กลัวไม่หนุก!เชลซีไลเจ๊าค้อนนำผีแค่ 4

กลัวไม่หนุก!เชลซีไลเจ๊าค้อนนำผีแค่ 4

พรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้แต้มหกเหม็นเรี่ยราดอย่างแท้จริงล่าสุดเชลซีที่น่าจะขโยกหนีง่ายๆกลับพลาดท่าเป็นฝ่ายตามตีเสมอรองบ๊วยเวสต์แฮมจากจุดโทษของแฟร็งค์ แลมพาร์ดในครึ่งหลังทำให้นำหน้าแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดที่ชิงแพ้อนาถแค่ 4 แต้มลุ้นเสียวกันต่อไป

พรีเมียร์ลีก

วันอาทิตย์ที่ 20 ธันวาคม 2552


เวสต์แฮม 1-1 เชลซี

ประตู : 1-0 เดียมันติ น.45(จุดโทษ),1-1 แลมพาร์ด น. 61(จุดโทษ)


ครึ่งแรก

แลมพ์เกือบยังทีมเก่า
หลังเกมเริ่มต้นเนือยๆและเข้าบีบกันเร็วตามสไตล์ดาร์บี้แมทช์นาทีที่ 6 เชลซีเกือบขึ้นนำหลังบัลลัคฝากบอลตรงหน้าเขตโทษให้แลมพาร์ดพลิกบอลปล่อยให้ไหลตามจังหวะแล้วกดตะบันเต็มๆแต่กรีนกระโดดชกสองมือออกหลังหวุดหวิด

ชวนง่วง/ปาร์เกอร์เคลียร์บนเส้น
คู่นี้เล่นกันแทบหลับเพราะผ่านมา 20 นาทีเศษๆยังไม่มีจังหวะเสียวอะไรให้เห็นเลยยกเว้นลูกยิงไกลของแลมพ์ต้นเกมขนาดฟรีคิกระยะอันตรายของดร็อกบายังอัดไปชนกำแพงซะงั้น

แต่จังหวะเตะมุมอิวาโนวิขโขกเน้นๆ 7 หลาบอลผ่านมือกรีนกำลังจะเข้าอยู่แล้วแต่ปาร์เกอร์ยืนคุมบนเส้นพักอกแล้วเคลียร์ทิ้งรอดตายหวุดหวิด

เล่นไปเล่นมาเชลซีเจอบททดสอบจากลูกกลางอากาศและนาที 32 เกือบตายหลังคอลลิสันซัดไปติดเซฟเช็ก

แลมพ์ได้ซัดอีก
อีก 2 นาทีต่อมาแอชลีย์ โคลกระชากหลุดขึ้นมาตรงปีกซ้ายถึงเส้นหลังก่อนเปิดตวัดเลียดเข้าในเขตโทษย้อนมาให้แลมพ์วิ่งแล้วยิงตามน้ำด้วยอีซ้ายบอลโดนไม่เต็มปลิ้นถากเสาไกลออกไปเอง

JT ขึ้นมาช่วยเกมรุก
หลังพยายามเจาะในกรอบแต่ยังไม่สำริจผลนาที 38 จอห์น เทอร์รี่ขึ้นมาช่วยเกมรุกยิงไกลบอลเลียดพุ่งน่ากลัวแต่กรีนรับเข้าซอง ได้เสียวเอาเรื่อง

ดร็อกหลุดยิงเข้าข้าง
ก่อนหมดเวลา 2 นาทีโจ โคลโดนทำฟาว์ลหน้าเขตโทษระยะ 25 หลาแลมพ์เดินมาเล่นเร็วไหลทะลุช่องให้ดร็อกบาหลุดเข้าไปยิงมุมแคบบอลชนหน้าต่างอย่างน่าเสียดาย ส่วนเพื่อน 2 คนยกมือโวยแมลงสาบหลังวิ่งอยู่หน้าปากประตูโล่งๆแล้ว

ค้อนช็อกนำ 1-0
แต่จังหวะตัดกลับมานาที 44 เชลซีมาเสียจุดโทษง่ายๆหลังบรังโก้ไหลบอลทะลุเข้าเขตโทษให้คอลลิสันวิ่งสอดหนีเจทีแต่แอชลีย์ โคลมาเสียบจากด้านหลังฟาว์ลทันทีก่อนที่เดียมันติจะรับหน้าที่สังหารด้วยอีซ้ายเสียบมุม เช็กพุ่งไปอีกทาง

ครึ่งหลัง

แมลงสาบยิงช็อตมหัศจรรย์
เล่นมา 4 นาทีเชลซีที่มีการปรับเปลี่ยนตัวผู้เล่น 2 ตำแหน่งก็ลุยแหลกทันทีและเกือบได้ประตูตีเสมอหลังลูกวางยาวจากแดนตัวเองเป็นดร็อกบาวิ่งเป่าปากควบไปเอาตรงริมกรอบเขตโทษฝั่งขวาแล้วแกเห็นไม่มีเพื่อนตามมาและกรีนออกมาจากเส้นนิดหน่อยเลยตัดสินใจตวัดยิงแบบใบไม้ร่วงคล้ายๆลูกที่ตอร์เรสยิงแบล็คเบิร์นเพียงแต่ลูกนี้ถ่างออกไปตรงริมๆบอลข้ามมือกรีนแล้วไปตกออกหลังเกือบงามหยดแล้ว


