ลิเวอร์พูล 2-1 มิดเดิลสโบรห์
ประตู : 0-1 มิโด้ น.70,1-1 โปกาเตตซ์ (ทำเข้าประตูตัวเอง)น.86,2-1 เจอร์ราร์ด น.94
เริ่มมาแค่ 2 นาทีมิดเดิลสโบรห์ที่กำลังคะนองบุกหงส์แดงอย่างหนักเจอลูกสวนโป้งเดียวของอลอนโซ่ที่จ่ายบอลเลียดหน้าประตูตัวเองให้เคาท์ติดเครื่องจากกลางสนามก่อนป้ายให้ตอร์เรสกระชากไปหน้าประตูเลี้ยงตัดเข้าหน้ากรอบโทษแล้วแตะคืนให้เคาท์วิ่งมากดเต็มข้อแต่โจนส์พุ่งปัดทิ้งเสียเตะมุม สุดยอดการประสานงานครั้งแรกอย่างสวยงาม
อีก 3 นาทีตอร์เรสพาบอลขึ้นมาอีกครั้งและคราวนี้ยังใจกว้างเหมือนเดิมไหลให้ร็อบบี้ คีนวิ่งมายิงหน้ากรอบเขตโทษคล้ายๆเคาท์แต่หอกทีมชาติไอร์แลนด์เน้นมากไปเลยแป๊กออกไป ช็อตนี้เดอะค็อปยังปรบมือให้กำลังใจอยู่
ตอนนี้เกมเป็นของเจ้าถิ่นแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดแต่ลูกสวนกลับของเดอะโบโร่ประมาทไม่ได้เพราะตุนกาย,อัลเวส,ดาวนิ่งและอาลิอาดิแยร์ดูแล้วไม่ใช่ขี้ๆเลย
นาทีที่ 8 ลิเวอร์พูลพลาดโอกาสได้ประตูอีกครั้งจากลูกที่อลอนโซ่ปั่นไซด์เปิดจากริมเส้นให้ตอร์เรสผวาเข้ามาโหม่งแต่เจอตัวประกบทั้งดันทั้งดุนเลยเช็ดออกเสาไปนิดเดียวเท่านั้นเอง
อีก 5 นาทีต่อมาหงส์แดงเกือบพังหลังแกรี่ โอนีลเปิดบอลจากหน้าเขตโทษระยะ 25 หลาแต่ถูกโหม่งออกมาได้แต่ดันเข้าทางแอนดรูว์ เทย์เลอร์สิงห์อีซ้ายวิ่งมากดตูมเดียวบอลพุ่งติดไซด์ทำท่าจะเสียบใต้คานแต่เรน่าบินปัดปลายมือน่าเข้าสุดๆ
แต่พอเล่นไปเรื่อยๆตอนนี้เกมรุกของเจ้าถิ่นชักตันและแนวรับต้องทำเจอกับความกดดันของผู้เล่นเดอะโบโร่อย่างหนัก
หงส์แดงพยายามเร่งเกมจนเสียไปเองแต่การเข้าทำยังดูดุดันกว่าโบโร่ที่รอสวนอย่างเดียวนาที 31 เคาท์เล่นชิ่งกับตอร์เรสก่อนที่เอล นินโญ่จะแตะย้อนให้เจอร์ราร์ดวิ่งมายิงจากด้านหลังแต่บอลติดไซด์ออกหลังไปแบบไม่ค่อยได้ลุ้นมากนัก
นาที 35 ลิเวอร์พูลพลาดมหันต์เมื่อปล่อยให้ดาวนิ่งแหวกฝ่าสองกองหลังเข้าในเขตโทษยังดีที่ตอนยิงเข้าขวาเลยออกหลังไปเอง
ตอนนี้เพื่อนหงส์เห็นเจอร์ราร์ดกัปตันทีมไล่วิ่งเป็นม้าเลยคะนองตามโดยคีโน่กับเอล นินโญ่เริ่มประสานงานด้วยกันมากขึ้นเรื่อยๆแล้ว
พูดไม่ทันขาดคำนาที 39 คีนโชว์เหนือกระชากติดเครื่องหลบตัวประกบถึงหน้าเขตโทษก่อนแทงบอลไซด์ก้อยให้ตอร์เรสวิ่งมายิงในกรอบระยะ 13 หลาแต่ไปแฉลบกองหลังทีมเยือนบอลค่อยๆถากเสาหลุดออกหลังไปเอง
หมดครึ่งแรกเสมอกัน 0-0 และดูแล้วเป็นเกมที่ไม่ง่ายเลยสำหรับหงส์แดงเพราะเดอะโบโร่เป็นบอลเขี้ยวรู้จังหวะไหนควรรุกและรับแถมยังมีตัวอันตรายหลายคนอีกด้วย
ครึ่งหลังเกมสูสีชัดเจนโดยที่ลิเวอร์พูลเริ่มหาโอกาสสับไกมากขึ้นเรื่อยๆเพราะทั้งโปกาเตซ์และฮูธเล่นดีเอามากๆ
