เชลซีปิดฉากฤดูกาล 2008-09 บอลอังกฤษอย่างสมบูรณ์แบบเมื่อคว้าแชมป์เอฟเอ คัพอย่างสุดยอดด้วยการแซงปาดหน้าเอฟเวอร์ตัน 2-1 จากประตูของดร็อกบาและแลมพาร์ดอำลากุส ฮิดดิงค์อย่างสุขีสโมสรกันถ้วนหน้า
เอฟเอ คัพรอบชิงชนะเลิศนัดที่ 128
วันเสาร์ที่ 30 พฤษภาคม 2552
เชลซี 2-1 เอฟเวอร์ตัน
ประตู : 0-1 ซาฮา น.1,1-1 ดร็อกบา น.21,2-1 แลมพาร์ด น.71
สภาพอากาศ : ร้อน... 42 องศาเซลเซียส
ผู้ชม : 89,391 คน
ครึ่งแรก
แค่ 20 วินาทีเอฟเวอร์ตันทำช็อกขึ้นนำก่อนจากการขึ้นเกมรุกครั้งแรกเมื่อพีนาร์ซึ่งอยู่ในตำแหน่งล้ำหน้าตรงริมเส้นตอนรับบอลจากเพื่อนแต่ไลน์แมนไม่ยกธงทำให้ได้เปิดเข้ากรอบแต่ถูกโหม่งเคลียร์ทิ้งซึ่งซาฮาปล่อยให้มันเด้งแล้วกดด้วยอีซ้ายเต็มๆบอลพุ่งเบียดเสาผ่านมือเช็กเข้าไปหน้าตาเฉย ท๊อฟฟี่นำแล้ว 1-0
โดนลูกนี้เข้าไปเชลซีช็อกตาตั้งหันมาเปิดเกมรุกใส่ทันทีส่วนเอฟเวอร์ตันก็ขึงเกมรับรอสวนกลับสไตล์ที่ใช้มาตลอดทั้งฤดูกาลนี้
เชลซีพยายามใช้การต่อบอลสั้นแต่มาตายตรงหน้ากรอบระยะ 30 หลาเพราะแข้งเอฟเวอร์ตันเข้าบีบเร็วจนต้องคายบอลก่อนเสียกันเอง
นาทื 14 เชลซ๊มีโอกาสได้เสียวหลังดร็อกบานัวเนียนตรงกรอบโทษฝั่งซ้ายเจอรุม 2-3 ตัวก่อนแงะแล้วแตะคืนให้เอสเซียงวิ่งมากดเต็มข้อแต่บอลมันปลิ้นโด่งข้ามคานไปซะงั้น
หลังเชลซีขึงเกมไปได้ซักพักนาที 21เกมรับของเอฟวอร์ตันมาเสียง่ายเกินคาดเมื่ออเนลก้าเจอตัวประกบต้อนจากขวามาตรงกลางจนต้องพักบอลให้แลมพ์เปิดเปลี่ยนออกปีกซ็ายให้มาลูด้าซึ่งมีเวลาเหลือเฟือทั้งเซ็ตท่าโยนและเงยหน้าก่อนเปิดมาที่จุดนัดพบ 6 หลาให้ดร็อกบาทะยานโขกตัดหน้าเลสค็อตตุงตาข่ายไม่มีเหลือ
ทั้งคู่เริ่มเข้าบอลกันหนักโดยเฉพาะลูกเสียบกรรไกรของเอสเซียงใส่เฟไลนี่ตรงริมเส้นอย่างน่าเกลียดยังดีที่ฮาวเวิร์ด เวบบ์ไม่ได้ให้ใบเหลือง
ตั้งแต่เกมเสมอกัน 1-1 เกมรุกของเอฟเวอร์ตันที่ดูไม่น่ากลัวอยู่แล้วก็นิ่งหายไปเลยและเป็นเชลซีที่ต่อบอลใส่อย่างต่อเนื่องเรียกว่าลูกทีมเดวิด มอยส์ต้องไวและแน่นอนอย่างเดียวเท่านั้นเนื่องจากแดนกลางเชลซีวิ่งไล่กันเร็วมาก
