ทอฟฟี่สีน้ำเงิน เอฟเวอร์ตัน ที่ออกสตาร์ทได้สุดบู่รั้งอันดับ 16 เปิดรัง กูดิสัน ปาร์ค ต้อนรับคู่รักคู่แค้น หงส์แดง ลิเวอร์พูล ทีมอันดับ 4 ซึ่งชนะมา 8 นัดรวดแบบไม่เสียประตู เพื่อทำศึก ดาร์บี้แมตช์แห่งลุ่มแม่น้ำเมอร์ซี่ย์ไซด์ นัดที่ 202 ภายใต้เกม พรีเมียร์ชิพ อังกฤษ เจ้าถิ่นมาในระบบ 4-5-1 ส่งนักเตะชุดใหญ่ลงเล่นครบครัน ส่วนทีมเยือนมาแบบเต็มพิกัดโดยคู่หัวหอกเป็นหน้าที่ของ ฌิบริล ซิสเซ่ กับ ปีเตอร์ เคร้าช์
เปิดฉากมา 10 นาที ทั้งสองทีมเปิดเกมแลกกันตามธรรมเนียมของศึกดาร์บี้แมตช์ ลิเวอร์พูล ได้ลุ้นก่อนจากลูกเตะมุมทางด้านขวาไปเสาสอง ฌิบริล ซิสเซ่ ฉีกตัวประกบมาวอลเลย์ด้วยเท้าขวาบอลพุ่งวาบย้อนเฉี่ยวเสาแรกออกไปอย่างได้เสียว เอฟเวอร์ตัน ก็มีลุ้นจากการซ้ำดาบสองของ เจมส์ บีทตี้ ที่ โฮเซ่ เรน่า ปัดออกมาแต่ว่าล้ำหน้าเสียก่อน
แต่หลังจากนั้นเป็นทีมเยือน ลิเวอร์พูล ที่ทะยานออกนำเร็ว 1-0 จากการทำชิ่งจังหวะเดียว โมฮัมเหม็ด ซิสโซโก้ โหม่งหนุนขึ้นหน้าให้ ซิสเซ่ แปะคืนให้ สตีเว่น เจอร์ราร์ด พุ่งโหม่งทะลุช่องให้ ปีเตอร์ เคร้าช์ สอดขึ้นมาเอาบอลก่อนลากหนี ไนเจล มาร์ติน และยิงเข้าประตูโล่งๆ ไปอย่างเยือกเย็น
เอฟเวอร์ตัน ยังไม่เสียขวัญเปิดเกมสู้กับ ลิเวอร์พูล ต่อไป จนมาถึงนาทีที่ 18 ลูกฟรีคิกทางกราบซ้ายของ หงส์แดง มาร์ติน ชกออกมาไม่ขาดไปถึง สตีฟ ฟินแนน ทางด้านขวาที่เปิดเข้ากลางอีกครั้งคราวนี้ ทิม เคฮิลล์ โหม่งออกมาไม่ดีไปเข้าทาง เจอร์ราร์ด ที่หลอกเปิดช่องหนึ่งจังหวะและตะบันไกลบอลพุ่งแฉลบหน้า โจเซฟ โยโบ ก่อนจะซุกก้นตาข่ายขวามือของ มาร์ติน ที่แทบไม่ได้ขยับ ทีมเยือนหนีไปเป็น 2-0
หลังจากเสียประตูถึง 2 ลูกอย่างรวดเร็ว เอฟเวอร์ตัน มีลุ้นประตูจากลูกโหม่งของ เควิน คิลเบน ที่ มิเกล อาร์เตต้า เปิดจากกราบขวามาให้แต่บอลติด ฟินแนน จึงเฉี่ยวเสาออกหลังไปและจากลูกเตะมุม โจเซฟ โยโบ ได้โหม่งแต่ว่ากดไม่ลงเหินข้ามคานออกไปอย่างน่าเสียดาย ผ่านไปครึ่งชั่วโมงสกอร์เลยไม่เปลี่ยนแปลงเป็น ลิเวอร์พูล ที่นำอยู่
เกมของ ลิเวอร์พูล เนือยลงไปเนื่องจากเร่งมากในช่วงแรก นาทีที่ 37 เจมส์ บีทตี้ ส่งบอลเข้าไปตุงตาข่ายจากการเปิดมาให้ของ ทิม เคฮิลล์ แต่ว่ากรรมการไม่ให้ประตูเนื่องจากก่อนเปิดลูกออกเส้นหลังไปแล้ว แต่อีก 5 นาทีถัดมาแบ๊กซ้ายของ หงส์แดง มีช่องว่าง อาร์เตต้า เปิดมาถึงเสาสอง คิลเบน โหม่งเข้ากลางให้ ไซม่อน เดวี่ส์ พักอกกระดกกลับหลังข้าม ซามี่ ฮูเปีย ไปถึง บีทตี้ ที่เหินเช็ดบอลเสียบเสาแรกเข้าไป เอฟเวอร์ตัน ไล่ ลิเวอร์พูล มาเป็น 1-2 ก่อนจบครึ่งแรกไปด้วยสกอร์นี้
