โชเซ่ มูรินโญ่ หรือชื่อเต็มๆ ว่า โชเซ่ มาริโอ ดอส ซานโตส มูรินโญ่ เฟลิกซ์ เป็นชาวโปรตุเกสโดยกำเนิด เกิดที่เมืองเซตูบาล และเป็นบุตรชายหัวแก้วหัวแหวนของเฟลิกซ์ มูรินโญ่ อดีตผู้รักษาประตูทีมชาติโปรตุเกส
แม้ฝีไม้ลายมือในการคุมทีมจะหาตัวจับได้ยาก แต่สำหรับชีวิตในการเป็นนักฟุตบอลของเขาช่างแสนสั้น โดยเคยค้าแข้งอยู่กับสโมสรเล็กๆแค่ไม่กี่แห่ง ก่อนที่จะได้หันมาเป็นผู้ช่วยของพ่อเมื่อครั้งคุมทีม และระหว่างนั้นก็ได้เข้าศึกษาทางด้านวิทยาศาสตร์การกีฬา รวมถึงยังเป็นโค้ชให้ทีมโรงเรียนระดับไฮสคูลด้วย
วิชาความรู้ที่ได้ร่ำเรียนมาเหล่านี้ได้กลายเป็นฐานรากในความสำเร็จของมูรินโญ่ ที่ได้ผ่านงานกับทีมเอสเตรล่า ดา อมาโดร่า และวิคตอเรีย เด เซตูบาล ทีมในบ้านเกิด ในช่วงต้นทศวรรษที่ 90
แต่คนที่ถือเป็น ครู คนแรกจริงๆของมูรินโญ่ คือเซอร์บ็อบบี้ ร็อบสัน กุนซือขรัวเฒ่าชาวอังกฤษ ที่ได้มูรินโญ่ มาเป็นล่ามให้จนได้ฉายาจากบรมกุนซือคนหนึ่งของวงการฟุตบอลอังกฤษว่า ตราดูเตอร์ หรือ ล่าม
ช่วงเวลาที่มูรินโญ่ ได้ทำงานร่วมกับร็อบสัน ทั้งในสองสโมสรใหญ่อย่างเบนฟิก้า และปอร์โต้ ถือเป็นการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ที่ดีมาก และยังได้ติดสอยห้อยตามร็อบสัน ไปอยู่ในสโมสรยักษ์ใหญ่อย่างบาร์เซโลน่า ในปี 1996 อีกด้วย ซึ่งถือเป็นบทเรียนชีวิตที่ล้ำค่าและหาที่เปรียบไม่ได้
แต่ศิษย์อาจารย์คู่นี้ก็ต้องแยกทางกันในเวลาต่อมา เมื่อร็อบสัน ย้ายไปคุมทีมพีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่นแทน แต่มูรินโญ่ เลือกที่จะอยู่ในคาตาลันต่อไปโดยทำงานร่วมกับทางด้านหลุยส์ ฟาน ฮาล โค้ชจอมแท็คติกคนหนึ่งของวงการฟุตบอลยุโรปที่เคยพาอาแจ๊กซ์ อัมสเตอร์ดัม คว้าแชมป์ยูโรเปี้ยน คัพ มาในอดีต
ในระหว่างที่ทำงานร่วมกับฟาน ฮาล มูรินโญ่ ก็ได้ศึกษาศาสตร์ลูกหนังเพิ่มเติมโดยได้เข้าอบรมตามหลักสูตรต่างๆ และได้ลองคุมทีมบาร์เซโลน่า บีอยู่ช่วงหนึ่งด้วย
บ่มวิชามาหลายปี ในที่สุดโอกาสของเขาก็มาถึงในปี 2000 เมื่อได้รับโอกาสให้กลับเข้ามาในรังเอสตาดิโอ ดา ลุซ อีกครั้งแต่เป็นในฐานะโค้ชของทีมแทนที่ของจุ๊ปป์ ไฮยน์เกส ซึ่งมูรินโญ่ ได้ทำการแต่งตั้ง คาร์ลอส โมเซอร์ อดีตกองหลังเบนฟิก้า ที่ได้รับการยอมรับนับถืออย่างสูงมาเป็นมือขวาด้วยเพื่อลดแรงเสียดทาน
