมได้เริ่มขึ้นแล้ว ผมก็เลยมีปัญหาในการนอนเมื่อคืนวันเสาร์ ซึ่งปกติแล้วผมเป็นพวกกินง่ายนอนง่ายไม่มีปัญหา!
5. กองหลังส่วนสูง 6 ฟุต 4 นิ้ว คว้ารางวัลรองนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของสหพันธ์ฟุตบอลสโลวัก และหนังสือพิมพ์ดังของบ้านเขาที่ชื่อ พราฟดา ในเดือน ธ.ค.2006
6. เขาเป็นตัวหลักของทีมเซนิตที่คว้าแชมป์ลีกรัสเซียในปี 2007 ซึ่งเป็นความสำเร็จสูงสุดของสโมสรนับตั้งแต่คว้าแชมป์ในครั้งยังเป็นสหภาพโซเวียตเมื่อปี 1984 (ก่อนเขาจะเกิดอีก!)
7. ถ้าลิเวอร์พูลผ่านเข้ารอบแชมเปี้ยนส์ ลีก ในครั้งต่อไป เขามีสิทธิ์จะได้เจอกับทีมเก่า (เซนิต) ในฐานะแชมป์รัสเซีย
8. เขากลายเป็นกองหลังที่แพงที่สุดของลิเวอร์พูล ด้วยค่าตัวที่เหนือกว่าครั้งดาเนี่ยล แอกเกอร์ย้ายจากบรอนด์บี้มาอยู่กับลิเวอร์พูล ในเดือน ม.ค.2006
9. มาร์ติน เกิดเมื่อ 15 ธ.ค.1984 ในวันเดียวกับโจชัว เธิร์ด มือกีตาร์หน้าตาสยองขวัญชื่อดัง
10. เขาเติบโตมากับทีมท้องถิ่นของสโลวักที่ชื่อเอฟซี เพรวิดซ่า และเล่นให้กับเอฟซี เทรนซิน ก่อนจะย้ายไปรัสเซียเพื่ออยู่กับเซนิตในปี 2004 และลงเล่นในลีกรัสเซียไป 113 นัด ยิงได้ถึง 5 ประตู
ขอบคุณ มั่กมั่ก กับ บทสัมภาษณ์ จากเวป ลิเวอร์พูลไทยแลนด์
♥♡ 진주 ♥♡