เชลซีเริ่ด!บุกเด็ดกุหลาบขึ้นที่สี่

เชลซีคัมแบ็คกลับสู่เส้นทางชัยชนะอีกครั้งหลังได้ลูกเก๋ามายิงสองประตูในครึ่งหลังจากจุดโทษของแลมพาร์ดก่อนที่ไอ้แมลงสาบดิดิเยร์ ดร็อกบาจะเป็นซูเปอร์ซับยิงปิดท้ายช่วยให้ทีมขยับมาอยู่อันดับสี่ด้วยสถิติชนะสองแพ้หนึ่ง

แบล็คเบิร์น 0-2 เชลซี

ประตู : 0-1 แลมพาร์ด น.48(จุดโทษ),0-2 ดร็อกบา น. 81

เกมวันนี้นอกจากจะรวมซูเปอร์สตาร์ทั้งเชฟเชนโก้และบัลลัคแล้วยังเป็นการเปิดตัวสองแข้งฮอลแลนด์ทั้งอังเดร ออยเยอร์ของเจ้าบ้านและคาลิด บูราห์ลูซของเชลซีในขณะที่มาร์ค ฮิวจส์มาปะทะมูรินโญ่อีกครั้งหลังซีซั่นก่อนเคยเปิดฉากชี้นิ้วด่ากันข้างสนามจนไฟท่วมหัว

มอร์เท่น แกมพ์ พีเดอร์เซ่นเกือบช็อกทีมเยือนหลังวิ่งซัดลูกฟรีคิกระยะ 25 บอลแฉลบกองหลังพุ่งเป็นใบไม้ร่วงแต่จังหวะมุดดันไปหล่นบนตาข่ายชนิดมาร์ค ฮิวจส์ออาการเสียดาย

อังเดร เชฟเชนโก้ทนยืนอยู่เฉยๆไม่ไหวต้องฉีกออกมาเล่นบอลตามริมเส้นทำให้ถึงตอนนี้เกมรุกของเชลซียังติดขัดไม่มีจังหวะยิงสวยๆเลย

จังหวะร้อนของเกมเมื่อซาเวจวิ่งเข้าแย่งบอลที่ลอยโด่งแต่เอสเซียงได้ลูกเก๋าหันหลังเอาส่วนหนาชนจนอดีตแข้งเลสเตอร์นอนวัดพื้นแถมผู้ตัดสินมาให้ใบเหลืองอีกต่างหาก

ช่วงครึ่งชั่วโมงแรกแบล็คเบิร์นเล่นแบบไม่กลัวเชลซีแม้แต่นิดเดียวแต่นาที 36 เบนท์ลี่ย์ที่วันนี้เล่นไม่ดีไปเสียบอลแดนกลางเลยโดนฉกก่อนที่เชฟเชนโก้จะยิงไกลแต่ฟรีเดลล์ล้มตัวรับเอาไว้ได้

พอเข้าสู่ช่วง 10 นาทีกลายเป็นแชมป์เก่าที่เริ่มเก็บบอลและมีโอกาสยิงมากขี้นเรื่อยๆแต่ยังเจาะแนวรับกุหลาบไฟไม่ได้ทำให้โจเซ่ มูรินโญ่นั่งหน้าบอกบุญไม่รับ

ก่อนหมดเวลา 4 นาทีเชลซีประท้วงจะเอาจุดโทษหลังเอสเซียงซึ่งวิ่งหลุดรับบอลทะลุช่องจากแลมพาร์ดโดนนีลวิ่งเข้าชนดื้อๆ ซึ่งดูจากภาพช้าแล้วถือว่าเจ้าถิ่นโชคดีเอามากๆ

นาทีสุดท้ายเบนท์ลี่ย์ที่วางบอลตลอดทั้งเกมเลอะเทอะมากเกือบทำเสียวเมื่อใส่พานยาวให้โรเบิร์ตที่วิ่งไปหน้าประตูแต่เข้าไม่ถึงบอลหลุดออกหลังไปอย่างน่าเสียดายและหมด 45 นาทีแรกยังเสมอกัน 0-0

ครึ่งหลังเริ่มมาสามนาทีแบล็คเบิร์นเสียท่าเมื่อเชลซีได้จุดโทษหลังออยเยอร์ทั้งดึงและทึ้งจอห์น เทอร์รี่ในจังหวะที่ทั้งสองทีมกำลังวิ่งวุ่นสลัดตัวประกบจากลูกฟรีคิกและเป็นแฟร็งค์ แลมพาร์ดที่รับหน้าที่สังหารไม่มีเหลือ เชลซีออกนำ 1-0