อากาศวันนี้ร้อนตับแตกยิ่งกว่าเมืองไทยเพราะสูงถึง 43 องศาเซลเซียสและนาทีสุดท้ายเชลซีเกือบเฮงเมื่อเฟไลนี่มาวิ่งไล่ปั๊มบอลที่มาลูด้ากำลังจะส่งบอลย้อยกลับไปกรอบโทษฝั่งซ้ายเป็นแอชลีย์ โคลที่ส้มหล่นวิ่งปซงฮิบเบิร์ตก่อนสับไกลยิงมุมแคบบอลโด่งข้ามคานไปเอง
ครึ่งหลัง
รูปเกมยังคงเหมือนเดิมคือเอฟเวอร์ตันเรื่องฝีเท้าตัวต่อตัวอาจเป็นรองแต่เรื่องการเล่นเป็นทีมช่วยกันไล่ช่วยกันบีบทำได้ไม่เป็นรองเล่นเอานักเตะเชลซีถึงกับหอบกินเลยทีเดียว
เกมช่วงนี้ชักอึดอัดเพราะเอฟเวอร์ตันเล่นบอมบ์ใส่หมายจะใช้ความใหญ่ของเฟไลนี่เป็นตัวโขกชงและพักบอลหรือไม่ก็รอเก็บตกแถวสองไม่ต้องต่อบอลสั้นให้เสียเวลาเพราะสู้กันตรงๆก็สู้เชลซีไม่ได้
นาที 60 นิโก้มีส่วนกับเกมเยอะมากและเกือบทำให้ทีมได้ประตูขึ้นนำเมื่อแลมพาร์ตกบอลตรงระยะ 35 หลาตัดหลังโยโบ้ให้อดีตหอกอาร์เซนอลใช้สปีดวิ่งพรวดเข้าเขตโทษด้านข้างก่อนกระดกบอลข้ามหัวฮาวเวิร์ดที่ปรี่ออกมาบีบปิดมุมบอลย้อยข้ามคานเฉี่ยวสามเหลี่ยมไกลออกไปแบบน่าเข้าเหลือเกิน
นาที 67 เอฟเวอร์ตันที่นานๆมีโอกาสทีเกือบขึ้นนำหนสองจากลูกฟรีคิกสั้นบอลออกไปถึงพีนาร์ที่เปิดตรงปีกซ้ายบอลเลยเคฮิลล์ที่กระโดดไม่ถึงแต่มาเข้ากบาลซาฮาที่โขกสวนแรงบวกบอลพุ่งแสกคานออกไปแบบน่าเข้าสุดๆ
และแล้วอีก 5 นาทีต่อมาเชลซีแซงนำ 2-1 อย่างไม่น่าเชื่อเมื่ออเนลก้าแทงบอลฝากให้แลมพ์ที่พลิกจะยิงด้วยขวาก่อนล็อกจนฟิล เนวิลล์ตัวประกบหลงและจากที่ลื่นเสียหลักแข้งหน้าใสลุกมาตั้งท่ายิงด้วยอีซ้ายบอลพุ่งเป็นท่อติดปลายมือฮาวเวิร์ดนิดเดียวแต่ด้วยความแรงบอลเสียบหน้าต่ายเข้าไปสุดมัน เชลซีนำแล้ว 2-1
พอได้แล้วทีนีอีก 4 นาทีต่อมาเชลซ๊น่าจะมายิงลูกสามได้อย่างรวดเร็วจากจังหวะสวนกลับหลังพีนาร์เสียบอลในแดนเชลซีตรงปีกซ้ายก่อนเจอลุยขึ้นมาเป็นแอชลีย์ โคลที่โชว์เทพกระโดดเกี่ยวบอลจากที่เพื่อเปลี่ยนแกนจากปีกขวาจนเอามาเล่นต่อได้แล้วตบบอลไปหน้าเขตโทษให้แลมพ์จับก่อนแทงทะลุให้มาลูด้าหลุดไปล่อเป้ากับฮาวเวิร์ดแต่ตอนยิงดันเอามันเลยข้ามคานไป ภาพช้ามาลูด้าล้ำหน้าซะด้วยแต่ไลน์แมนไม่ยอมยก
