สิงห์บลูส์เจ๊าสิงห์ผงาด เพอร์ซี่ย์ เบิ้ลช่วยปืนสยบดาบ

สิงห์บลูส์ เชลซี เปิดบ้านเสมอกับ สิงห์ผงาด แอสตัน วิลล่า 1-1 ด้าน ปืนใหญ่ อาร์เซนอล อาศัยสองประตูจาก โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ย์ ช่วยให้ทีมพลิกกลับมาเอาชนะ ดาบอัศวิน ชาร์ลตัน แอธเลติก 2-1 ในศึกฟุตบอลพรีเมียร์ชิป อังกฤษ ประจำคืนวันเสาร์

ศึกฟุตบอล พรีเมียร์ชิป อังกฤษ
เชลซี 1-1 แอสตัน วิลล่า

โฮเซ่ มูรินโญ่ ไม่มีปัญหาในการจัดทัพ เชลซี แม้ว่า มิชาเอล บัลลัค มิดฟิลด์กัปตันทีมชาติเยอรมนีจะยังติดโทษแบนเป็นนัดที่ 2 จากทั้งหมดสามนัด เพราะทีมได้ อาร์เยน ร็อบเบน กลับมาลากเลื้อยตามปกติหลังสมบูรณ์เต็มที่ ในแดนหน้ายังยืนพื้นใช้ ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา ซึ่งฟอร์มกำลังร้อนแรงกับ อังเดร เชฟเชนโก้ ที่กำลังต้องการเรียกความมั่นใจกลับมา

ด้าน มาร์ติน โอนีล สามารถจัดทีมชุดใหญ่ให้ แอสตัน วิลล่า เช่นกัน โดยในแนวรับ โอลอฟ เมลเบิร์ก ยังปักหลักร่วมกับ เลียม ริดจ์เวลล์ ส่วนแดนกลาง สเตลิยัน เปตรอฟ เป็นตัวขับเคลื่อนเกม เพื่อลุ้นให้สามประสานแดนหน้า กาเบรียล อั๊กบอนลาฮอร์ , ฮวน ปาโบล อังเคล และลุค มัวร์ ลุ้นล่าตาข่าย



เริ่มเกมการแข่งขันไปแค่ 3 นาที กองเชียร์เจ้าบ้านก็ได้เฮลั่นสนามเมื่อ อาร์เยน ร็อบเบน เปิดลูกฟรีคิกให้ จอห์น เทอร์รี่ ขึ้นไปแย่งบอลกับ โธมัส โซเรนเซ่น นายทวารวิลล่า ก่อนที่บอลจะหยดมาให้ ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา จิ้มบอลจ่อๆ เข้าไปตุงตาข่ายส่ง เชลซี ขึ้นนำ 1-0 พอได้ประตูเร็ว นักเตะเจ้าบ้านยังคึกต่อ แฟร้งค์ แลมพาร์ด ลองส่องไกลบอลพุ่งเฉียดเสาออกไปนิดเดียวเท่านั้น

แต่ถึงนาทีที่ 15 ทีมเยือนได้ลุ้นบ้างจากการยิงไกลด้วยขวาของ สเตลิยัน เปตรอฟ แต่ก็เป็น ปีเตอร์ เช็ก ที่ชกบอลพ้นไปได้ เกมเริ่มเปิด เชลซี เกือบจะได้ประตูนำห่างเช่นกันเมื่อ แลมพาร์ด ได้ตวัดยิงด้วยซ้ายในกรอบโทษแต่นายทวารวิลล่ายังไวปัดออกมาได้ เกมเริ่มเป็นของเจ้าถิ่นอีกครั้ง มิคาเอล เอสเซียง ได้สะบัดหัวโขกลูกเตะมุม โซเรนเซ่น ต้องล้มตัวตะปบเอาไว้

นาทีที่ 38 วิลล่าต้องเปลี่ยนเอา ลุค มัวร์ ที่มีอาการเจ็บไหล่ซ้ายออกพร้อมกับส่ง มิลาน บารอส กองหน้าทีมชาติสาธารณรัฐเช็ก ลงมาทำหน้าที่แทน

และถึงนาทีสุดท้ายของครึ่งแรก ทีมเยือนก็ตามตีเสมอสำเร็จเมื่อ สตีเว่น เดวิส เปิดบอลให้ เลียม ริดจ์เวลล์ เติมขึ้นมาโหม่งตั้งให้ กาเบรียล อั๊กบอนลาฮอร์ ขวิดบอลเข้าไปตุงตาข่ายสกอร์จึงเสมอกัน 1-1 เมื่อจบ 45 นาทีแรก