เจ้าบ้านเหมือนโดนตบหน้าเลยโหมลุยหมายจะตีเสมอและนาที 55 น่าจะได้สุดๆจากจังหวะที่แม็คคาธี่พักอกบอลวางยาวลงอย่างสุดเนียนก่อนยิงจ่อๆแค่ 6 หลาแต่ปีเตอร์ เช็กไวทายาทปัดเอาไว้ได้อย่างเหลือเชื่อ

จากนั้นน้ามูเห็นท่าไม่ดีเลยส่งดร็อกบามาแทนคาลูเพื่อกดดันกองหลังเจ้าถิ่นหมายจะบวกเม็ดสองเพิ่มเพื่อปิดเกม

เกมสนุกสุดๆกหลังกุหลาบไฟเปิดเกมรุกสู้ทำให้จังหวะสวนกลับเชลซีได้ลุ้นได้เสียวทุกลูกโดยดร็อกบาได้สับไกยิงเหน่งแต่ติดนีลบอลหลุดออกหลังเป็นเตะมุม

และในที่สุดก่อนหมดเวลา 9 นาทีดร็อกบาก็มายิงประตูให้เชลซีจนได้หลังวิ่งควบเบียดมากับออยเยอร์ตั้งแต่ระยะ 25 หลาก่อนที่กองหลังเลือดดัทช์จะล้มลงและหอกทีมชาติไอเวอรี่โคสต์ตะบันเต็มข้อแสกหน้าฟรีเดลล์ไม่มีเหลือ เชลซีแบเบอร์ 2-0

นาทีถัดมาหลังเสียประตูแบล็คเบิร์นก็ตั้งหน้าตั้งตาบุกใหม่และลูกฟรีคิกระยะ 25 หลาของรีดเป็นเช็กที่วันนี้ฟอร์มสุดเด่นปัดออกหลังไปได้อีกและสุดท้ายผู้ตัดสินเป่านีกหวีดหมดเวลาเป็นทีมเยือนบุกมาเก็บสามแต้มขยับมาอยู่อันดับสี่เรียบร้อยแล้ว

แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส: แบร็ด ฟรีเดล 6,ซูรับ คิซานิชวิลี่ 6,ลูคัส นีลล์ 6,อังเดร ออยเยอร์ 4,เดวิด เบนท์ลี่ย์ 7,เบร็ตต์ เอเมอร์ตัน 8,มอร์เท่น แกมต์ พีเดอร์เซ่น 5(พอล กัลลาเกอร์ 6 น.69),สตีเฟ่น รีด 6,ร็อบบี้ ซาเวจ 6,เบนนี่ แม็คคาร์ธี่ย์ 5,เจสัน โรเบิร์ต 7

สำรองไม่ได้ลงสนาม:เจสัน บราวน์,แอนดี้ ท็อดด์ ,ฟรานซิส เจฟเฟอร์ส,เชฟกี้ คูกี้

ใบเหลือง:ร็อบบี้ ซาเวจ น.25,อังเดร ออยเยอร์ น.48,ซูรับ คิซานิชวิลี่ น.90

เชลซี:ปีเตอร์ เช็ก 7,คาลิด บูลาห์รูซ 6,เวย์น บริดจ์ 7,ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่ 6,จอห์น เทอร์รี่ 8,มิชาเอล บัลลัค 5,มิกาเอล เอสเซียง 7,แฟรงค์ แลมพาร์ด 6,โคลด มาเกเลเล่ 6(จอห์น โอบี มิเกล 5 น.89),ซาโลม่อน คาลู 5(ดิดิเยร์ ดร็อกบา 7 น.57),อังเดร เชฟเชนโก้ 5(ฌอน ไรท์-ฟิลลิปส์ 5 น.83)

สำรองไม่ได้ลงสนาม:คาร์โล คูดิชินี่,เปาโล เฟอร์ไรร่า

ใบเหลือง:โคลด มาเกเลเล่ น.66

ผู้ตัดสิน: มาร์ค แคลตเตนเบิร์ก

แหล่งข้อมูล : บอร์ดรวมข่าวกีฬา