เชลซียังมึนไม่หายนับแต่พ่ายแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเมื่อเกมนี้บุกมาให้เยือนเวสต์บรอมวิชแล้วเล่นดร็อปตัวหลักอย่างออสการ์กับฆวน มาต้าไว้ข้างสนามเลยเจออัดร่วงอีก 2-1 เพิ่มสถิติไม่ชนะในลีกติดต่อกันเป็นเกมที่ 4 รั้งอยู่ที่ 3 ของตารางตามหลังจ่าฝูงชั่วคราวแมนฯซิตี้ 4 แต้ม
ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก
วันเสาร์ที่ 17 พฤศจิกายน 2555
เวสต์บรอมวิช 2 : 1 เชลซี
สนาม : เดอะ ฮอว์ธอร์นส์
ประตู : 1-0 เชน ลอง น.10, 1-1 เอด็อง อาซาร์ น.39, 2-1 ปีเตอร์ โอเดมวิงกี้ น.50
เดอะ แบ็กกี้ส์ต้องใช้บริการโบอาซ มายฮิลล์เฝ้าเสาต่อไปหลังเบน ฟอสเตอร์ยังไม่พร้อมลงทำหน้าที่ ส่วนแนวรับแกเร็ธ แม็คออลี่ย์เจ็บเอ็นหลังหัวเข่าต้องให้กาเบรียล ทามาสลงทำหน้าที่แทน ขณะที่โรเมลู ลูกาคูหมดสิทธิ์ลงดวลกับต้นสังกัดที่แท้จริง
สิงห์บลูส์ชวดใช้งานจอห์น เทอร์รี่อย่างน้อย 3 สัปดาห์หลังเจ็บหัวเข่าส่วนแอชลี่ย์ โคลยังไม่สมบูรณ์เต็มร้อยเลยส่งไรอัน เบอร์ทรานด์ลงประจำการแบ็คซ้าย ขณะที่แดนกลางเป็นโอกาสของแข้งสำรองอย่างออริโอล โรเมว, วิคเตอร์ โมเซสและดาเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ได้ลงวาดลวดลายบ้าง
ครึ่งแรก
น่าเสียดาย!เบอร์ทรานด์มีช่องซัดติดบล็อก
เล่นมาถึงนาที 7 เชลซีน่าได้ประตูขึ้นนำก่อนจากจังหวะที่โมเซสได้บอลทะลุช่องจนไปสุดเส้นหลังด้านซ้ายก่อนตบกลับเข้ากลางมาให้เบอร์ทรานด์ตะบันเต็มข้อไปติดบล็อกของริดจ์เวลล์
ลองพุ่งโหม่งพาแบ็กกี้ส์หนี 1-0
แต่อีกสามนาทีถัดมากลับเป็นเวสต์บรอมวิชที่ขึ้นนำ 1-0 เมื่อทำเกมขึ้นมาทางฝั่งซ้ายแล้วเป็นมอร์ริสันที่ได้ตั้งป้อมหยอดบอลมาที่เสาไกลให้ลองสลัดหนีการประกบของลูอิซพุ่งโหม่งเข้าตุงตาข่าย
สิงห์บลูส์ระดมยิงไกล
พอโดนนำสิงห์บลูส์เลยอยู่เฉยไม่ได้รีบโหมเกมบุกเข้าใส่เจ้าบ้านทันทีแล้วก็มีลุ้นจากการยิงระยะ 25 หลาของมิเกลในนาที 16 แต่หลุดเสาซ้าย ขณะที่นาทีถัดมาโมเซสก็ได้ส่องไกลหลุดกรอบเช่นกัน
แบ็คกี้ส์สู้ไม่เกรงศักดิ์ศรี
นาที 32 เชลซีพาบอลบุกขึ้นมาอีกครั้งก่อนที่อาซาร์ป้ายบอลมาให้สเตอร์ริดจ์ได้วอลเล่ย์ที่บริเวณหัวกระโหลกแต่ไม่ผ่านมือของมายฮิลล์ที่ยืนตำแหน่งดักรับไว้ได้ดี ขณะที่นาทีถัดมาโจนส์กระชากบอลขึ้นมาทางฝั่งขวาแล้วเปิดเข้าไปให้ลองชาร์จแต่โดนเคฮิลล์เข้ามาปะทะจนล้มแต่ไม่ได้จุดโทษ
เคฮิลล์เสียท่า-ลองพาบอลไปยิงถากเสา
นาที 36 เวสต์บรอมวิชฉวยโอกาสวางบอลไปยังพื้นที่ว่างด้านซ้ายให้ลองวิ่งตามไปเก็บแล้วเกี่ยวหนีเคฮิลล์จนได้ลากตัดเข้าในมายิงที่หน้าเขตโทษบอลพุ่งเลียดผ่านโคนเสาไกลไปนิดเดียว
อาซาร์โหม่งตีเสมอ
ท้ายครึ่งแรกนาที 39 ทีมเยือนตามตีเสมอ 1-1 เมื่ออาซาร์วางบอลข้ามฟากจากซ้ายไปให้อัซปิลิกวยต้าทางด้านขวาก่อนที่แบ็คสแปนิชบรรจงโยนคืนมาให้อาซาร์โหม่งไปแฉลบโจนส์เข้าซุกก้นตาข่าย
ครึ่งหลัง
สเตอร์ริดจ์หมุนตัวยิงเจอทุบทิ้ง
