สิงห์บลูเฉือนชนะชาร์ลตันรองบ๊วย 1-0

ชาร์ลตัน ทีมรองบ๊วยที่กำลังดิ้นหนีตกชั้นแบบกระหืดกระหอบ นัดนี้เจอศึกหนักอีกต้องเปิดรัง เดอะวัลลี่ย์ รับมือรองจ่าฝูง เชลซี เจ้าถิ่นยังไม่มี ดาร์เรน เบนท์ ดาวยิงคนสำคัญที่ยังไม่หายเจ็บ ส่วนทีมเยือนขาด แอชลี่ย์ โคล แบ็กซ้ายที่บาดเจ็บ แต่ได้ จอห์น เทอร์รี่ กองหลังคนสำคัญคืนทัพมีชื่อเป็นตัวสำรอง

เชลซี ออกสตาร์ทได้น่ากลัวนาทีที่ 14 อังเดร เชฟเชนโก้ มีโอกาสพลิกยิงมุมแคบแต่ว่า สกอตต์ คาร์สัน ยืนตำแหน่งดีทุบออกไปได้ ช่วงต้นเกม เชฟเชนโก้ ค่อนข้างเด่นเป็นพิเศษอีก 4 นาทีถัดมาเขาพาบอลลุยเข้าไปนักเตะ ชาร์ลตัน สกัดออกมาเข้าทาง แลมพาร์ด ที่แต่งบอลยิงไกลด้วยเท้าขวามุดเสียบตาข่ายเข้าไปส่งทีมเยือนนำ 1-0

เวย์น บริดจ์ เติมขึ้นมาเปิดบอลจากฝั่งซ้าย เชฟเชนโก้ ขึ้นโขกแต่ว่าข้ามคานนิดเดียว ชาร์ลตัน นานๆ จะได้โอกาสพาบอลขึ้นมากดดันทีมเยือนสักครั้งนาทีที่ 23 ทาทาล เอล คาร์คูรี่ เปิดบอลจากกราบขวาล้นกลายเป็นดีเกือบมุดใต้คานแต่ว่า ปีเตอร์ เช็ก ยังไม่หลับปัดออกไปได้

ช่วงทดเวลาบาดเจ็บครึ่งแรก เชลซี มีโอกาสพังประตูหนีห่างไปอีกเมื่อ แลมพาร์ด ได้โอกาสยิงฟรีคิกระยะ 30 หลา อัดเต็มข้อบอลติดไซด์แต่ว่า คาร์สัน ทุบเอาไว้ได้ชนิดแทบหงายหลัง

ครบ 45 นาทีแรก ชาร์ลตัน สถานการณ์ไม่ดีตามหลัง เชลซี 0-1

นาทีที่ 68 ชาร์ลตัน มีโอกาสตีเสมอ
เมื่อ มาร์คัส เบนท์ พลิกบอลก่อนจ่ายให้กับ ออมดี้ ฟาย เติมขึ้นมาแตะบอลหลุดแผงกองหลัง เชลซี ไปแล้วแต่ว่ายิงโด่ง เช็ก เลยใช้ปลายมือเซฟเอาไว้ได้

โอกาสของเจ้าถิ่นเริ่มมีมากขึ้นนาทีที่ 73 ฟาย หลุดเข้าเขตโทษด้านขวาแต่ว่าก็ยิงไปตรงตัว เช็ก อีก

เกมของ เชลซี อืดลงไปในครึ่งหลังนาทีที่ 74 จึงเปลี่ยนตัวส่ง ซาโลมอน คาลู และ ฌอน ไรท์-ฟิลลิปส์ ลงมาแทน เชฟเชนโก้ และ จอห์น โอบิ มิเกล ไรท์น้อย

ลงมาก็จี๊ดพอตัวนาทีที่ 86 ยิงเรียดระยะไกลแต่ว่า คาร์สัน ปัดออกหลังไปได้

ท้ายเกม เชลซี ส่ง จอห์น เทอร์รี่ เซนเตอร์ฮาล์ฟกัปตันทีมที่เจ็บไปตั้งแต่ปีที่แล้วลงสนามมาแทน โคล้ด มาเกเลเล่ แต่จากนั้นไม่มีสกอร์เพิ่มครบ 90 นาที ชาร์ลตัน แพ้ เชลซี 0-1 เชลซี ตามหลังจ่าฝูง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 3 คะแนนแต่แข่งมากกว่า 1 นัด

ชาร์ลตัน แอธเลติก - สกอตต์ คาร์สัน, ทาทาล เอล คาร์คูรี่, เฮอร์มันน์ ไฮร์ดาร์สสัน, โอเซ่ ซันโคฟา, เบน แธตเชอร์, ออมดี้ ฟาย, แมตต์ ฮอลแลนด์, ไบรอัน ฮิวจ์ส, มาร์คัส เบนท์, เดนนิส ลอมเมดาห์ล, เฌโรม โทมัส

เชลซี - ปีเตอร์ เช็ก, เวย์น บริดจ์, ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่, มิเชล บัลลัค, ลาสซาน่า ดิยาร์ร่า, มิเชล เอสเซียง, แฟรงค์ แลมพาร์ด, โคล้ด มาเกเลเล่, จอห์น โอบิ มิเกล, ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา, อังเดร เชฟเชนโก้