วีคอมบ์ไล่เจ๊าสิงห์บลูส์ 1-1

ได้รับข่าวดีในการจัดทัพ เมื่อ ไมค์ วิลเลียมสัน กองหลังตัวหลักพ้นโทษแบนและ วิลล์ แอนต์วี คู่หูเซนเตอร์ฮาล์ฟ หายจากอาการบาดเจ็บโคนขาหนีบ รวมทั้ง สเตฟาน โอ๊คส์ มิดฟิลด์จอมเก๋าที่หายป่วยทันลงเล่นเป็นตัวจริง

ทีมดังจากพรีเมียร์ชิป ที่ตกเป็นข่าวลือมาในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา ไม่มี ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่ ปราการหลังชาวโปรตุเกส และ ดิดิเยร์ ดร็อกบา กองหน้าชาวไอวอรี่โคสต์ที่ติดโทษแบนจากการสะสมใบเหลืองครบ 5 ใบ

ทำให้ มิชาเอล เอสเตียง ต้องผันไปเล่นในตำแหน่งเซนเตอร์ฮาล์ฟ คู่กับ เปาโล แฟร์ไรร่า

ส่วน กองหน้าเป็น จอห์น โอบี มิเกล และ ซาโลมอน คาลู

จากนั้น วีคอมบ์ เริ่มจับทางได้มากขึ้นและมีโอกาสใกล้เคียงมากที่สุดในนาที 18 เมื่อ สตีเฟ่น โอ๊คส์ เปิดจากริมเส้นขวาให้ เควิน เบตซี่ รับแล้วพักอกหนึ่งจังหวะ

แล้วซัดด้วยขวาติดศอก เฮนริเก้ ฮิลาริโอ นายทวารเชลซี และ แอชลีย์ โคล เข้ามาบล็อกได้ทัน ถัดมาอีก 1 นาที แมตต์ บลูมฟิลด์ ลองยิงระยะ 30 หลาแต่ข้ามคานออกไป

ทำให้วีคอมบ์ต้องลงมาตั้งรับ และในนาที 26 เชลซีมาได้ฟรีคิก บัลลัค ขึ้นโหม่งแต่ไม่เข้ากรอบ ถัดมาอีก 3 นาที มิเกล แย่งบอลจากกองหลังของเจ้าบ้านแล้วลองปั่นไกลระยะ 18 หลาแต่ข้ามคานออกไปมาก

ขึ้นนำในนาที 36 เมื่อ ซาโลมอน คาลู กลับตัวโยนบอลข้ามมาหน้าเขตโทษ เวย์น บริดจ์ วิ่งแซงไปรับบอลพร้อมปะทะกับ ริคาร์โด้ บาติสต้า แล้วดีดด้วยซ้ายบอลโด่งเข้าประตู

จากนั้นเกมกลับมาเป็นของเจ้าบ้านที่มีโอกาสตีเสมอในนาที 45 เจอร์แมน อีสเตอร์ ยิงกรอบโทษระยะ 20 หลา แต่ข้ามคานไปอีก ทำให้หมด 45 นาทีแรก เชลซีนำ 1-0

และในนาที 50 บลูมฟิลด์ กองกลางตัวรุกได้หลุดเดี่ยวซัดไกลระยะ 18 หลา แต่บอลหลุดกรอบซ้าย เชลซีเริ่มผ่อนลงไปเนื่องจากมีประตูได้เปรียบ มูรินโญ่

จึงจัดการเปลี่ยนตัวนักเตะ โดยถอด ชอน ไรท์-ฟิลิปส์ และส่ง เบน ซาฮาร์ ดาวรุ่งวัย 17 ปีลงสนาม

และในนาที 69 เบน ซาฮาร์ หลุดผ่านได้ยิงแต่ติดเซฟของฮิลาลิโอ อย่างไรก็ตาม เกมดำเนินมาถึงนาที 77 แฟนบอลวีคอมบ์ได้เฮลั่นสนาม

จากจังหวะที่ ทอมมี่ มูนี่ย์ เปิดจากกราบขวาของแดนตนเอง ให้ อีสเตอร์ วิ่งเบียดมากับ เอสเซียงซึ่งล้มลงเสียจังหวะ ก่อนแต่งด้วยศรีษะแล้วซัดด้วยขวาย้อนไปที่เสาสองบอลค่อยๆ ไหลเข้าประตู

แต่ไม่ผ่านแนวรับของสิงโตคำราม จากนั้นทั้งสองทีมไม่สามารถทำอะไรได้เพิ่มเติม หมดเวลา 90 นาที วีคอมบ์ ยันเสมอ เชลซี 1-1

ต้องไปเล่นนัดที่สอง ที่สนามแสตมฟอร์ด บริดจ์ ในวันที่ 23 มกราคม 2550

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: ผู้จัดการออนไลน์
Special Thanks Photo By: ภาพจากลิขสิทธิ์จากต่างประเทศ