แมนฯซิตี้ 2-3 ลิเวอร์พูล
ประตู :1-0 ไอร์แลนด์ น.19,2-0 การ์ริโด้ น.42,2-1 ตอร์เรส น.55,2-2 ตอร์เรส น.73,2-3 เคาท์ น.90
ราฟาเอล เบนิเตซรู้ซึ้งถึงเกมรุกอันสุดอันตรายของแมนฯซิตี้ดีเลยเปลี่ยนแท็คติกส์ให้เฟอร์นานโด ตอร์เรสยืนหอกเดี่ยวแล้วยัดกลางแน่นปั๊กครบครันทั้งอลอนโซ่และมาสเคราโน่
ส่วนมาร์ค ฮิวจส์ยังส่งเหล่าเทพตัวรุกครบทุกตัวทั้งเอลาโน่,โรบินโญ่,โจและฌอน ไรท์ ฟิลลิปส์โดยมีกอมปานีคอยเป็นตัวตัดเกมในแดนกลาง
แค่สองนาทีตอร์เรสแทงบอลออกตรงซ้ายกรอบโทษให้ริเอร่าสับหลอกซาบาเลต้าอดีตเพื่อนที่เอสปันญอลก่อนตบจากเส้นหลังบอลย้อยไปเสาสองข้ามหัวเคาท์ที่พยายามเหยียดขาดูดลงแต่ไม่ทันบอลล้นเลยไปซะงั้น
จากนั้นนาทีที่ 4 ทีมเยือนได้เสียวอีกเมื่อลูกเปิดจากหน้ากรอบเขตโทษล้นออกไปทางกรอบโทษฝั่งซ้ายเป็นริเอร่าที่วิ่งมายิงมุมแคบเต็มๆแต่โจ ฮาร์ทยืนชิดเสาและก้มทำท่าจะรับเข้าซองแต่บอลแรงเลยออกหลังเสียเตะมุมไป
ช่วงต้นหงส์แดงเป็นฝ่ายทำเกมขึ้นมาอยู่ข้างเดียวส่วนเรือใบได้แต่ตั้งรับและไล่บอลจากทางลิเวอร์พูล
แต่นาทีที่ 10 เจ้าถิ่นน่าจะขึ้นนำก่อนเมื่อแนวรับลิเวอร์พูลพลาดปล่อยให้คนตัวเล็กอย่างโรฺบินโญ่กระโดดแย่งโหม่งกับอาร์เบลัวตรงหน้าเขตโทษชนะก่อนวอลเลย์ยิงเร็วบอลพุ่งน่ากลัวแต่ยังดีที่ตรงตัวเรน่าที่ล้มตัวรับเข้าซองทัน
จากนั้นเรือใบเริ่มตั้งเกมของตัวเองได้และเป็นฝ่ายครองบอลทำเกมรุกขึ้นมาได้บ้างแล้วแต่ตอนนี้ตัวเทพอย่างโรบินโญ่ยังไม่ได้บอลมากนักโดยจะเน้นไปทางฌอน ไรท์ ฟิลลิป์ที่ทำเอาแนวรับลิเวอร์พูลต้องเข้ามาตามประกบ 1-2 คนตลอด
แต่นาที 17 ริเอร่าที่วันนี้เล่นด้วยความมั่นใจเลื้อยหลอกริชาร์ดสตรงกรอบโทษฝั่งซ้าย 2-3 ทีก่อนตบเข้ากลางให้เคาท์แต่หอกนักวิ่งดันยิงจังหวะเผาขนไม่ดี
อีกนาทีเดียวโรบินโญ่เรียกเสียงฮือฮาเมื่อกระชาหนีสเคอร์เทลที่สไลด์พรวดตรงริมกรอบโทษฝั่งขวาก่อนจะมาเสียท่าตรงเส้นหลังถูกแข้งแซมบ้ายกบอลหนียังดี
อย่างไรก็ตามซิตี้มาขึ้นนำในนาทีถัดมาจนได้จากจังหวะที่ออเรลิโอเสียบอลให้ไอ้สั้นกระชากขึ้นมาทางขวาก่อนตบให้โจที่ทำท่าจะยิงแต่ถูกกองหลังลิเวอร์พูลสไลด์ตัดได้แต่ไอ้สั้นยังขยันวิ่งตบบอลกลับจากเส้นหลังให้โรบินโญ่แต่มาเจอรุมแย่งอีกจนนอนเล่นและเป็นอาร์เบลัวที่แงะบอลออกมาแต่โชคร้ายกลายเป็นตั้งให้ไอร์แลนด์ที่อยู่ตรงนั้นพอดีตะบันเต็มข้อแบบไม่ต้องจับบอลพุ่งทะลุคาข่ายแทบขาด เรือใบนำ 1-0 และเป็นการเสียประตูแรกในการเล่นเป็นทีมเยือนซีซั่นนี้ของหงส์แดงอีกด้วย