แต่ช่วงเวลาของมูรินโญ่ กับเบนฟิก้าก็แสนสั้นทั้งที่ทำผลงานได้ดีตั้งแต่เกมแรกด้วยชัยชนะ 3-0 เหนือคู่ปรับร่วมเมืองอย่างสปอร์ติ้ง ลิสบอน เพราะดันเกิดความเปลี่ยนแปลงในสโมสรครั้งใหญ่เมื่อเบนฟิก้า มีการเลือกตั้งประธานสโมสรและ เจา วาเล เอ อเซเวโด้ ประธานที่ดึงมูรินโญ่เข้ามาคุมทีมได้เสียตำแหน่งให้กับ มานูเอล วิลารินโญ่ ประธานสโมสรคนใหม่
วิลารินโญ่ นั้นมีโค้ชคนใหม่ในดวงใจอยู่แล้วคือ โทนี่ นักเตะในตำนานของเบนฟิก้า ที่แฟนๆ รักมากที่สุดคนหนึ่ง ซึ่งแม้ว่าวิลารินโญ่ จะไม่ต้องการไล่มูรินโญ่ออกในทันทีเลยก็ตาม แต่ด้วยนิสัยแข็งกร้าวของมูรินโญ่ ที่ต้องการความชัดเจนในงานของตัวเองและได้เรียกร้องขอสัญญาใหม่ตั้งแต่กลางฤดูกาล ซึ่งวิลารินโญ่ ไม่สามารถมอบสัญญาให้ได้ มูรินโญ่ จึงประกาศลาออกจากตำแหน่งทันทีทั้งทีทำงานได้แค่ 9 นัดเท่านั้น ซึ่งในภายหลังถ้ามูรินโญ่ พาทีมคว้าแชมป์ได้ก็จะต่อสัญญาให้
คนจริงอย่างมูรินโญ่ ไม่เคยง้อใคร และในฤดูกาลต่อมาในปี 2001-02 ก็ได้คุมทีมระดับกลางอย่างยูนิเอา เด เลยเรีย และสามารถพาทีมไต่อันดับมาถึงที่ 4 อย่างเหลือเชื่อ และจากนั้นก็ได้ย้ายมาคุมทีมยักษ์ใหญ่ของโปรตุเกสอย่างปอร์โต้ แทนที่ของอ๊อกตาวิโอ มาชาโด้ ที่ทำทีมได้ย่ำแย่และหมดสภาพลุ้นแชมป์ไปแล้ว
แต่มูรินโญ่ ก็สร้างปรากฎการณ์ได้อีกครั้งด้วยการนำปอร์โต้ ผงาดกลับมาคว้าอันดับ 3 ในฤดูกาลได้ด้วยผลงานที่น่าทึ่งด้วยชัยชนะ 11 เสมอ 2 และแพ้ 2 ใน 15 นัดที่ทำหน้าที่ ก่อนที่จะประกาศทันทีเมื่อจบฤดูกาลว่า จะพาทีมคว้าแชมป์ในฤดูกาลหน้า
และยอดกุนซือผู้มีนัยน์ตาเฉียบคมดุจพญาเหยี่ยวก็เริ่มต้นสร้างตำนานบทใหม่ของตัวเองขึ้นมาด้วยการสร้างปอร์โต้ ให้กลายเป็นทีมที่แข็งแกร่งที่สุดและสามารถคว้าแชมป์ได้ตามที่สัญญาไว้จริงๆ ด้วยขุนพลคู่ใจอย่างเดโก้ ,ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่ ,เปาโล แฟร์เรยร่า ,วิคเตอร์ บาย่า ,คอสตินญ่า ,ดิมิทรี อลินิเชฟ ,เอลเดอร์ ปอสติก้า และยังเรียกกัปตันทีมจอร์จ คอสต้า มายืนคุมแนวรับ รวมถึงหัวหอกทะลวงฟันอย่างเดอร์เลย ที่โดนปล่อยตัวไปกลับมาช่วยงานด้วย
