‘ริดจ์’ปักหอกหงส์ลุ้นเข้าชิงยูโรป้า ‘ซิเมโอเน่’ลั่นพาตราหมีแชมป์ UCL
"ตราหมี" แอตเลติโก มาดริด ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ ศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ได้สำเร็จ หลังบุกไปพ่าย "เสือใต้" บาเยิร์น มิวนิค 1-2 รวมผล 2 นัดเสมอกัน 2-2 แต่เป็นทัพ ตราหมี ที่ผ่านเข้ารอบด้วยกฎยิงประตูทีมเยือน
โดยเกมนี้ เสือใต้ ได้ประตูขึ้นนำไปก่อนจาก ชาบี อลอนโซ่ ก่อนที่ ตราหมี จะมาตีเสมอได้สำเร็จจาก อองตวน กรีซมันน์ ก่อนที่ในครึ่งหลังนาที 74 โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้จะมายิงประตูให้เจ้าบ้านขึ้นนำอีกครั้ง แต่ก็ไม่เพียงพอทำให้ "เสือใต้" ต้องตกรอบรองชนะเลิศเป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน ภายใต้การทำทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ทั้งหมด และจะทำให้ กุนซือชาวสเปน หมดสิทธิ์พาทีม "เสือใต้" ลุ้นแชมป์รายการนี้แล้ว เนื่องจากเตรียมจะย้ายไปคุมทีม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาลหน้า ขณะที่ ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ กุนซือ แอต.มาดริด จะพาทีมเข้าชิงเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 3 ปี ที่สนามซานซีโร่ เมืองมิลาน ประเทศอิตาลี ในที่ 28 พ.ค. นี้
ภายหลังเกม เป๊ป ได้เผยว่า "ผมทุ่มเททั้งชีวิตเพื่อทีมนี้ ผมสู้เต็มที่และทำดีที่สุดแล้ว แม้เราไม่สามารถผ่านเข้าชิงชนะเลิศยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกได้ แต่ผมก็ยังภูมิใจในทีมเราเล่นฟุตบอลตามสไตล์ที่เราต้องการในวันนี้ และสิ่งที่ขาดหายไปคือการทำอีก 1 ประตู ผมรู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้งกับนักเตะทุกคน ซึ่งก็หวังว่าในฤดูกาลหน้า อันเชล็อตติ(กุนซือคนใหม่) จะพาทีมประสบความสำเร็จในรายการนี้ได้"
ทางด้าน ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ กุนซือทัพ "ตราหมี" เผยว่า "เราต้องเจอกับคู่แข่งที่เก่งที่สุดเท่าที่ผมเคยเจอมา แต่บอกเลยว่าลูกทีมของผมเล่นกันได้ดีสุดๆ เรารับมือกับความกดดันได้ และทำประตูได้ ซึ่งนั่นเป็นเรื่องที่ทำได้ยากมากๆ สิ่งที่เราทำได้มันน่าเหลือเชื่อ ตอนนี้เราเอาชนะ 2 จาก 3 ทีมที่ดีที่สุดในยุโรปได้แล้ว (ในรอบก่อนรองชนะเลิศ แอต. มาดริด ชนะ บาร์เซโลน่า) และเหลืออีกเพียงเกมเดียวเท่านั้นและเราจะเตรียมตัวให้พร้อมที่สุดเพื่อคว้าแชมป์มาให้ได้ " กุนซือชาวอาร์เจนไตน์ กล่าว
ขณะเดียวกัน ในวันพฤหัสบดีนี้ ศึก ยูโรป้า ลีก รอบรองชนะเลิศ นัดที่ 2 จะมีลงสนามฟาดแข้ง 2 คู่ โดยไฮไลท์จะอยู่ที่ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ที่เกมแรกบุกไปพ่าย บียาร์เรอัล 0-1 จะเปิดสนาม แอนฟิลด์ ในเวลา 01.45 น. เป็นต้นไป
โดยเกมนี้ เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือ "หงส์แดง" ที่ดร็อปผู้เล่นตัวหลักเกือบค่อนทีมในเกมลีกเมื่อสุดสัปดาห์ จะได้แข้งหลักกลับมาลงสนามเกือบทั้งหมด ขาดเพียง มามาดู ซาโก้ ที่ไม่ผ่านการตรวจหาสารกระตุ้น รวมถึง ดีว็อค โอริกี้ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน และเอ็มเร่ ชาน ที่ยังมีอาการบาดเจ็บอยู่เท่านั้น โดยในแนวรุกต้องฝากความหวังเอาไว้ที่ฟิลิปเป้ คูตินโญ่, โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ และแดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์
สำหรับเกมนี้ ลิเวอร์พูล จำเป็นต้องเก็บชัยชนะให้ได้อย่างน้อย 2 ลูกเป็นอย่างน้อยเพื่อผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศให้ได้ ซึ่งแชมป์รายการนี้จะได้โควต้าไปเตะ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ในฤดูกาลหน้าด้วย