ตอนนี้ซิตี้เล่นง่ายแล้วเพราะไม่จำเป็นต้องรีบและเกมรุกเริ่มสำแดงเดชกันมากขึ้นเรื่อยๆแล้วส่วนลิเวอร์พูลมาเสียบอลจังหวะสุดท้ายกันเอง
เกมรุกของหงส์แดงชักน่าเป็นห่วงเพราะขึ้นทางซ้ายบอลริเอร่าเริ่มถูกตามบี้หนักส่วนทางขวาจังหวะเปิดบอลของอาร์เบลัวและเคาท์ยังแทบไม่มีเลยในขณะที่เจอร์ราร์ดหายไปจากเกมซะแล้ว
นาที 37 หลังเจาะไม่เข้าอลอนโซ่หันมายิงไกลบอลแรงน่ากลัวแต่ตรงตัวฮาร์ทที่คว้าหนึบติดมือเน้นๆ
อีก 2 นาทีริเอร่าหลอกเลื้อยซาบาเลต้าตรงปีกซ้ายและเอาชนะได้อีกครั้งก่อนเปิดบอลเลียดแรงสุดๆเลยมาเสาสองแต่เคาท์ถูกกองหลังบังเอาหว้เลยเข้าชาร์จไม่ถึง
แต่แล้วเกมของหงส์แดงเหมือนจะสิ้นท่าเมื่อก่อนหมดเวลาครึ่งแรก 3 นาทีซิตี้ได้ฟรีคิก 25 หลาเป็นการ์ริโด้ปั่นไซด์ด้วยอีซ้ายบอลโค้งยัดสามเหลี่ยมชนิดที่เรน่าบินมาปัดไม่ทัน ซิตี้ 2-0 แล้ว
ครึ่งหลังเริ่มมาไม่ถึงนาทีเคาท์หลุดเดี่ยวเข้าเขตโทษแต่เจอริชาร์ด ดันน์เหนี่ยวนิดนึงก่อนล้มลงแต่ผู้ตัดสินเมินไม่ให้จุดโทษ
ซิตี้เน้นรัดกุมไม่บุกผลีผลามทำให้หงส์แดงช่วงนี้ได้ใจและเคาท์ก็ได้โอกาสวอลเลย์ตามน้ำในเขตโทษแต่บอลแป๊กออกหลังไปเอง
เจ้าถิ่นเล่นเนือยเพราะนำสองลูกทำให้นาที 56 ลิเวอร์พูลมาตีไข่แตกจนได้เมื่อมาสเคราโน่พลิกบอลก่อนแทงออกปีกขวาให้เจอร์ราร์ดที่เบิ้ลลอดดากการ์ริโด้ให้อาร์เบลัวที่วิ่งทะลุทำทางเข้าเขตโทษก่อนตบเข้าจุดนัดพบให้ตอร์เรสทิ้งตัวสไลด์แปตัดหน้าซาบาเลต้าเผาขนเข้าไปไม่มีเหลือ ทีมเยือนไล่มาเป็น 2-1 แล้ว
รูปเกมในครึ่งหลังคนละเรื่องเลยเพราะแมนฯซิตี้เล่นไม่เอากันเลยเรียกว่าตอนนี้หงส์แดงเป็นบอลได้ใจแต่จะว่าไปแล้ววันนี้เจอร์ราร์ดเล่นแย่มากแทบไม่มีส่วนกับเกมและทำบอลเสียบ่อยมาก
นาที 64 ลิเวอร์พูลบุกอยู่ดีๆเป็นออเรลิโอซึ่งวันนี้น่าจะเล่นแย่ที่สุดในทีมไปเปิดบอลจากปีกซ้ายไปเข้าเท้าแข้งทีมเยือนเฉยเลยเจอสวนกลับเป็นฌอน ไรท์ ฟิลลิปส์กระชากหนีคาร์ราเกอร์หน้ากรอบโทษแต่จังหวะตบเข้าในให้เพื่อนสองคนชาร์จจ่อๆเป็นโจที่แหย่ขาเผาเขนข้ามคานไปอย่างไม่น่าเชื่อแถมจังหวะนี้ไลน์แมนยกธงล้ำหน้าอีกด้วย
