ยันต่อเวลา! สิงห์ปาดเหงื่อบุกสยบจิ้งจอก 2-1
สิงโตน้ำเงินครามกลายเป็นทีมสุดท้ายที่ผ่านเข้ารอบตัดเชือกเอฟเอคัพ หลังบุกชนะจิ้งจอกสยามได้ถึงถิ่น ชนิดที่ต้องสู้กันถึง 120 นาที
ฟุตบอลถ้วยเก่าแก่ของอังกฤษ "เอฟเอคัพ 2018" รอบ 8 ทีมสุดท้าย เป็นการพบกันระหว่าง เลสเตอร์ ซิตี้ เปิดรังเหย้า คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม ต้อนรับการมาเยือนของอดีตแชมป์ 7 สมัยอย่าง เชลซี
โคล้ด ปูแอล กุนซือเจ้าถิ่น เปลี่ยนนักเตะจากพรีเมียร์ลีกนัดล่าสุดเมื่อสัปดาห์ก่อนที่บุกชนะเวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน 4-1 เพียงแค่ 2 รายเท่านั้น ได้แก่ มาร์ค อัลไบรท์ตัน กับ เคเลชี อิเฮียนาโช ซึ่งได้ลงเป็น 11 คนแรกแทน เดมาไร เกรย์ และ ชินจิ โอกาซากิ
ด้านผู้มาเยือนของ อันโตนิโอ คอนเต้ ปรับทัพจากเกมยุโรปเมื่อกลางสัปดาห์ซึ่งบุกแพ้บาร์เซโลนา 0-3 (สกอร์รวมสองนัด 1-4) ทั้งสิ้น 2 คนเช่นกันคือ ติมูเอ้ บากาโยโก้ และ อัลบาโร โมราต้า ที่ได้เล่นตัวจริงแทน เชาห์ ฟาเบรกาส กับ โอลิวิเยร์ ชิรูด์
เกมในช่วง 45 นาทีแรก เป็นฝั่งของเชลซีที่สามารถสร้างสรรค์เกมรุกได้มากกว่า ก่อนจะมาพังประตูขึ้นนำได้สำเร็จ ในนาทีที่ 42 จากจังหวะที่ วิลเลียน กระชากบอลมาตั้งแต่แดนตัวเองก่อนจะจ่ายทะลุช่องให้ โมราต้า ลากหลุดเดี่ยวไปแปด้วยขวาตุงตาข่าย เป็นลูกแรกของเจ้าตัวในปฎิทินปี 2018 ด้วย ช่วยให้สิงโตน้ำเงินครามในชุดเยือนสีดำออกนำในครึ่งแรก 1-0
ครึ่งหลังเลสเตอร์พยายามหาโอกาสบุกเพื่อหวังตีเสมอให้ได้ จนกระทั่งมาประสบความสำเร็จในนาทีที่ 76 จากจังหวะที่ ริยาด มาห์เรซ กระชากบอลหนีตัวประกบอย่าง มาร์กอส อลอนโซ ไปจนสุดเส้นหลังฝั่งขวาก่อนจะเปิดเข้ากลางแล้วลูกขลุกขลิกชุลุมนอยู่ในเขตโทษ ก่อนจะเป็น บิเซนเต้ อิบอร์รา ไปดีดด้วยขวาติดเซฟ วิลลี กาบาเยโร เข้าทาง เจมี วาร์ดี้ ซ้ำดาบสองไม่เหลือ ช่วยให้จิ้งจอกสยามไล่เจ๊า 1-1
จากนั้นไม่มีประตูเกิดขึ้นเพิ่มเติมอีก ทำให้จบ 90 นาทีด้วยผลเสมอ 1-1 ต้องไปวัดกันในช่วงต่อเวลาพิเศษอีก 30 นาที
ช่วงต่อเวลาพิเศษนาทีที่ 105 กลายเป็นทีมเยือนที่มาได้ประตูขึ้นนำอีกครั้ง จากจังหวะที่ เอ็นโกโล ก็องเต้ หยอดเข้าเขตโทษให้ เปโดร โรดริเกวซ ตัวสำรองที่ลงมาแทน วิลเลียน ตั้งแต่นาทีที่ 92 โฉบตัดหน้า แคสเปอร์ ชไมเคิล ที่พยายามออกมาคว้าบอลแต่ดันจั่วลม ทำให้แนวรุกชาวสเปนได้โหม่งเหน่งๆเข้าไป ส่งให้อดีตแชมป์ 7 สมัยนำ 2-1
สุดท้ายไม่มีประตูเกิดขึ้นเพิ่มเติมอีกแต่อย่างใด ทำให้จบเกม 120 นาทีเป็นเชลซีบุกมาเฉือนชนะหวุดหวิด 2-1 กรุยทางสู่รอบรองชนะเลิศเป็นทีมสุดท้ายต่อจากท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และเซาแธมป์ตัน
Cr:::goal.com/th