นักเตะเชลซีนี่มันเมพขิงๆ! อเนลก้า แมน ออฟ เดอะ แมตช์










สงครามแข้งครั้งสำคัญผ่านไปครึ่งทางเท่านั้น ยังเหลืออีก 90 นาทีที่สต๊าด เดอ ฟร้องซ์ ในแซงต์-เดอนีส์ ให้ ทีมชาติฝรั่งเศส ห้ำหั่นกับ สาธารณรัฐไอร์แลนด์ คืนวันพุธที่ 18 พฤศจิกายน

 


แมตช์ที่ โครก พาร์ค กรุงดับลิน ท่ามกลางแฟนบอล 74,103 คน เมื่อคืนวันเสาร์ 14 พฤศจิกายน กลายเป็นสวรรค์บนดินของพลพรรคตราไก่ ไม่ใช่ขุมนรกอย่างที่หลายคนคาดเดากันเอาไว้ว่า ไก่จะถูกย่างสดที่นี่
 

เมื่อกวาดตามองไปในสนามเต็มไปด้วยกองเชียร์ยักษ์เขียว แต่แฟนบอลไก่ก็ตามมาร้องเพลง Allez Les Bleus (อัลเล่ซ์ เลส์ เบลอส์) ดังกระหึ่มกึกก้องไปทั่วสนามเช่นเดียวกัน และพวกเขาสมหวังที่เห็นทีมรักคว้าชัยชนะ 1-0 ในฟุตบอลโลก 2010 รอบเพลย์-ออฟ นัดแรก จากจังหวะที่ ลาสซาน่า ดิยาร์ร่า ทำชิ่งให้ โยอันน์ กูร์กกุฟฟ์ เปิดบอลต่อมาเข้าทาง นิโกล่าส์ อเนลก้า ยิงไปแฉลบโดน ฌอน เซนต์ เล็ดเจอร์ เซนเตอร์ฮาล์ฟเจ้าถิ่น ก่อนบอลพุ่งชนเสาเข้าประตูนาที 71
 

ทั้งสองทีมสู้กันได้อย่างสูสีอย่างที่คาดการณ์ไว้ เนื่องจาก ไอริชแพ้ยากยามเล่นในบ้านตัวเอง ผลงานในฟุตบอลโลก 2010 รอบคัดเลือก บ่งชัดที่พวกเขาไม่แพ้ใครแม้ปะทะ อิตาลี แชมป์ฟุตบอลโลก 2006 แต่ไปหนักเสมอเยอะ
 

ไก่กระต๊ากในชุดใหม่แนบเนื้อ จากอาดิดาส เกือบได้ตั้งแต่นาที 11 ริชาร์ด ดันน์ เซนเตอร์ฮาล์ฟเล่นพลาด โดน อ็องเดร-ปิแอร์ ชีญัก หลุดเดี่ยวเข้าไปซัดตุงตาข่าย แต่น่าเสียดายผู้กำกับเส้นยกธงล้ำหน้า ส่วนไอร์แลนด์ มีโอกาสหลายครั้งเหมือนกันทั้งจากลูกยิงของ เควิน ดอยล์, เลียม ลอว์เร้นซ์, คีธ แอนดรูว์ส, ร็อบบี้ คีน และต้องให้เครดิต อูโก้ โยริส นายทวารจากโอลิมปิก ลียง เซฟได้เหนียวแน่นมากๆ
 

เกมนี้ นิโก้ อเนลก้า คว้าตำแหน่ง แมน ออฟ เดอะ แมตช์ ได้คะแนนความสามารถ 7 จาก 10 คะแนนเต็ม แม้ว่าบอลไปโดน เล็ดเจอร์ แต่ที่ฝรั่งเศสเขายกให้สตาร์เชลซีทำประตูได้ โดยนับเป็นประตูที่ 14 ของเขาในการรับใช้ชาติ 62 นัด และต้องให้เครดิต โยริส เล่นได้ดีเช่นเดียวกัน แตกต่างจากผลงานล่าสุดที่สวมชุดโอแอล เสียไปถึง 5 ประตูในเกมเปิดบ้านเสมอ โอลิมปิก มาร์กเซย 5-5 บิ๊กแมตช์ลีก เอิงที่สต๊าด เดอ แชร์กล็องด์
 

