เชลซีไม่แผ่วทุบค้อน 3-1,บารอสซัดชัยให้วิลล่า

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 2 มกราคม 2549 21:49 น.

สิงโตน้ำเงินคราม เชลซี ยังแรงไม่มีแผ่วบุกทุบ ขุนค้อน เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 3-1 โดยถือเป็นชัยชนะนัดที่ 9 ในลีกติดต่อกันเข้าให้แล้ว ส่วนผลอีกคู่ มิลาน บารอส ซัดจุดโทษเป็นประตูชัยให้ สิงห์ผงาด แอสตัน วิลล่า บุกไปชนะ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน 2-1 ในศึก พรีเมียร์ชิพ อังกฤษ นัดแรกของปี 2006

ศึก พรีเมียร์ชิพ อังกฤษ
เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 1 - 3 เชลซี

ขุนค้อน เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ทีมอันดับ 10 เปิดรัง อัพตัน ปาร์ค ทำศึก ลอนดอนดาร์บี้แมตช์ ต้อนรับจ่าฝูง สิงโตน้ำเงินคราม เชลซี เจ้าถิ่นมาในระบบ 4-5-1 ทิ้ง มาร์ลอน แฮร์วู้ด ไว้แดนหน้าคนเดียว ส่วนทีมเยือนมาแบบชุดใหญ่โดยไม่มี โจ โคล ที่ติดโทษแบน

เกมยังไม่มีจังหวะอะไรน่าสนใจแต่เป็นทางฝ่าย เชลซี ที่ต้องเสีย มิคาเอล เอสเซียง เจ็บเล่นต่อไม่ไหวหลังจากถูก ไนเจล รีโอ-โคเกอร์ เข้าเสียบ ต้องส่ง ไอเดอร์ กุ๊ดยอห์นเซ่น ลงมาเล่นแทนในนาทีที่ 13

จากนั้นนาทีเดียวเป็น เชลซี ที่ได้ลุ้นประตูเมื่อ อาซิเอร์ เดล ออร์โน่ เปิดจากซ้ายเข้ากลางอย่างสุดแม่นให้กับ อาร์เยน ร็อบน วอลเลย์ แต่ไปตรงตัว รอย คาร์โรลล์ เกมค่อนข้างเข้าบอลกันหนักนาทีที่ 20 เดเมี่ยน ดัฟฟ์ โดนใบเหลืองเนื่องจากเสียบอลและไปยันใส่นักเตะ เวสต์แฮม

มาถึงนาทีที่ 25 ลูกทุ่มทางกราบขวาของ เชลซี จาก เฌเรมี่ เอ็นฌิตั๊ป ซึ่งดูเหมือนจะไม่อันตรายอะไรแต่ว่ากองหลัง เวสต์แฮม เคลียร์ไม่ขาด ยอสซี่ เบนายูน โหม่งมาเข้าทางปืน แฟร้งค์ แลมพาร์ด ที่แปเน้นๆ เสียบเสาแรกสุดคม เชลซี ขึ้นนำ 1-0

เชลซี ยังคงบุกกดดันเจ้าถิ่นได้มากกว่านาทีที่ 35 เกือบได้ประตูที่สองเมื่อ อาร์เยน ร็อบเบน เลี้ยงลุยฝ่าผู้เล่น เวสต์แฮม 3-4 คนก่อนซัดเต็มข้อดีที่ คาร์โรลล์ ปัดไว้ได้ ครบ 45 นาทีแรก เวสต์แฮม ตามหลัง เชลซี 0-1

ไม่ถึง 1 นาทีของครึ่งหลัง จอห์น เทอร์รี่ กองหลัง เชลซี สกัดบอลไม่ขาดไปเข้าทาง ไนเจล รีโอ-โคเกอร์ ที่จ่ายเรียดให้กับ มาร์ลอน แฮร์วู้ด หลุดไปยิงติดตัว เช็ก แต่บอลยังปลิ้นไปหน้าประตูก่อนที่ แฮร์วู้ด จะตามเข้าไปซ้ำให้เข้าประตูไปเพื่อความชัวร์ เวสต์แฮม ตีเสมอเป็น 1-1

หลังเสียประตู เชลซี เดินหน้าบุกอย่างหนักนาทีที่ 55 เกือบขึ้นนำอีกครั้งเมื่อ เดเมี่ยน ดัฟฟ์ หลุดขึ้นไปถึงเส้นหลังฝั่งขวาก่อนจ่ายเข้ากลางให้ ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา ป้ายต่อเร็วให้กับ แลมพาร์ด ยิงเหน่งๆ แต่ว่าติดเซฟ คาร์โรลล์