นอกจากนี้ในฤดูกาลดังกล่าว (2002-03) มูรินโญ่ ก็ยังพาทีมคว้าแชมป์โปรตุกีส คัพ และยูฟ่า คัพ ได้อีกด้วยเท่ากับปอร์โต้ ได้ถึง 3 แชมป์ในฤดูกาลเดียว ซึ่งถือเป็นตำนานบทใหม่ของสโมสรและเป็นตำนานบทแรกของมูรินโญ่ เลยทีเดียว
มูรินโญ่ ซึ่งเผยว่าเคล็ดลับความสำเร็จว่าเป็นสูตรการเล่นแบบ เพรสซิ่งสูง ที่จะให้นักเตะตั้งแต่แนวรุกบีบขึ้นกดดันคู่แข่งจนตั้งเกมไม่ได้ ยังได้สร้างปรากฎการณ์ต่อมาด้วยการรักษาแชมป์ลีกโปรตุเกสได้ และนำปอร์โต้ ไปยืนอยู่บนจุดสูงสุดของยุโรปในปีดังกล่าวด้วยการคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้ทั้งที่เป็นม้านอกสายตามาโดยตลอด แถมยังเขี่ยทีมใหญ่อย่างแมนฯ ยูไนเต็ด ,เดปอร์ติโบ ลา คอรุนญ่า และเอาชนะโมนาโก ม้ามืดอีกทีมไปแบบขาดลอยถึง 3-0
อย่างไรก็ดี หลังจากพาทีมคว้าแชมป์ได้ที่สนามซานเชซ รามอน ปิซฆวน ของทีมเซบีญ่า มูรินโญ่ ไม่ได้ออกมาร่วมฉลองแชมป์กับลูกทีมแต่อย่างใดแต่ได้ตรงกลับบ้านไปหาภรรยาทันที ก่อนที่จะประกาศอำลาทีมปอร์โต้ซึ่งก็เป็นไปตามที่มีกระแสข่าวลือก่อนหน้านี้ว่าเขาจะย้ายไปคุมทีมในอังกฤษ โดยมีลิเวอร์พูล กับเชลซี เป็นสองทีมที่ติดตามตัวอยู่
แต่สุดท้ายมูรินโญ่ ก็ได้เลือกที่จะคุมทีม สิงโตน้ำเงินคราม โดยในการแถลงข่าวครั้งแรกก็ได้ประกาศความเป็นตัวเองด้วยการบอกกับนักข่าวว่าเป็น สเปเชี่ยล วัน หรือคนพิเศษที่เหนือกว่าคนทั่วไป และได้กลายเป็นคำแทนตัวของเขามานับจากนั้น
ที่เชลซี มูรินโญ่ ได้กลายเป็นผู้จัดการทีมที่ได้รับค่าจ้างแพงที่สุดในวงการ โดยมีการเปิดเผยว่ามีรายได้ถึงกว่า 300,000 ยูโรต่อสัปดาห์เลยทีเดียว แต่ผลงานของเขาก็สมควรแก่ค่าจ้างเพราะสามารถนำทีมเชลซี ที่อุดมไปด้วยนักเตะระดับซูเปอร์สตาร์พันล้านให้กลายเป็นทีมที่แข็งแกร่งที่สุดทีมหนึ่งของยุโรป และคว้าแชมป์พรีเมียร์ชิพ มาครองได้ทันทีเพียงฤดูกาลแรกที่มาเมืองผู้ดี และยังมีถ้วยใบเล็กอย่างคาร์ลิ่ง คัพ ที่เอาชนะ หงส์แดง ลิเวอร์พูล ได้ด้วย
ซึ่งแชมป์ลีกด้วยฝีมือของมูรินโญ่ ทำให้เชลซี สามารถฉลองครบรอบ 100 ปีของสโมสรได้อย่างยิ่งใหญ่ และยังเป็นแชมป์สมัยที่ 2 ในประวัติศาสตร์ของสโมสรหลังจากที่เคยได้ครั้งแรกในปี 1955 หรือเมื่อ 50 ปีก่อน