และย้อนกลับไปในแมตช์ที่ทั้งคู่พบกันล่าสุด 7 กันยายน 2005 เธียร์รี่ อองรี เป็นคนซัลโวประตูสุดสวยนำไก่บุกมาชนะ ไอร์แลนด์ 1-0 ที่ดับลิน ปูเส้นทางเข้าสู่ฟุตบอลโลก 2006 รอบสุดท้าย จนกระทั่ง ฝรั่งเศส ไปซิวตำแหน่งรองแชมป์โลก ออกมาจากประเทศเยอรมัน


 


ไปดูคะแนนความสามารถของผู้เล่นทั้งสองทีมกันก่อน
 

สาธารณรัฐไอร์แลนด์ (4-4-2) : เชย์ กิฟเว่น 5 - จอห์น โอเช 5, ฌอน เซนต์ เล็ดเจอร์ 4, ริชาร์ด ดันน์ 5, เควิน คิลบาน 4 - เลียม ลอว์เร้นซ์ 3 (สตีเฟ่น ฮันท์ น.80), คีธ แอนดรูว์ส 4, เกล็นน์ วีแลน 4, เดเมี่ยน ดัฟฟ์ 6 (ไอเดน แม็คเกียดี้ น.76) - เควิน ดอยล์ 6 (ลีออน เบสต์ น.70), ร็อบบี้ คีน (กัปตันทีม, 6)
 

ฝรั่งเศส (4-2-3-1) : อูโก้ โยริส 7 - บาการี่ ซาญ่า 5, วิลเลี่ยม กัลลาส 5, เอริก อบิดาล 5, ปาทริซ เอวร่า 4 - อาลู ดิยาร์ร่า 4, ลาสซาน่า ดิยาร์ร่า 6 - นิโกล่าส์ อเนลก้า 7, โยอันน์ กูร์กกุฟฟ์ 5, เธียร์รี่ อองรี (กัปตันทีม, 5) - อ็องเดร-ปิแอร์ ชีญัก 4 (ฟลอร็องต์ มาลูด้า น.91)


 


ยามไร้ ฟร้องค์ ริเบรี่ จอมทัพบาเยิร์น มิวนิคบาดเจ็บหัวเข่า เรย์มงด์ โดเมเน็ค เทรนเนอร์ส่ง นิโก้, กูร์กกุฟฟ์, อองรี นำเกมรุก ชีญัก หัวหอกตูลูสที่มีค่าเฉลี่ยยิง 1 ประตูใน 2 นัด ได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจจากเจ้านายเสมอ แม้ว่าเขาเพิ่งหายเจ็บน่องขวาที่เกิดขึ้นระหว่างฝึกซ้อมที่แกลร์กฟงแตน ศูนย์ฝึกซ้อมทีมชาติชานกรุงปารีส เท่ากับว่า คาริม เบนเซม่า ดาวยิงเรอัล มาดริดยังตกกระป๋องเหมือนเดิม ส่วน อาลู ดิยาร์ร่า กัปตันทีมบอร์กโดซ์ได้ลงตัวจริงเคียงข้าง ลาส ในบทบาทมิดฟิลด์ตัวรับ เนื่องจาก เฌเรมี่ ตูลาล็อง ดาราลียงบาดเจ็บโคนขาหนีบขวา
 

เกมนี้ชอบตรงสปิริตของเลส์ เบลอส์ ต่อสู้ด้วยใจที่ห้าวหาญขึ้นเยอะ ไม่เกร็งและไม่กลัวคู่แข่ง เพราะตราไก่ ไม่ชอบบอลสไตล์บ้าพลัง วิ่งตลอด 90 นาที ผลบวกตรงนี้เกิดขึ้นเพราะพวกเขาออกมากระตุ้นเตือนกันเอง ไม่ให้หวาดหวั่นบรรยากาศการเชียร์ที่ร้อนระอุในโครก พาร์ค ส่วนตัว โดเมเน็ค โดนมรสุมพายุจากการวิพากษ์วิจารณ์ของนักข่าวฝรั่งเศสเล่นงานมาตลอดหลายวันที่ผ่านมา
 

