ดูโอ้ซูเปอร์ซับ! แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1-2 ลิเวอร์พูล

ศึกอินเตอร์เนชันแนล แชมเปี้ยนส์ คัพ 2018 เป็นการลงสนามนัดที่สองของทีมจากอังกฤษด้วยกันเองอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แชมป์พรีเมียร์ลีก พบกับรองแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกอย่าง ลิเวอร์พูล หลังจากนัดแรกนั้นทั้งสองทีมแพ้แก่โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์มาเหมือนกัน

เป๊ป กวาร์ดิโอลา กุนซือเรือใบสีฟ้า นำทัพมาโดยแข้งใหม่อย่าง ริยาด มาห์เรซ รวมถึง เคลาดิโอ บราโว ผู้รักษาประตูจอมเก๋า ส่วนที่เหลือล้วนเป็นบรรดานักเตะดาวรุ่งทั้งหมด ส่วนหงส์แดงใช้ ดาเนียล สเตอร์ริดจ์ ทำเกมรุกร่วมกับ อดัม ลัลลานา และ เคอร์ติส โจนส์

ช่วง 45 นาทีแรกเป็นฝั่งของลิเวอร์พูลที่อาศัยชื่อชั้นของนักเตะที่เหนือกว่ามาก คอยทำเกมรุกเข้าใส่เรือใบสีฟ้า แต่ก็ยังไม่เฉียบคมพอที่จะพังประตูขึ้นนำได้สำเร็จ ทำให้จบครึ่งแรกทั้งสองทีมยังเสมอกันแบบไร้สกอร์ที่ 0-0

ครึ่งหลังทั้งสองทีมผลัดเปลี่ยนให้โอกาสตัวสำรองลงมาสัมผัสเกมหลายราย จนกระทั่งนาทีที่ 57 กลายเป็นซิตี้ที่สามารถพังประตูขึ้นนำได้สำเร็จ จากการประสานงานกันของสองตัวสำรองอย่าง แบร์นาร์โด้ ซิลวา ซึ่งจ่ายทะลุช่องให้ เลรอย ลากหลุดเดี่ยวไปซัดด้วยซ้ายข้างถนัดอย่างเฉียบคม ส่งให้แชมป์พรีเมียร์ลีกออกนำ 1-0

แต่แล้วถัดมาในนาทีที่ 63 ลิเวอร์พูลก็มาตามตีเสมอได้แบบทันควัน จากจังหวะที่ ราฟาเอล กามาโช เปิดบอลด้วยซ้ายทางริมกรอบเขตโทษฝั่งขวาเข้ากลางให้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ซึ่งเพิ่งจะลงมาเป็นตัวสำรองก่อนหน้านี้ไม่นานโฉบมาโหม่งจ่อๆตุงตาข่าย ทำให้สกอร์กลับมาเท่ากันอีกครั้งที่ 1-1

เกมทำท่าว่าจะจบลงด้วยผลเสมอในเวลาปกติอยู่แล้ว ทว่าในช่วงทดเจ็บนาทีที่ 90+4 รองแชมป์ UCL ก็มาได้จุดโทษ โดมินิก โซลันกี้ โดน โทซิน อดาราบิโอโย กระแทกจนล้มลงไป ก่อนจะเป็นอีกหนึ่งตัวสำรองอย่าง วาดิโอ มาเน รับหน้าที่สังหารเข้าไปไม่พลาด ทำให้สุดท้ายจบเกมเป็นลิเวอร์พูลที่พลิกกลับมาเฉือนชนะไปได้หวุดหวิด 2-1