เชลซี VS คาร์ดิฟฟ์ FA Cup รอบ 5: 13 ก.พ. เวลา 19.00 น.
รอบนี้ทีมจากพรีเมียร์ลีกหลุดเข้ามา 9 ทีมมีเตะตัดขากันเอง 2 คู่ นั่นหมายความรอบ 8 ทีมสุดท้ายจะมีทีมจากพรีเมียร์ลีกเหลือแน่ๆ 2 ทีม แล้วถ้าไม่มีเหตุการณ์พลิกลอคชอคโลกเหมือนซุปเปอร์ โบวล์ คู่ชิงชนะเลิศที่ นิวออร์ลีน เซนตส์ คว้าแชมป์อย่างพลิกความคาดหมาย เข้าใจว่าทีมจากลีกสูงสุดจะตบเท้าเข้ารอบได้ถึง 7 ทีมด้วยกัน
สำหรับเอฟเอ คัพ ปีนี้บรรดาทีมดังต่างพากันตกรอบเรียบหมดไม่ว่าจะเป็น แมนฯยูฯ แชมป์มากที่สุด, ลิเวอร์พูล,อาร์เซนอล ปล่อยให้เชลซีกลายเป็นเต็งแชมป์ โดยต้องแข่งกับทั้งสเปอร์ส, วิลล่า รวมทั้ง แมนฯซิตี้ อีกทีมหนึ่งด้วยเช่นเดียวกัน
คู่ที่น่าสนใจที่สุดในรอบนี้คือ เชลซี ปะทะ กับ คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ ทีมจากภูมิภาคเวลส์ ที่ล่าสุดเข้าชิงชนะเลิศเมื่อ 2 ปีก่อน แต่พลาดท่าแพ้พอร์ตสมัธที่เวลานั้น แฮร์รี เรดแนปป์ เป็นโค้ชใหญ่
สำหรับมนต์สเนห์ของเอฟเอ คัพคือการพลิกลอค แล้วมันก็ไม่น่าว่าอันดับคะแนนหรือศักยภาพของทีมจะช่วยอะไรได้กับการเล่นแค่ 90 นาทีเพื่อตัดสินทีมเข้ารอบ แมนฯยูไนเต็ด เคยโดน ลีดส์ ยูไนเต็ดตกรอบสามไปก่อนหน้านี้แล้ว....นั่นคือตัวอย่างที่ “สิงห์บลู” ปฏิเสธไม่ได้
ผลงานในเอฟเอ คัพ
รอบ 3 ..... เชลซี ชนะ วัตฟอร์ด 5-0, คาร์ดิฟฟ์ ชนะ บริสตอล ซิตี้ 1-0
รอบ 4.... เชลซี ชนะ เปรสตัน 2-0, คาร์ดิฟฟ์ ชนะ เลสเตอร์ ซิตี้ 4-2
สภาพทีม....
เชลซี บอบช้ำมาจากการโดนเอฟเวอร์ตันยัดเยียดความปราชัย โดยเฉพาะการเปิดแผลให้ทีมอื่นเห็นว่า จุดบอดของ สิงห์บลู กลับกลายเป็นลูกกลางอากาศ นี่หาก ปีเตอร์ เชก ไม่ช่วยเซฟลูกโทษเอาไว้ได้ เชลซีจะแพ้ทอฟฟียับเยินมากไม่ใช่น้อย
นัดนี้ตามข่าวระบุว่า คาร์โล อันเชลอตติ อนุญาตให้ จอห์น เทอร์รี ปรับความเข้าใจกับภรรยาที่บินหนีข่าวร้ายเรื่องอื้อฉาวไปดูไบ แม้หลังจากแพ้เอฟเวอร์ตันแต่ยังไม่มีกระแสข่าวเป็นอย่างอื่น นั่นหมายความว่า เทอร์รี จะไม่ได้เล่นเอฟเอ คัพ เพื่อไปทำใจและจัดการชีวิตส่วนตัวซึ่งเป็นปัญหาที่เขาก่อเอาไว้
การไม่มี เทอร์รี ทำให้แนวรับต้องปรับเอา อเลกซ์ ปราการหลังบราซิลลงเล่นกับ คาร์วัลโญ แทน เช่นเดียวกันกับ เปาโล แฟร์รารา น่าจะได้เล่นแทน แอชลีย์ โคล ด้วยเช่นกัน แม้ถนัดขวาแต่ก็ต้องปรับทีมเพื่อความพร้อมในการเล่นพรีเมียร์ลีก