ตอนนี้การประสานงานของนักเตะเจ้าถิ่นชักไม่เป็นรูปขบวนซะแล้วและยิ่งเล่นไปเรื่อยๆเป็นเดอะโบโร่ที่ชวนทะเลาะรอเอาคืนในจังหวะสวนกลับตลอด
นาที 62 ฟ้าเกือบผ่ากลางแอนฟิลด์เมื่ออาร์เบลัวเสียท่าปล่อยให้มิโด้ตัวสำรองยึกยักอยู่ริมเส้นอยู่ตั้งนานก่อนเปิดยัดเข้าเขตโทษก่อนที่ตุนกายจะโชว์ช็อตมหัศจรรย์จิกบอลให้ม้วนข้ามตัวคาร์ราเกอร์แล้วพลิกไปยิงเผาขนแต่โดนไม่เต็มเลยเข้ามือเรน่าที่ผวาล้มตัวเซฟเอาไว้ได้อย่างไม่น่าเชื่อ
อีก 3 นาทีต่อมาตอร์เรสเกือบจะเปลี่ยนเกมอีกครั้งหลังตัดสินใจยิงไกลบอลแหวกอากาศเฉี่ยวสามเหลี่ยมไปนิดเดียวเท่านั้น
เกมนี้เจ้าบ้านอาจแพ้ได้ทุกเมื่อเพราะตอนนี้โบโร่ชักไม่ธรรมดาแล้วโดยเฉพาะการส่งมิโด้ลงมาเล่นลูกกลางอากาศทำเอาคาร์ราเกอร์และสเคอร์เทลป่วนแหลก
แต่แล้วนาทีที่ 70 ฟ้าผ่าจริงๆเมื่ออลอนโซ่พลาดทำเสียบอลเกือบตรงกลางสนามก่อนที่อาลิอาดิแยร์จะเก็บบอลได้แล้วไหลให้มิโด้ยิงไกลเต็มตีนเตี่ยบอลพุ่งเลียดเป็นจรวดเสียบมุมหมดสิทธิ์ที่เรน่าจะพุ่งถึง โบโร่พลิกนำ 1-0
อีก 2 นาทีต่อมาลูกเตะมุมของเจอร์ราร์ดเป็นสเคอร์เทลที่โขกย้อนศรบอลเด้งพื้นผ่านหน้าเสาออกไปแบบได้เสียว
ก่อนหมดเวลา 13 นาทีตอร์เรสโหม่งตั้งให้เจอร์ราร์ดยิ่งมากดดังตูมบนเส้นโทษบอลไปถูกแขนฮูธเต็มๆแต่ไมค์ ไรลี่ย์เจ้าเก่ายังทำเฉย
แต่แล้วเกมที่ทำท่าจะยางแตกแต่กลายเป็นเจมี่ คาร์ราเกอร์มาปลดล็อกตีเสมอให้ลิเวอร์พูลก่อนหมดเวลา 5 นาทีจากลูกเก็บตกหน้าเขตโทษแล้วตั้งป้อมหวดยิงไกลบอลไปแฉลบโปกาเตทซ์เปลี่ยนทางเข้าประตูตีอย่างสวยงามและเป็นประตูแรกของไอ้เอ๋อในรอบ 9 ปีอีกด้วย
ก่อนหมดเวลา 2 นาทีลิเวอร์พูลเกือบสีประตูง่ายๆเมื่อเรน่าออกมาด้านข้างเขตโทษหมายจะตัดบอลก่อนอาลิอาดิแยร์แต่อดีตแข้งปืนโหม่งได้ทำให้หลุดถึงเส้นหลังแล้วตบมาให้มิโด้แต่คาร์ราเกอร์เร็วกว่าตัดทันนิดเดียว ถ้าถึงมิโด้ไม่เหลือแน่เพราะปากประตูโล่งโคตร
เกมที่ทำท่าจะจบลงด้วยผลเสมอเพราะทดเจ็บที่เลยมาหนึ่งนาทีแล้วแต่ลูกสาดสาวของอลอนโซ่เป็นกองหลังทีมเยือนโหม่งไม่ดีมาหล่นใส่ตัวร็อบบี้ คีนเลยกลายเป็นตั้งให้เจอร์ราร์ดวิ่งมายิงเต็มข้อลูกถนัดบอลพุ่งตุงตาข่ายสุดมันส์เป็นประตูชัยให้ลิเวอร์พูลเบียดเอาชนะในบ้านทริลเลอร์แมทช์ 2-1
รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม
ลิเวอร์พูล : โฆเซ่ เรน่า,อัลบาโร่ อาร์เบลัว(เอล ซาร์ น.83),เจมี่ คาร์ราเกอร์,มาร์ติน สเคอร์เทล,อันดรีย ดอสเซน่า(ออเรลิโอ น.75),เดิร์ก เคาท์,สตีเฟ่น เจอร์ราร์ด,ชาบี้ อลอนโซ่,ยอสซี่ เบนายูน(บาเบิ้ล น.65),ร็อบบี คีน,เฟอร์นานโด ตอร์เรส
มิดเดิลสโบรห์ : รอสส์ โจนส์,เดวิด วีเทอร์,โรเบิร์ต ฮูธ,เอ็มมานูเอล โปกาเตทซ์,อันดรูว์ เทย์เลอร์,เฌเรมี่ อาลิอาดิแยร์,แกรี่ โอนีล,โมฮัมเหม็ด ชอว์กีย์,สจ๊วต ดาวนิ่ง,อัลฟองโซ่ อัลเวส,ตุนกาย ซานลี่