นาทีที่ 60 เชลซี มีการปรับทีมถอด ดัฟฟ์ ออกและส่ง เฮอร์นัน เครสโป กองหน้าทีมชาติ อาร์เจนติน่า ลงมาพร้อมปรับระบบเป็น 4-4-2 และนาทีเดียวเท่านั้น เฮย์เด้น มัลลินส์ เสียบอลหน้าเขตโทษ ร็อบเบน จ่ายทะลุช่องให้ เครสโป แตะหลบ คาร์โรลล์ ก่อนซัดเข้าไปไม่ล้ำหน้า เชลซี ขึ้นนำอีกครั้งเป็น 2-1



เฌเรมี่ (น้ำเงิน) สวมบทแบ๊กขวาในเกมนี้


เวสต์แฮม ยูไนเต็ด เสี่ยงส่ง บ๊อบบี้ ซาโมร่า กองหน้าลงมาแทน มัลลินส์ ในนาทีที่ 72 กองหลัง เวสต์แฮม มีปัญหา ร็อบเบน จ่ายทะลุช่องให้กับ เครสโป หลุดเข้าเขตโทษด้านซ้ายก่อนปั่นจะให้เสียบเสาสองแต่ว่าเลี้ยวไม่พอออกหลังไป

นาทีที่ 78 เวสต์แอม เปลี่ยนตัวอีกส่งกองหน้าคนที่สาม ดาวิด เบลลิยง มาแทนที่ของ แม็ทธิว เอเธอร์ริงตัน ที่หายไปในช่วงครึ่งหลัง เกมทำท่าจะจบในนาทีที่ 80 ไอเดอร์ กุ๊ดยอห์นเซ่น วางยาวให้กับ ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา หลุดเข้าเขตโทษด้านขวาก่อนดึงบอลลงและยิงเสียบเสาสองสุดคม เชลซี หนีไปเป็น 3-1

จากนั้นนาทีที่ 83 เครสโป ตัวสำรองมีอาการบาดเจ็บ เชลซี ตัดสินใจถอดออกทันทีโดยส่ง ฌอน ไรท์-ฟิลลิปส์ ลงมาลากเลื้อยแทน

ท้ายเกม เวสต์แฮม มีลุ้นเมื่อ ซาโมร่า จ่ายให้กับ เบนายูน ยิงเหน่งๆ ในเขตโทษแต่ว่าไม่เน้นพอบอลเหินข้ามคานอย่างน่าเสียดาย หมดเวลาการแข่งขัน เวสต์แฮม พ่ายคารังต่อ เชลซี 1-3

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
เวสต์แฮม ยูไนเต็ด - รอย คาร์โรลล์, เจมส์ คอลลินส์, คริสเตียน เดลลี่, แอนตัน เฟอร์ดินานด์, พอล คอนเชสกี้, เฮย์เด้น มัลลินส์, ยอสซี่ เบนายูน, แม็ทธิว เอเธอร์ริงตัน, คาร์ล เฟลเชอร์, ไนเจล รีโอ-โคเกอร์, มาร์ลอน แฮร์วู้ด
เชลซี - ปีเตอร์ เช็ก, อาซิเอร์ เอล ออร์โน่, ริคาร์โด้ คาวัลโญ่, จอห์น เทอร์รี่, เดเมี่ยน ดัฟฟ์, มิคาเอล เอสเซียง, เฌเรมี่ เอ็นฌิตั๊ป, แฟร้งค์ แลมพาร์ด, โคล้ด มาเกเลเล่, ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา, อาร์เยน ร็อบเบน

ส่วนผลการแข่งขันอีกหนึ่งคู่ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน เปิดรัง เดอะ ฮอว์ธอร์นส์ พ่ายต่อ แอสตัน วิลล่า 1-2 ทีมเยือนนำไปก่อนจาก สตีเว่น เดวิส นาที 47 เจ้าถิ่นตามตีเสมอได้จาก สตีฟ วัตสัน นาที 76 แต่ว่านาที 80 ทีมเยือนได้จุดโทษเมื่อ สตีฟ วัตสัน ทำแฮนด์บอลและเป็น มิลาน บารอส ที่ซัดเข้าไปเป็นประตูชัย