กลับมาเล่นครึ่งหลังได้สามนาทีโมเซสพาบอลทะลวงขึ้นไปจนสุดเส้นหลังฝั่งขวาก่อนเปิดย้อนกลับมาให้สเตอร์ริดจ์หมุนตัว 360 หลาแล้วยิงด้วยอีซ้ายไปโดนมายฮิลล์ทุบทิ้งออกมาได้
โดนอีกสิงห์!โอเดมวิงกี้โฉบโหม่งเสาแรก
แต่แล้วนาที 50 แบ็กกี้ส์ก็ได้ประตูขึ้นนำอีกครั้ง 2-1 เมื่อลองมีโอกาสได้ตั้งป้อมเปิดบอลจากทางกราบขวาแบบไม่มีคนรบกวนมาที่เสาแรกให้โอเดมวิงกี้โฉบโหม่งกดลงพื้นผ่านตัวเช็กเข้าไป
มายฮิลล์เซฟลูกจิ้มสเตอร์ริดจ์สุดยอด
พอรูปเกมชักตื้อแถมยังตามอีกเลยทำให้ดิ มัตเตโอนิ่งเฉยไม่ได้รีบส่งออสการ์กับมาต้าลงมากอบกู้สถานการณ์แทนโรเมวกับตอร์เรสในนาที 62 ทันทีแล้วเพียงไม่กี่นาทีหลังจากนั้นเพลย์เมคเกอร์เลือดสแปนิชก็งัดบอลเข้าเขตโทษให้สเตอร์ริดจ์สอดไปดีดติดเซฟของมายฮิลล์ที่ปัดไว้ได้ทัน
โมเซสร้องเจอขวางล้มไม่ได้จุดโทษ
นาที 66 ผู้เล่นของเชลซีพยายามร้องหาจุดโทษในจังหวะที่โมเซสพยายามใช้ความเร็วกระชากบอลเข้าในกรอบเขตโทษด้านขวาแล้วเจอกองหลังเจ้าบ้านเอาตัวขวางไว้จนล้มคว่ำแต่กรรมการไม่ว่าอะไร
สเตอร์ริดจ์หลุดไปล่อเป้ายังเจอเซฟอีก
ความพยายามของเขลซีเกือบมาประสบผลในนาที 78 เมื่อสเตอร์ริดจ์ใช้ความเร็วกระชากแหวกแนวรับเจ้าบ้านเข้าไปยังเขตโทษด้านขวาแล้วพยายามยิงทะแยงไปเสาไกลแต่โดนมายฮิลลืปัดปลายมือ
มูลุมบูยิงไกลแล้วเจ็บเปลี่ยนตัวก็ไม่ได้
นาที 82 มูลุมบูได้โอกาสลองส่องไกลหลังเห็นเช็กออกมาไกลจากเส้นประตูแต่ไม่ตรงกรอบแถมตัวเองก็ดันได้รับบาดเจ็บจากจังหวะนี้จนต้องส่งสัญญาณขอเปลี่ยนตัวแต่เพราะเปลี่ยนครบแล้วต้องทนต่อ
บุกแค่ไหนก็ไม่เข้า-สิงห์พ่าย2-1
ช่วงเวลาที่เหลือเชลซีลุยแลกแล้วมีโอกาสจากจังหวะที่มาต้าเปิดเข้าไปแล้วแนวรับเจ้าบ้านเคลียร์ไม่ดีมาเข้าทางอาซารืวอลเล่ย์ไปแฉลบแต่มายฮิลล์ไม่หลงจัดการไว้ได้แถมไม่กี่อึดใจหลังจากนั้นสเตอร์ริดจ์ได้พื้นที่ยิงโล่งๆท้างด้านซ้ายแต่ดันซัดหนีมือนายทวารมากไปเลยหลุดเสา
จบเกมเชลซีบุกปราชัยต่อเวสต์บรอมวิช 2-1 เพิ่มสถิติไม่ชนะในลีกติดต่อกันเป็นเกมที่ 4 รั้งอยู่ที่ 3 ของตารางตามหลังจ่าฝูงชั่วคราวแมนฯซิตี้ 4 แต้ม
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
เวสต์บรอมวิช : โบอาซ มายฮิลล์, บิลลี่ โจนส์, โยนัส โอลส์สัน, กาเบรียล ทามาส, เลียม ริดจ์เวลล์, ยุสซูฟ มูลุมบู, เคลาดิโอ จาค็อบ, ปีเตอร์ โอเด็มวิงกี้ , เจมส์ มอร์ริสัน (เกรแฮม ดอร์แรนส์ น.70), โซลตัน เกร่า (คริส บรันท์ น.70), เชน ลอง (รามิเรส น.82)
สำรองไม่ได้ใช้ : ลุค แดเนี่ยลส์, โกรัน โปปอฟ, สตีเว่น รีด, มาร์ค-อองตวน ฟอร์ตูเน่
เทรนเนอร์ : สตีฟ คล้าร์ก
เชลซี : ปีเตอร์ เช็ก, เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า , ดาวิด ลูอิซ, แกรี่ เคฮิลล์, ไรอัน เบอร์ทรานด์, จอห์น โอบี มิเกล (รามิเรส น.82), ออริโอล โรเมว (ออสการ์ น.62), วิคเตอร์ โมเซส, เอด็อง อาซาร์ , ดาเนี่ยล สเตอร์ริดจ์, เฟร์นานโด ตอร์เรส (ฆวน มาต้า น.63)
สำรองไม่ได้ใช้ : รอสส์ เทิร์นบูลล์, บรานิสลาฟ อิวาโนวิช, แอชลี่ย์ โคล, มาร์โก มาริน
เทรนเนอร์ : โรแบร์โต้ ดิ มัตเตโอ