ก่อนเปิดฉากครึ่งหลังมีรายงานว่าลูกเปิดของ เคฮิลล์ ที่กรรมการไม่ให้เป็นประตูในครึ่งแรกนั้นยังไม่ข้ามเส้นออกไปทั้งใบ แต่ว่าในนาทีที่ 47 ลูกกระดกของ แฮร์รี่ คีเวลล์ ให้กับ ซิสเซ่ หลุดขึ้นมาทางกราบซ้ายก่อนกระชากจี้โยกหลบ เดวิด เวียร์ ไปได้และแปโค้งเสียบเสาสองสุดสวย ลิเวอร์พูล หนีไปเป็น 3-1 จากนั้นในนาที 57 เอฟเวอร์ตัน เปลี่ยนตัวส่ง เจมส์ แม็คฟาดเด้น ลงมาแทน เดวี่ส์ ที่เจ็บ
นาทีที่ 68 เอฟเวอร์ตัน ยิ่งเสียหายเข้าไปใหญ่เมื่อ ฟิล เนวิลล์ ไปเตะกวาด โมฮัมเหม็ด ซิสโซโก้ กรรมการ เกรแฮม โพลส์ ควักใบเหลืองที่สองเป็นใบแดงไล่อดีตนักเตะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ออกจากสนามไป เจ้าถิ่นเหลือ 10 คนในขณะที่สกอร์ตามหลังถึง 2 ลูก นาทีที่ 77 ลิเวอร์พูล เติมความสดในแดนหน้าโดยส่ง เฟร์นานโด มอริเอนเตส ลงมาแทน ปีเตอร์ เคร้าช์
เกมของ เอฟเวอร์ตัน ดูจะตันไปหลังจากเหลือผู้เล่น 10 คนส่วน ลิเวอร์พูล ดูจะรัดกุมขึ้นแนวรับสี่คนไม่ขยับขึ้นไปไหน จนมาถึงนาทีที่ 80 ทีมเยือนส่ง ยอห์น อาร์เน รีเซ่ ลงมาแทนทางด้าน คีเวลล์ อีก 2 นาทีถัดมา เอฟเวอร์ตัน ได้ลุ้นจากลูกฟรีคิกกลางสนามตักเข้ามา โยโบ โหม่งเช็ดไปเสาสองให้กับ บีทตี้ พุ่งเข้าไปยิงแค่ระยะ 6 หลาแต่ว่ารีบร้อนไปและบอลสุดขาทำให้เหินข้ามคานออกไป
นาทีที่ 85 ลิเวอร์พูล ถอด เจอร์ราร์ด ออกไปและส่ง หลุยส์ การ์เซีย ลงมาแทน ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ เอฟเวอร์ตัน เหลือ 9 คนเมื่อ อาร์เตต้า โดนใบเหลืองที่สองเป็นใบแดงต้องออกจากสนามไปเนื่องจากไปเกี่ยวขา ซาบี้ อลอนโซ่ หมดเวลาการแข่งขัน เอฟเวอร์ตัน พ่าย ลิเวอร์พูล 1-3
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
เอฟเวอร์ตัน - ไนเจล มาร์ติน, โทนี่ ฮิบเบิร์ต, ฟิล เนวิลล์, นูโน่ วาเลนเต้, เดวิด เวียร์, โจเซฟ โยโบ, มิเกล อาร์เตต้า, ทิม เคฮิลล์, ไซม่อน เดวี่ส์, เควิน คิลเบน, เจมส์ บีทตี้
ลิเวอร์พูล - โฮเซ่ เรน่า, เจมี่ คาร์ราเกอร์, สตีฟ ฟินแนน, ซามี่ ฮูเปีย, สตีเฟ่น วอร์น็อค, ซาบี้ อลอนโซ่, โมฮัมเหม็ด ซิสโซโก้, แฮร์รี่ คีเวลล์, สตีเว่น เจอร์ราร์ด, ฌิบริล ซิสเซ่, ปีเตอร์ เคร้าช์