โจวานนี่ ตราปัตโตนี่ กุนซือคนดังชาวอิตาเลียนของไอร์แลนด์ สร้างทีมชุดนี้เหนียวแน่นดีในเกมรับ ตามที่เขาถนัด แต่จังหวะบุกลุ้นทำสกอร์ ยังไม่ดีเท่า และเป็นภาระอันหนักอึ้งของเขาที่จะเตรียมความพร้อมภายในทีม วางแท็กติกที่จะเล่นงาน ตราไก่ ให้ได้ในรอบเพลย์-ออฟ นัดที่ 2
 

อย่างไรก็ตาม พอสิ้นเสียงเป่านกหวีดจบเกมจาก เฟลิกซ์ ไบรช์ ผู้ตัดสินชาวเยอรมัน ทางด้าน ลาสซาน่า ทำตัวไม่น่ารักเอาซะเลยมีเรื่องเกือบฟาดปากกับ คีธ แอนดรูว์ส มิดฟิลด์ไอร์แลนด์ บริเวณวงกลมกลางสนาม ทำเอากัปตันทีมทั้งสองฝั่ง ร็อบบี้ คีน และ เธียร์รี่ อองรี รวมถึงเจ้าหน้าที่แมตช์ต้องเข้ามาแยกคู่กรณีออกจากกัน เรื่องมันเกิดขึ้นเนื่องจาก ลาส ดันหันหลังให้ แอนดรูว์ส เมื่อนักเตะไอริชพยายามขอจับมือ ตราปัตโตนี่ ฉุนกึกจนพูดไม่ออก
 

นอกจากนั้นในช่วงแถลงข่าวหลังจบแมตช์ โดเมเน็ค ขู่ที่จะวอล์คเอ๊าต์ หากนักข่าวยังถามเขาเรื่องเดิมๆ ที่มีการแฉว่า เขาทะเลาะกับ อองรี ก่อนเกม เพราะสตาร์บาร์เซโลน่าไม่พอใจที่เขาตัด ปาทริค วิเอร่า มิดฟิลด์อินเตอร์ มิลานออกจากทีมชุดนี้ โดยเขาย้ำชัดเจนว่า ตนเองไม่ได้ขัดแย้งกับ นิโก้ ตามที่เป็นข่าว ซึ่งมีการรายงานว่า ช่วงเช้าวันเสาร์ขณะเดินทางมาที่โครก พาร์ค อองรี แยกตัวไปนั่งคนเดียวบนอัฒจันทร์ ขณะที่เพื่อนคนอื่นๆ เดินสำรวจสนาม
 

โดเมเน็ค นำลูกทีมเดินทางกลับมาที่ปารีส ตอนบ่ายวันอาทิตย์ 15 พฤศจิกายน และช่วงเย็นฝึกซ้อมที่แกลร์กฟงแตนทัน ที โดยเปิดให้สื่อมวลชนเข้ามาทำข่าว จากนั้นเย็นวันอังคาร 17 พฤศจิกายน เขาและตัวแทนนักเตะ 1 คนจะแถลงข่าวร่วมกัน ต่อด้วยการฝึกซ้อมครั้งสุดท้าย ก่อนทำศึกสำคัญในวันพุธ 18 พฤศจิกายน
 

เหยี่ยวข่าวถามถึงโอกาสที่ ฝรั่งเศส จะไปลุยเวิลด์ คัพ 2010 รอบสุดท้ายที่แอฟริกาใต้กลางปีหน้า น้าเน็คตอบด้วยคำพูดที่ไม่ประมาท หรือดูถูกฝีเท้าของคู่แข่ง ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีมากๆ
 

เราได้เปรียบเพียงเล็กน้อย ผมรู้สึกว่าเรามาถึงครึ่งทางเท่านั้น มันยังไม่ถึงจุดหมาปลายทาง
 

เกม 180 นาที ตอนนี้เหลือ 90 นาที ที่เราจะต้องสู้ต่อไป ไอริชเล่นกันได้ดีมาก เพราะฉะนั้นเราจะต้องเล่นให้ดีขึ้นกว่าเกมแรก และผมรักที่จะเห็นเรายิงได้มากกว่า 1 ประตู


 
-โมนาลิซ่า-



src=http://www.siamsport.co.th/_PicOther/O091115J3M0N.jpg



src=http://www.siamsport.co.th/_PicOther/O091115A8O5T.jpg


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์