โดยตำแหน่งอื่นที่ อันเชลอตติ น่าจะปรับคือแนวรุก ดาเนียล สเตอร์ริดจ์ ดาวรุ่งอาจได้ลงเล่นตัวจริงแทน ดิดีเยร์ ดรอกบา หรือ อเนลก้า คนใดคนหนึ่งที่ต้องพัก เพราะเป้าหมายสำคัญของเชลซีเวลานี้คือ พรีเมียร์ลีก ซึ่งพวกเขายังมีปัญหาในการเป็นทีมเยือน
ดังนั้นชุดผู้เล่นของเชลซีนัดนี้อาจไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ ทั้ง ซาโลมอน กาลู, โจ โคล, มิชาเอล บัลลัค ต้องลงสนามพร้อมๆ กัน โดยข้างหน้าขึ้นอยู่กับว่า อันเชลอตติ เลือกพัก ดรอกบาหรือ อเนลก้า คนหนึ่งแล้วให้โอกาส สเตอร์ริดจ์ ลงสนามแทน
คาร์ดิฟฟ์ ทีมจากเดอะ แชมเปี้ยนชิพ ล่าสุดมีผลงานในลีกอยู่อันดับ 4 ผลงานในลีกเดอะ แชมเปี้ยนชิพ ถือว่าใช้ได้ทีเดียว 6 เกมล่าสุดแพ้แค่ จ่าฝูง นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ทีมเดียว อย่างไรก็ตามผลงานนอกสนามมีส่วนทำให้พวกเขาเกือบล้มละลาย ตอนนี้โดนตรวจสอบบัญชีและมีโอกาสโดนฟ้องยุบสโมสรหากแก้ปัญหาเรื่องหนี้เสียไม่ได้
สภาพทีมของ คาร์ดิฟฟ์ นั้นมีปัญหาสองตำแหน่งคือ สตีเฟน แมคเฟล และ เจย์ โบธรอยด์ สองนักเตะตัวหลักรอทดสอบสภาพร่างกาย 50-50 ทีมคาร์ดิฟฟ์ หรือนิคเนม “นกทะเล” มีนักเตะที่ผ่านเกมระดับลีกสูงสุดมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็น ไมเคิล โชปรา ดาวยิงเชื้อสายอินเดียเคยเล่นกับนิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ขณะที่ สตีเฟน แมคเฟล คือเด็กสร้างลีดส์ ยูไนเต็ดรุ่นไล่ๆ กับ อลัน สมิธ นั่นก็รวมทั้ง เดฟ โจนส์ ผจก.ทีมที่เคยคุมเซาแฮมป์ตันสมัยอยู่ พรีเมียร์ลีก ถือว่าประสบการณ์ตรงนี้พอช่วยได้ไม่น้อย
ความน่าจะเป็นของเกม
เชลซีกลายเป็นทีมที่มีปัญหาจากการป้องกันลูกกลางอากาศ ทั้งเตะมุมและฟรีคิกที่ครอสเข้ามา ล่าสุดสถิติการเสียประตูของพวกเขาจากลูกนิ่งเพิ่มเป็น 16 จาก 22 ลูกแล้ว ขณะที่ คาร์ดิฟฟ์ เป็นรองเรื่องศักยภาพของตัวผู้เล่นและโค้ช บวกกับประสบการณ์ของนักเตะที่อาจมีผลเมื่อต้องติดสันกันในช่วงคับขัน แม้เชลซีจะไม่ใช่ชุดใหญ่เต็มตัวก็ตาม แต่ความเก๋าและกระดูกบอลยังคงมีอยู่พอสมควร
ไม่น่าพลิกลอค
แม้ว่า “สิงห์บลู” จะไม่ใช่ชุดใหญ่เต็มพิกัดแต่พวกเขาน่าจะผ่านคาร์ดิฟฟ์ ไปได้ ไม่น่ามีอะไรพลิกลอค ยิ่งเชลซีแพ้มาในพรีเมียร์ลีกด้วย ตามประสาทีมใหญ่ ที่จะไม่ปล่อยให้ทีมตัวเองหลุดแพ้สองนัดติดต่อกัน ไม่อย่างนั้นจะเป็นผลลบที่ส่งผลเสียต่อผลงานของตัวเอง อาจกลายเป็นวิกฤตการณ์รุมเร้าทีมได้ มีผลต่อถ้วยใหญ่คือ พรีเมียร์ลีก และ ชปล. ที่กำลังมาถึง
นัดนี้หืดจับก็ไม่น่ามีปัญหา เชลซีเอาตัวรอดได้ชนะและเข้ารอบ
ส่วนคู่อื่นๆ
วันที่ 13 ก.พ.