แลมพ์ซัดโทษ 1-1
เกมนี้ไมค์ ดีนปล่อยให้เกมค่อนข้างไหลโดยพวกฟาว์ลขนมกรุบกรอบแกจะปล่อยให้เล่นตลอดแต่นาที 58 เวสต์แฮมโชคร้ายเมื่อจังหวะที่อัพสันสไลด์แหย่โดนบอลแต่ไปสะกิดสเตอร์ริดจ์หนึ่งในตัวสำรองคว่ำในเขตโทษกลายเป็นลูกฟาว์ลเสียจุดโทษท่ามกลางการรุมประท้วงและแลมพาร์ดวิ่งมากดทะลุมือกรีนตุงตาข่ายแต่ผู้ตัดสินกลับให้ยิงใหม่ 2 ทีมเพราะมีผู้เล่นเข้ามาในเขตโทษก่อนเพียบจนแลมพ์มายิงหนสามเข้าไปไม่เหลือ แต่จะว่าไปแล้วควรให้ทีมรุกได้เปรียบเพราะไม่งั้นก็วิ่งข้ามเส้นกันถึงรุ่งสางก็ไม่ได้ประตูซักที บ้านเมืองนี้ทำอะไรแปลกๆ

เช็กเซฟช่วยชีวิต
เชลซีโหมจะเอาประตูขึ้นนำครั้งแรกในเกมนี้ให้ได้แต่นาที 72 เกือบเสียท่าให้เดียมานติที่ดูดเอาบอลลงแล้วตะบันหน้ากรอบโทษบอลติดไซด์พุ่งหาเช็กที่ล้มตัวทุบสองมือรอดตายกันไป

โคลหล่อทำเซ็ง
แต่อีกนาทีเศษๆโจ โคลพลาดโอกาสทองอย่างไม่น่าเชื่อหลังอิวาโนวิชเปิดบอลเลียดจากปีกขวาเข้าในเขตโทษบอลแฉลบไปเข้าทางแข้งทีมชาติอังกฤษที่ตั้งป้อมยิงเหน่งๆระยะ 17 หลาแต่บอลโดนใต้ลูกข้ามคานออกไปเอง

เชอร์คอฟเกือบดัง
ก่อนหมดเวลา 5 นาทีแลมพาร์ดกระชากขึ้นมาถึงหน้าเขตโทษแล้วปาดบอลออกซ้ายให้เชอร์คอฟตัวสำรองวิ่งมากึ่งยิงกึ่งผ่านร้อนถึงกรีนต้องล้มตัวปัดก่อนที่กองหลังจะมาเคลียร์ทิ้งทันเวลา

เช็กโคตรพ่อเซฟ!
นาทีสุดท้ายเวสต์แฮมน่าจะได้ประตูชัยอย่างที่สุดหลังเดียมานติปั่นฟรีคิกจากปีกซ้ายลอยมาที่จุดนัดพบเป็นฟรังโก้วิ่งมาโขกเต็มๆจากระยะ 8 หลาบอลไปตรงตัวเช็กที่ล้มตัวบนเส้นรับเข้ามือสุดช็อก ไม่เข้าได้ไง!!

หมดเวลาทดเจ็บ 3 นาทีเชลซีพยายามบุกแต่เอาคืนไม่ได้เสมอกัน 1-1 ทำให้จากที่ตั้งเป้าหนีแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 6 แต้มได้แค่ 4 แต้มต้องลุ้นกันยาวๆต่อไป

รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม

เวสต์แฮม :
โรเบิร์ต กรีน 5,ชูแล็ง โฟแบร์ 6,ดาเนี่ยล แก๊บบิดอน 7(ทอมกินส์ น.19,7),แมทธิว อัพสัน 7,เฮริต้า อีลุนก้า 6,มาร์ค โนเบิ้ล 7,ราดอสลาฟ โควัค 6,สก็อตต์ ปาร์เกอร์ 8 *,แจ็ค คอลลิสัน 6,ชูเลอร์โม ฟรังโก้ 7,อเลซานโดร เดียมานติ 6

เชลซี : ปีเตอร์ เช็ก 6,บรานิสลาฟ อีวาโนวิช 7,ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่ 7,จอห์น เทอร์รี่ 7,แอชลีย์ โคล 6(เชอร์คอฟ น.75,6),มิชาเอล บัลลัค 6,แฟร็งค์ แลมพาร์ด 7,ฟลอร็องต์ มาลูด้า 5(โอบี มิเกล น.46,6),โจ โคล 6,ดิดิเยร์ ดร็อกบา 6,ซาโลมง กาลู 5(สเตอร์ริดจ์ น.46,5)





 


 


 


 


 


 


 


 


 


 


 


 


 


 


 


 


 


 


 


 


 


 


 


ขอบคุณเนื้อข่าวคุณภาพจาก lentee.com


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์