สิงห์บลูส์ คืนฟอร์มเปิดหลังบ้านไล่อัด ลิเวอร์พูล ไปด้วยสกอร์ 2:0 ในศึกพรีเมียร์ ลีก เมื่อวันอาทิตย์ที่ 4 ตุลาคมที่ผ่านมา พร้อมขึ้นเป็นจ่าฝูงอีกครั้ง
สนาม : สแตมฟอร์ด บริดจ์
ผู้ตัดสิน : มาร์ติน แอ็ตคินสัน
ครึ่งแรก
สิ้นเสียงนกหวีดเริ่มเกมการแข่งขันในครึ่งแรก ทีมเยือนมีลุ้นประตูแรกจากลูกเตะมุมในนาทีที่ 4 เจอร์ราร์ด ปั่นบอลเข้ามาที่หน้าประตู แต่ก็โดนผู้เล่นของ เชลซี เคลียร์ออกมาได้
ทีมเยือนยังคงเดินหน้าบุกต่อไป และในนาทีที่ 6 จอห์นสัน เลี้ยงบอลจากทางกราบขวา ก่อนจะเปิดเข้ามาที่หน้าประตู โชคดีที่ ฮิลาริโอ นายทวารทีมเจ้าถิ่นรีบออกมาเซฟบอลไว้
เกมผ่านไปแล้ว 15 นาที เป็น ลิเวอร์พูล ที่ยังคงได้บุกเหนือกว่า แต่ก็ยังไม่มีจังหวะหวาดเสียวในการลุ้นประตูสักเท่าใหร่ ขณะที่ เชลซี ยังคงต่อบอลเข้าทำประตูอยู่เนืองๆ
ทั้งสองทีมยังคงผลัดกันเปิดเกมรุกและตั้งรับ ยังไม่มีทีมใดเพรี่ยงพร้ำให้กันเลย และในนาทีที่ 23 เชลซี มีลุ้นประตูขึ้นนำ จากจังหวะที่ แอชลี่ย์ โคล เปิดบอลจากทางกราบซ้ายเข้ามาที่หน้าประตู ดร็อกบา ขึ้นโขก แต่น้ำหนักเบาไป เรน่า จอมหนึบทีมเยือนรับแบบสบายๆ
อีก 1 นาทีถัดมา ลิเวอร์พูล ได้โอกาสเช่นกันจากลูกแตะมุมของ เจอร์ราร์ด แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
นาทีที่ 27 เอสเซียน ลากบอลจากทางกราบซ้าย ล็อกหลบผู้เล่นของ ลิเวอร์พูล หนึ่งจังหวะก่อนที่เปิดบอลเข้ามาที่กลางประตู อเนลก้า ขึ้นโขก แต่ เรน่า ก็ไม่พลาด
นาทีที่ 29 เชลซี มาเสียลูกฟรีคิกครั้ง จากจังหวะที่ อิวาโวนิช ทำฟาวล์ ตอเรส และเป็น เจอร์ราร์ด ที่รับหน้ายิงฟรีคิก แต่ยังไม่เป็นประตู
นาทีที่ 33 เจ้าถิ่นมีลุ้นอีกครั้งจากลูกฟรีคิก เดโก้ เปิดมาเสาแรก บัลลัค เทคตัวขึ้นโขกบอลลอยข้ามคานออกไปอย่างน่าเสียดาย
นาทีที่ 38 เป็น เชลซี ที่ได้ประตูจากลูกเตะมุม แลมพาร์ด เปิดมาที่หน้าประตู โดนเคลียร์ออกมาได้ บอลเลยมาถึง เอสเซียน ซัดเต็มข้อ ติด ลูกคัส ซ้ำอีกดอก เรน่า รับได้อย่างสบาย ถัดจากนั้น ตอร์เรส ก็เกือบมาโขกประตูแรกให้กับ ลิเวอร์พูล ในนาทีที่ 40 แต่ฮิลาริโอ ก็ไม่พลาด
เข้าสู่ช่วงท้ายของครึ่งแรก ลิเวอร์พูล น่าจะได้ประตูขึ้นนำจากลูกฟรีคิก ริเอร่า ซัดเต็มข้อ บอลทะลุกำแพง บอลโค้งเกือบเข้าประตูไปแล้ว แต่ ฮิลาริโอ จอมหนึบเจ้าถิ่นก็พุ่งรับเอาไว้ได้ ลิเวอร์พูล ได้ลูกเตะมุม
ในขณะที่ เชลซี ก็เกือบมีลุ้นเช่นกัน แลมพาร์ด เปิดลูกแตะมุมเข้ามาที่หน้าประตู อิวาโนวิช ขึ้นโขกบอลติด ลูคัส ออกหลังไป หมดเวลาในครึ่งแรกทั้งสองทีมยังทำอะไรกันไม่ได้ เสมอกันไป 0:0
ครึ่งหลัง
ลงมาลุยกันต่อในครึ่งหลัง นาทีที่ 49 ทีมเยือนมีลุ้นประตูแรก จากลูกพรีคิกระยะค่อนข้างไกล เจอร์ราร์ด ซัดเต็มข้อ ฮิลาริโอ ตะโกนบอก สบม.