และก็ได้ลุ้นตั้งแต่หกนาทีแรกเมื่อ เฌเรมี่ เอ็นจิตั๊ป ไหลบอลให้ ดร็อกบา ยิงเร็วแต่ก็ยังเป็น โซเรนเซ่น ที่ป้องกันเอาไว้ได้ รวมถึงจังหวะกึ่งยิงกึ่งผ่านของ อาร์เยน ร็อบเบน แต่นายทวารดีกรีทีมชาติเดนมาร์กก็ปัดพ้นคานไปได้อีก

หนึ่งชั่วโมงพอดิบพอดี อังเดร เชฟเชนโก้ ถ่างไปเล่นทางขวาก่อนไหลให้ เอสเซียง ได้สะบัดหัวเกือกยิงด้วยขวาแต่นายทวารวิลล่า ปัดบอลไปเข้าทาง แลมพาร์ด ที่พยายามซ้ำแต่กองหลังทีมเยือนช่วยกันเคลียร์ได้หวุดหวิด

เข้าสู่ช่วง 20 นาทีสุดท้าย โฮเซ่ มูรินโญ่ ต้องปรับเกมให้เชลซีด้วยการส่งทั้ง โซโลมอน คาลู และฌอน ไรท์-ฟิลลิปส์ ลงมาเล่นแทน ร็อบเบน รวมถึง เฌเรมี่ และไรท์-ฟิลลิปส์ ก็น่าจะทำประตูให้ทีมนำได้เมื่อได้ยิงมุมแคบแต่บอลดันพุ่งกระแทกคานออกไปอีก เจ้าถิ่นเริ่มกดดันเพราะโอกาสยิงมีแต่ไม่สามารถส่งลูกหนังเข้าไปในตาข่าย รวมไปถึงการยิงของ เชฟเชนโก้ ที่ติดเซฟอีกครั้ง

ช่วงท้าย มาร์ติน โอนีล ปรับทัพให้วิลล่า ด้วยการเน้นเกมรับส่ง มาร์ติน เลาร์เซ่น ปราการหลังชาวเดนิชลงมาเล่น เดวิส ซึ่งเป็นกองกลาง และทีมเยือนเกือบพลิกเกมได้เมื่อ อังเคล หลุดเดี่ยวเข้าไปแต่โดน โคล้ด มาเกเลเล่ เข้ามารบกวนจนล้มลงแต่ เกรแฮม โพลล์ เมินจะให้ฟรีคิกกับวิลล่า ก่อนจบเกมแค่นาทีเดียว อังเคล เกือบยิงให้ทีมนำแต่บอลเข้าแค่ข้างตาข่าย อย่างไรก็ตาม จบ 90 นาที สิงห์ผงาด ทำสำเร็จบุกมาแบ่งแต้ม แชมป์เก่า ด้วยการเสมอกันไป 1-1

เชลซี : ปีเตอร์ เช็ก , เฌเรมี่ เอ็นจิตั๊ป , จอห์น เทอร์รี่ , ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่ , แอชลี่ย์ โคล , โคล้ด มาเกเลเล่ , มิคาเอล เอสเซียง , แฟร้งค์ แลมพาร์ด , อาร์เยน ร็อบเบน , อังเดร เชฟเชนโก้ , ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา

แอสตัน วิลล่า : โธมัส โซเรนเซ่น , อารอน ฮิวจ์ส , โอลอฟ เมลเบิร์ก , เลียม ริดจ์เวลล์ , แกเร็ธ แบร์รี่ , สตีเว่น เดวิส , กาวิน แม็คคานน์ , สเตลิยัน เปตรอฟ , กาเบรียล อั๊กบอนลาฮอร์ , ฮวน ปาโบล อังเคล , ลุค มัวร์

โบลตัน วันเดอเรอร์ส 2-0 ลิเวอร์พูล
[1-0 : แกรี่ สปีด (น.30) , 2-0 : อีบัน คัมโป้ (น.51)]

ชาร์ลตัน แอธเลติก 1-2 อาร์เซนอล
[1-0 : ดาร์เรน เบนท์ (น.21) , 1-1 : โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ย์ (น.32) , 1-2 : โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ย์ (น.49)]

เชลซี 1-1 แอสตัน วิลล่า
[1-0 : ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา (น.3) , 1-1 : กาเบรียล อั๊กบอนลาฮอร์ (น.45)]

เอฟเวอร์ตัน 1-1 แมนเชสเตอร์ ซิตี้
[1-0 : แอนดี้ จอห์นสัน (น.45) , 1-1 : มิกาห์ ริชาร์ดส (น.90)]

เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด 2-1 มิดเดิลสโบรช์
[1-0 : ร็อบ ฮัลส์ (น.35) , 1-1 : ยาคูบู อเย็กเบนี่ (น.49) , 2-1 : ฟิล จากีลก้า (น.90)]