นับตั้งแต่มุดออกมาจากท้องมารดาจวบจนปัจจุบัน นิโกล่าส์ อเนลก้ามีอายุอานาม 31 ขวบแล้ว
ด้วยวัยระดับนี้ต้องถือว่ากองหน้าทีมชาติฝรั่งเศสไม่ใช่หนุ่มน้อยอีกต่อไป และผ่านโลกมาในระดับพอตัว
โดยเฉพาะโลกลูกหนังซึ่งก่อนจะมาปักหลักไล่ล่าความสำเร็จกับเชลซี ต้องบอกว่านิโก้ร่อนเร่พเนจรค่ำไหนนอนนั่นมามากไม่ใช่เล่น
เริ่มตั้งแต่สโมสรปารีส แซ็งต์ แชร์กแม็งในเมืองน้ำหอมแล้วถูกอาร์แซน เวนเกอร์นำมาชุบเลี้ยงจนเก่งกล้าสามารถกับทีม ปืนใหญ่ อาร์เซน่อล
จากนั้นพอมั่นใจว่าตัวเองปีกกล้าขาแข็งพอ อเนลก้าก็ผละไปจากอ้อมอกของเจ้านายชาติเดียวกันเพื่อหันไปสร้างชื่อกับเรอัล มาดริด
แต่อนิจจา เขาน่าจะยังอ่อนเยาว์เกินไปจึงล้มเหลวกับมหาอำนาจแห่งลา ลีกาโดยสิ้นเชิงกระทั่งต้องโยกย้ายกลับมาค้าเกือกกับเปแอสเชเป็นคำรบสอง
ตามด้วยการถูกลิเวอร์พูลยืมไปใช้งาน แต่ไม่ประสบความสำเร็จจึงย้ายไปร่วมทีมแมนฯ ซิตี้, เฟเนบาห์เช่ และโบลตันแล้วจึงมาร่วมหอลงโลงกับสิงห์บลูส์
รวมแล้วต้องถือว่าชีวิตของเนลก้าโชกเลือด เอ้ย!โชกโชนไม่ใช่เล่น
อย่างไรก็ดี ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าและอย่าลบหลู่ว่าอเนลก้าไม่เคยเล่นฟุตบอลโลกมาก่อนแม้แต่ครั้งเดียว
ย้ำ! ฟุตบอลโลกปี 2010 ที่แอฟริกาใต้คือฟุตบอลโลกครั้งแรกในชีวิตของดาวยิงชาวเฟร้นช์แมน
เท่าที่ผ่านมา อเนลก้าได้รับใช้ชาติแต่ในเฉพาะทัวร์นาเมนต์ชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปเท่านั้น
แต่กับเวิลด์คัพ สตาร์ผิวสีแคล้วคลาดมาโดยตลอด
เริ่มตั้งแต่ปี 1998 ที่บ้านเกิดของตัวเองซึ่งเอ็มเม่ ฌักเกต์เจ้านายใหญ่ในยุคนั้นมองว่าไอ้หนูนิโก้ยังละอ่อนเกินไปจึงไม่เรียกตัวมาร่วมวงศ์ไพบูลย์
ถัดมาอีกสี่ปี อเนลก้าก็ถูกซิดเนย์ โกวูปาดหน้า และครั้นโกวูเดี้ยงก่อนทัวร์นาเมนต์กุนซือฌักต์ ซ็องตินี่จึงได้เรียกอเนลก้ามาเสียบแทน
อย่างไรก็ดี ด้วยการยึดถือคติของลูกผู้ชายที่ว่า ฆ่าได้ หยามไม่ได้ อเนลก้าจึงยืนยันว่าซ็องตินี่จะต้องมาคุกเข่าอ้อนวอนต่อหน้าเขา
เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วคิดหรือว่าอเนลก้าจะได้บินไปกินปลาดิบแกล้มกิมจิที่แดนซากุระและอารีดัง
เท่านั้นไม่พอ สี่ปีก่อนที่เยอรมัน อเนลก้าก็ชวดได้โอกาสร่วมทีมชาติฝรั่งเศสไปซดเบียร์แกล้มไส้กรอก และขาหมูทอดกรอบเช่นกัน
ซึ่งก็เป็น น้าเน็ค เรย์มงต์ โดเมเน็คนายใหญ่คนเดียวกับในปัจจุบันนี่แหละที่ไม่ใส่ชื่ออเนลก้าร่วมทีมโดยเลือกฌิบริล ซิสเซ่ติดธงไปแทน
ซึ่งก็ให้บังเอิญอีกเช่นกันที่ซิสเซ่ดันขาหักก่อนเริ่มทัวร์นาเมนต์แล้วโกวู (อีกแล้ว) ได้รับหมายเรียกไปแทน
ฉะนั้นแล้วฟุตบอลโลกคราวนี้จึงเป็นเวทีเปิดบริสุทธิ์ของอเนลก้าหากว่าเขาจะไม่ดวงจู๋เกิดเดี้ยงขึ้นมากลางคันจนต้องถอนตัวไปซะก่อน
อย่างไรก็ดี มีบุคคลสำคัญอยู่หนึ่งรายที่อเนลก้าสมควรต้องขอบคุณเป็นอย่างยิ่งต่อฝันที่เป็นจริงหนนี้
หากไม่มี แฮนด์ ออฟ ห้อย ของเธียร์รี่ อองรีในเกมเพลย์ออฟกับไอร์แลนด์ บางทีอเนลก้าอาจต้องรอไปอีกสี่ปีข้างหน้าก็เป็นได้!
ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่าด้วยวัย 35 ปี พระเอกของเราจะยังมีสังขารที่เอื้ออำนวยหรือเปล่า?
และทีมตราไก่จะได้ตั๋วร่วมฟาดแข้งที่เมืองกาแฟกับเขาหรือไม่... |