นาทีที่ 52 แลมพาร์ด เปิดบอลเตะมุมมาที่หน้าประตู แต่ก็เป็นผู้เล่นของ ลิเวร์พูลที่ เคลียร์บอลออกมา
และในนาทีที่ 60 กองเชียร์ สิงห์บลูส์ ได้เฮกันลั่นสนาม เมื่อมาได้ประตูแรก จากจังหวะที่ ดร็อกบา จ่ายบอลอย่างแม่นยำจากทางกราบซ้าย และเป็น อเนลก้า ที่แปบอลด้วยเท้าขวา หมดสิทธิ์ที่ เรน่า จะเซฟได้ เชลซี ออกนำไปก่อน 1:0
หลังจากที่เสียประตูแรกไป เบนิเตซ ผู้จัดการทีม ลิเวอร์พูล ปรับทัพใหม่ด้วยการส่ง ยอสซี่ เบนายูน ลงมาเล่นแทน อัลเบิร์ต ริเอร่า ในนาทีที่ 66 และอีก 4 นาทีถัดมาก็มีลุ้นประตูตีไข่แตกจากลูกเตะมุม เจอร์ราร์ด ปั่นบอลมาที่หน้าประตู แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ลิเวอร์พูล ยังคงเป็นฝ่ายไล่กดดันกองหลังของ เชลซี อย่างต่อเนื่อง แต่ก็ยังจบสกอร์ไม่ได้ ถัดจากนั้นทั้งสองทีมเริ่มปรับทัพใหม่ไล่จาก เชลซี ถอด เดโก้ ออกและส่ง ฟลอร็องต์ มาลูด้า ลงมาเล่น ส่วน ลิเวอร์พูล ถอด ลูคัส ออกและส่ง ไรอัน บาเบล ลงมาแทน
เข้าสู่ช่วง 10 นาทีสุดท้ายของเกมการแข่งขัน เป็นทีมเยือนที่เดินหน้าบุกอย่างเต็มกำลังหวังที่ขอแบ่งแต้มจาก สิงห์บลูส์ ในนัดนี้ หลังจากที่ตามอยู่ 1 ประตู และในนาทีที่ 81 ลิเวอร์พูล น่าจะมาได้ประตูจากจังหวะที่ เจอร์ราร์ด ได้บอลจากทางเพื่อนร่วมทีมทางกราบขวา ซัดเต็มข้อบอลไปติดบล็อกของ เทอร์รี่ บอลกระดอนมาถึง ตอร์เรส ซ้ำอีกครั้งออกหลังไป
เกมดูเหมือนจะจบลงด้วยสกอร์ดังกล่าว แต่แล้วในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ เจ้าถิ่นมาได้ประตูที่สอง จากจังหวะที่ แลมพาร์ด เปิดบอลมาให้กับ ดร็อกบา ทางกราบขวาเลี้ยงหลบกองหลังของ ลิเวอร์พูล ก่อนจะโยนมาให้ มาลูด้า เป็นคนทำประตู หมดเวลา 90 นาที เชลซี คว้าชัยเหนือ ลิเวอร์พูล 2:0 พร้อมรั้งตำแหน่งจ่าฝูงอีกครั้ง
รายชื่อผู้เล่นที่ลงสนาม
เชลซี : ระบบ 4-4-2
ผู้รักษาประตู : เฮนริเก้ ฮิลาริโอ
กองหลัง : บรานิสลาฟ อิวาโนวิช, ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่, จอห์น เทอร์รี่, แอชลี่ย์ โคล
กองกลาง : มิกาเอล เอสเซียง, มิชาเอล บัลลัค, แฟร้งค์ แลมพาร์ด, เดโก้ ซูซ่า
กองหน้า : นิโกล่าส์ อเนลก้า, ดีดิเย่ร์ ดร็อกบา
ผู้เล่นสำรอง : รอสส์ เทิร์นบูลล์, จูเลียโน่ เบลเล็ตติ, ฟลอร็องต์ มาลูด้า, ยูริ เซอร์คอฟ, ซาโลม็อง คาลู, โจ โคล, ดาเนี่ยล สเตอร์ริดจ์
ลิเวอร์พูล : ระบบ 4-5-1
ผู้รักษาประตู : โฆเซ่ เรน่า
กองหลัง : เกล็น จอห์นสัน, เจมี่ คาร์ราเกอร์, มาร์ติน สเคอร์เทล, เอมิเลียโน่ อินชัว
กองกลาง : ลูคัส เลว่า, ฮาเวียร์ มาสเชราโน่, เดิร์ก เค้าท์, สตีเว่น เจอร์ราร์ด, อัลเบิร์ต ริเอร่า
กองหน้า : เฟอร์นานโด ตอร์เรส
ผู้เล่นสำรอง : ดิเอโก้ คาวาเลรี่, โซติริออส คีร์เกียกอส, ฟาบิโอ ออเรลิโอ, ไรอัน บาเบล, ดาวิด เอ็นก็อก, ยอสซี่ เบนายูน, แดเนี่ยล แอ็กเกอร์