เซาแฮมป์ตัน - พอร์ตสมัธ (19.30น.) เกมนี้ถือว่าเป็นดาร์บี้ แมตช์ แถบภาคใต้ อย่างแท้จริงทั้งสองเมืองอยู่ติดกัน ต้องบอกว่าด้วยสภาพทีมทั้งสองและผลงานไม่มีอะไรแตกต่าง หากเซาแฮมป์ตัน จะชนะ ไม่ถือว่าพลิกลอคอะไร แม้ทีมนักบุญอยู่ในระดับต่ำกว่าก็ตาม นัดนี้ ออกได้สามหน้า ปัญหาเยอะทั้งสองทีม
ดาร์บี้ - เบอร์มิงแฮม (22.00น) เทียบฟอร์มแล้ว ดาร์บี้ เป็นรอง แต่ช่วงสองนัดหลัง เบอร์มิงแฮม ซิตี้ เริ่มแผ่วหลังทำสถิติไม่แพ้ต่อเนื่องนานหลายเดือน น่าสนุกและล่นยากสำหรับทีมเยือน โอกาสเตะรีเพลย์มีไม่น้อย
เรดดิ้ง - เวสต์บรอม (22.00น.) ออกสามหน้าสำหรับคู่นี้ แม้ว่าเวสต์บรอมฟอร์มเยี่ยมในลีก ไล่บี้ทำแต้มกับ นิวคาสเซิล อย่างสนุก แต่เป้าหมายหลักของพวกเขาคือเลื่อนชั้น นั่นจึงทำให้สมาธิหายไป เช่นเดียวกันกับเรดดิ้ง เป็นทีมท้ายตาราง หนีตกชั้น สมาธิก็ไม่มีเหมือนกัน ไม่รู้ทีมไหนจะทิ้งถ้วยนี้กันแน่ นั่นจึงออกได้สามหน้า
แมนฯซิตี้ - สโตค ซิตี้ (00.15 น.) โรแบร์โต มานชินี ต้องการแก้ไขผลงานให้ดี เพราะเวลานี้เขาคุมทีมแล้วแพ้มากกว่า มาร์ค ฮิวจส์ คุมมาหลายเดือนซะอีก เชื่อว่า มานชินี่ สั่งลูกทีมเน้นขยี้สโตคเพื่อลุ้นเข้ารอบให้ได้ โอกาสชนะมีค่อนข้างสูง
วันอาทิตย์ที่ 14 ก.พ.
โบลตัน - สเปอร์ส (20.30น.) หลังจากได้ โอเวน คอยล์ มาคุมทีมทำให้ โบลตันต้องปรับตัวจากบอลโยนมาเล่นบอลกับพื้น อาจยังต้องใช้เวลา นัดนี้ดูแล้วพลิกชนะสเปอร์สยากแม้เป็นเจ้าบ้าน
ฟูแลม - นอตต์ เคาน์ตี้ (22.00น.) ฟูแล่มดีขึ้น หลังจากออกทะเลไปพักหนึ่ง ช่องว่างระหว่างพวกเขากับ นอตต์ เคาน์ตี้ ห่างกันเยอะ ไม่น่าพลาดสำหรับทีมจากลอนดอน
คริสตัล พาเลซ - แอสตัน วิลล่า (22.45 น.) เจ้าถิ่นยังอยู่กลุ่มเสี่ยงต่อการตกชั้น สภาพจิตใจไม่ปกติ ขณะที่วิลล่า ยังมีอาวุธหนักพอเล่นงาน ยิ่งได้ความมั่นใจในการแบ่งแต้มผีแดงมาด้วยแล้ว ยิ่งทำให้พวกเขาน่าจะใช้โอกาสนี้จัดการผ่าน พาเลซ เข้ารอบ 8 ทีม ไม่น่ามีปัญหาสำหรับทีมของ มาร์ติน โอนีลส์ แม้กองหน้าเจ็บไปสองคนแล้ว
บทความโดย แจ็คกี้ อดิสรณ์ พึ่งยา