ฝีมือของมูรินโญ่ ยังยอดเยี่ยมในฤดูกาลต่อมาคราวนี้เขาพาทีมป้องกันแชมป์ลีกได้อีกครั้ง แต่ก็เริ่มเป็นเป้าให้สื่อมวลชนเล่นงานจากพฤติกรรมที่เย่อหยิ่ง จองหอง จนโดนเล่นงานหลายต่อหลายครั้งทั้งจากสื่อและสมาคมฟุตบอล หรือแม้กระทั่งยูฟ่าเองก็ตาม แต่กระนั้นก็ยังได้รับการยกย่องให้เป็นโค้ชที่เก่งที่สุดจากสหพันธ์ประวัติศาสตร์และสถิติฟุตบอล
อย่างไรก็ดีในฤดูกาลที่ 3 กับเชลซี ความแข็งกร้าวของมูรินโญ่ ก็ทำให้ตัวเองประสบปัญหาอีกครั้งโดยเฉพาะปัญหากับเจ้าของสโมสรอย่างโรมัน อบราโมวิช ที่รุนแรงถึงขั้นว่าคนจริงอย่างเขาจะยอมเดินออกจากทีมหลังจบฤดูกาลนี้แม้ว่าจะมีสัญญาจนกระทั่งถึงปี 2010 ก็ตาม
แต่กระนั้นเขาก็พาทีมคว้าแชมป์คาร์ลิ่ง คัพ สมัยที่ 2 ของตัวเองได้ในเดือน ก.พ. ที่ผ่านมาด้วยการเอาชนะคู่ปรับอย่างอาร์เซนอลได้สำเร็จ และยังมีลุ้นในทุกรายการทั้งพรีเมียร์ชิพ ,เอฟเอ คัพ และยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ซึ่งมูรินโญ่ ก็หวังที่จะพาทีมคว้าแชมป์ให้ได้ทุกรายการ ตามปรัชญาการทำงานที่ ชัยชนะคือทุกสิ่ง
และไม่ว่าในฤดูกาลหน้า โชเซ่ มูรินโญ่ จะอยู่ที่ใด ชัยชนะก็จะเป็นสิ่งที่อยู่เคียงข้าง สเปเชี่ยล วัน คนนี้ตลอดไป
ข้อมูลส่วนตัว |
ชื่อ |
: |
โชเซ่ มาริโอ ดอส ซานโตส มูรินโญ่ เฟลิกซ์ |
วันเกิด |
: |
26 มกราคม 1963 |
ฉายา |
: |
The Special One |
ตำแหน่ง |
: |
ผู้จัดการทีม |
สโมสรปัจจุบัน |
: |
เชลซี |
|
|
|
ทีมที่เคยคุม |
|
2000 - 2001 |
: |
เบนฟิก้า |
2001 - 2002 |
: |
เลยเรีย |
2002 - 2004 |
: |
ปอร์โต้ |
2004 - 2007 |
: |
เชลซี |
|
กับปอร์โต้ |
- |
แชมป์ลีก โปรตุเกส |
: |
2002-03, 2003-04 |
- |
ซูเปอร์คัพ โปรตุเกส |
: |
2003 |
- |
โปรตุกีส คัพ |
: |
2002-03 |
- |
ยูฟ่า คัพ |
: |
2002-03 |
- |
ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก |
: |
2003-04 |
|
|
|
|
กับเชลซี |
- |
พรีเมียร์ลีก |
: |
2004-05, 2005-06 |
- |
ลีก คัพ |
: |
2004-05, 2006-07 |
- |
คอมมิวนิตี้ ชิลด์ |
: |
2005 |
|