ก่อนหมดเวลา 12 นาทีประตูที่สวยที่สุดในวันนี้น่าจะมาจากปลายตีนของมาลูด้าที่ใจถึงไม่ยอมส่งให้เพื่อนแต่เลือกยิงเองจากระยะ 25 หลาบอลพุ่งเป็นสตั๊ดติดแบ็งค์ผ่านมือฮาวเวิร์ดที่กระโดดสุดตัวตรงเส้น 6 หลาแต่ไม่ถึงบอลชนคานกระเด้งบนเส้นก่อนที่นายทวารมะกันจะมาคว้าเอาตัวรอดหวุดหวิด ผู้เล่นเชลซีพยายามจะประท้วงเอาประตูเพราะคิดว่าเลยเส้นและจากภาพช้าเลยเส้นไปแล้วจริงๆด้วยแต่มองตาเปล่าไม่ทันเพราะนิดเดียวจริงๆ
เกมแลกกันมันหยดเพราะเอฟเวอร์ตันไม่มีความจำเป็นต้องรับเต็มตัวเหมือนเก่าอีกแล้วทำให้ตอนนี้เกมเป็น box to box ของแต่ละฝ่ายจริงๆ
ทดเจ็บนาทีที่ 2 แลมพ์วางยาวจากกลางสนามตัดหลังเลสค็อตต์ให้นิโก้สอดวิ่งบี้กันก่อนที่หอกทีมชาติฝรั่งเศสจะกระดกข้ามหัวฮาวเวิร์ดแต่บอลแรงไปนิดเลยข้ามคานออกไป
หมดเวลาเชลซีคว้าแชมป์เอฟเอ คัพไปครองอย่างสมศักดิ์ศรีเป็นสมัยที่ 9 หลังตกรอบแชมเปี้ยนส์ลีกแบบใจสลายและเป็นการมอบแชมป์ร่ำลากุส ฮิดดิงค์ที่จะกลับไปคุมทีมชาติรัสเซียก่อนส่วนมิชาเอล บัลลัคที่ลงมาในฐานะตัวสำรองก็ยุติอาถรรพ์เจ้าพ่อรองแชมป์ได้ในที่สุด
รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม
เชลซี : ปีเตอร์ เช็ก 5.5,โจเซ่ โบซิงวา 6.5,อเล็กซ์ 5,จอห์น เทอร์รี่ 6,แอชลีย์ โคล 7.5,มิกาเอล เอสเซียง 5(บัลลัค น.61,6),จอห์น โอบี มิเกล 6,แฟร็งค์ แลมพาร์ด 7.5,นิโกลาส์ อเนลก้า 8,ดิดิเยร์ ดร็อกบา 7,ฟลอร็องต์ มาลูด้า 8.5 *
สำรองไม่ได้ลงสนาม : ฮลาริโอ,อิวาโนวิช,ดิ ซานโต้,กาลู,เบลเล็ตติ,มานเซียนน์
เอฟเวอร์ตัน : ทิม ฮาวเวิร์ด 5.5,โทนี่ ฮิบเบิร์ต 4(ยาค็อปเซ่น น.46,6),โยเซป โยโบ้ 5,โจเลออน เลสค็อตต์ 6,เลจ์ตัน เบนส์ ,ลีออน ออสมัน 5(กอสลิ่ง น.83)ฟิล เนวิลล์ 5.5,สตีเฟ่น พีนาร์ 6,ทิม เคฮิลล์ 6.5,มารูเน่ เฟลไลนี่ 6,หลุยส์ ซาฮา 6(วอห์น น.77,5)
สำรองไม่ได้ลงสนาม : แนช,คาสติญโญ่,ยาค็อปเซ่น,รอดเวลล์,แบ็กซ์เตอร์
ขอขอบคุณเนื้อข่าวคุณภาพดีโดย lentee