แต่แล้วอีก 3 นาทีต่อมาทั้งสนามช็อกตาตั้งเมื่อซาบาเลต้าพุ่งเปิดปุ่มโถมมาทั้งตัวใส่อลอนโซ่ล้มทั้งยืนกรรมการชูใบแดงให้ทันทีและคุณชายนี่เรียกใบแดงจากฝ่ายตรงข้ามในฤดูกาลนี้ถึง 3 ใบโดยล่าสุดก็เป็นเคฮิลล์ของเอฟเวอร์ตัน แต่จังหวะของซาบาเลต้าต้องบอกว่าน่าเกลียดกว่าเยอะ
ราฟาไม่รอช้าเปลี่ยนทีเดียวสองตัวเอาดอสเซน่าแทนออเลริโอที่เล่นแย่สุดๆออกรวมทั้งร็อบบี้ คีนมาแทนมาสเคราโน่ในนาที 70
และแค่ 3 นาทีต่อมาลิเวอร์พูลมาตีเสมอสำเร็จจากลูกเตะมุมของเจอร์ราร์ดย้อยไซด์มากลางประตูเป็นตอร์เรสที่ทะยานโขกตัดหน้าโจ ฮาร์ทที่วิ่งเป็นลิงถือลูกท้อเข้าไม่ถึงบอลตุงตาข่าวไม่มีเหลือ เสมอแล้ว 2-2
หงส์แดงพับสนามบุกซิตี้ที่เหลือตัวน้อยกว่าแต่ยังเจาะไม่เข้าเพราะหน้ากรอบประตูมีนักเตะเสื้อสีฟ้าเต็มพรืดไปหมด
นาที 82 ลิเวอร์พูลพลาดโอกาสขึ้นนำอยางไม่น่าเชื่อเมื่อเจอร์ราร์ดแทงบอลหน้าเขตโทษสั้นให้คีนหลุดกับดักล้ำหน้าให้คีนตบบอลด้วยซ้ายมาเสาสองแต่ตอร์เรสสลัดยิงจ่อๆ 3 หลาบอลข้ามคานออกไปสุดช็อก
บอลกลายเป็นของทีมเยือนแทบจะตลอดและเหลือแค่ว่าจะยิงลูกสามตอนไหนเนื่องจากตัวรุกทั้งโรบินโญ่และเอลาโน่ถูกเปลี่ยนออกไปหมดแล้ว
แต่ท้ายเกมลิเวอร์พูลงานเข้าเมื่อสเคอร์เทลปล่อยบอลตกทำให้ต้องมาตามสไลด์อีกต่อจนขาพับลงไปนอนยาวเจ้าตัวดิ้นทุรนทุรายเล่นต่อไม่ไหวและไม่น่ารอดพักยาว
แต่แล้วช่วงทดเจ็บหลังปฐมพยาบาลสเคอร์เทลลิเวอร์พูลมาได้ประตูชัยอย่างไม่น่าเชื่อเมื่อเบายูนหลุดถึงกรอบโทษฝั่งซ้ายก่อนตบหักให้ตอร์เรสยิงด้วยอีซ้ายบอลไปแฉลบริชาร์ด ดันน์ดก่อนมาเข้าทางเคาท์ที่วิ่งมาแปเผาขนไม่มีเหลือเป็นประตูชัยให้ทีมพลิกกลับมาชนะ 3-2 เป็นสุดยอดแมทช์ที่เหลือเชื่อสุดๆ
รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม
แมนฯซิตี้ : โจ ฮาร์ท 5,พาโบล ซาบาเลต้า 5,ริชาร์ด ดันน์ 8,ไมคาห์ ริชาร์ดส 7,ฆาเบียร์ การ์ริโด้ 7,ฌอน ไรท์ ฟิลลิปส์ 7,สตีเฟ่น ไอร์แลนด์ 7,แวงซองต์ กอมปานี 6,เอลาโน่ 5(เปตรอฟ น.85),โรบินโญ่ 6(อีแวนส์ น.80),โจ 5(เฟอร์นานเดซ น.70,5)
ลิเวอร์พูล : โฆเซ่ เรน่า 6,อัลบาโร่ อาร์เบลัว 7,เจมี่ คาร์ราเกอร์ 6,มาร์ติน สเคอร์เทล 6,ฟาบิโอ ออเรลิโอ 4(ดอสเซน่า น.70,6),ฮาเวียร์ มาสเคราโน่ 6(คีน น.70,6),ชาบี้ อลอนโซ่ 6,สตีเฟ่น เจอร์ราร์ด 6,เดิร์ก เคาท์ 6,อัลเบิร์ต ริเอร่า 6(เบนายูน น.81,6),เฟอร์นานโด ตอร์เรส 8*