เมสซีล้างอาถรรพ์! บาร์ซาได้เปรียบตามเจ๊าสิงห์ 1-1(คลิป)

สตาร์อาร์เจนไตน์ปลดล็อคยิงประตูใส่สิงโตน้ำเงินครามเป็นครั้งแรก และช่วยให้อาซูลกรานาเก็บผลเสมอและอเวย์โกลได้ด้วย

ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 2017-2018 รอบ 16 ทีมสุดท้ายนัดแรก เป็นการพบกันระหว่าง เชลซี อดีตแชมป์เมื่อปี 2012 เปิดรังเหย้าสแตมฟอร์ด บริดจ์ ต้อนรับการมาเยือนของอดีตแชมป์ 5 สมัยอย่าง บาร์เซโลนา

อันโตนิโอ คอนเต้ กุนซือเจ้าถิ่น เลือกจัดทัพมาในแผนถนัด 3-4-3 แต่มีเซอร์ไพรส์ตรงที่การไม่มีกองหน้าตัวเป้าธรรมชาติลงเล่น โดยเลือกใช้สามประสานแนวรุกเป็น วิลเลียน, เอเด็น อาซาร์ และ เปโดร โรดริเกวซด้านผู้มาเยือนของ เอร์เนสโต้ บัลเบร์เด้ วางหมากมาในระบบที่ใช้บ่อยในช่วงหลังอย่าง 4-4-2 นำทัพโดยสองแนวรุกตัวความหวังอย่าง ลิโอเนล เมสซี ซึ่งยังเคยยิงประตูใส่สิงโตน้ำเงินครามได้เลย กับ หลุยส์ ซัวเรซ

เกมในช่วง 45 นาทีแรก แม้ว่าจะเป็นฝั่งของบาร์ซาที่มีเปอร์เซ็นต์การครองบอลเหนือกว่าถึง 76 ต่อ 24 ทว่ากลับกันกลายเป็นเชลซีที่สร้างโอกาสได้มากกว่าที่ 7 ต่อ 3 แต่ก็ยังไม่มีฝ่ายใดเฉียบคมพอที่จะทำประตูได้เลย ส่งผลให้จบครึ่งแรกทั้งสองทีมยังเสมอกันอยู่แบบไร้สกอร์ที่ 0-0

ครึ่งหลังรูปเกมก็ยังคล้ายคลึงกับครึ่งแรก แต่ที่แตกต่างออกไปเป็นเชลซีที่สามารถพังประตูขึ้นนำได้สำเร็จ ในนาทีที่ 62 จากลูกเตะมุมฝั่งซ้ายที่ เชสก์ ฟาเบรกาส เล่นสั้นจ่ายให้ อาซาร์ เลือกไหลเข้ากลางต่อให้ วิลเลียน แต่งหาเหลี่ยมก่อนจะซัดด้วยขวาบริเวณหัวกะโหลกหน้ากรอบเขตโทษ บอลพุ่งเรียดเสียบโคนเสาอย่างเฉียบคม ส่งให้ตัวแทนจากอังกฤษออกนำ 1-0

เมื่อต้องตกเป็นรอง ทำให้อาซูลกรานาพยายามเร่งเกมบรุกบุกหนักกว่าเดิมเพื่อหวังตีเสมอให้ได้ และก็มาทำสำเร็จในนาทีที่ 75 จากความผิดพลาดของ อันเดรียส คริสเตนเซน ซึ่งจ่ายบอลจากริมเส้นฝั่งซ้ายเข้ากลางไม่ตรงเพื่อนร่วมทีมจนโดน อันเดรส อิเนียสต้า ฉกลูกไปถวายพานให้ต่อให้ เมสซี โฉบมาแปด้วยซ้ายเน้นๆตุงตาข่าย ปลดล็อคยิงเชลซีเป็นครั้งแรกด้วย ทำให้สกอร์กลับมาเท่ากันอีกครั้งที่ 1-1

จากนั้นไม่มีประตูเกิดขึ้นเพิ่มเติมอีก ทำให้สุดท้ายจบเกมด้วยผลเสมอ 1-1 ก่อนจะกลับมาสู้กันต่อในนัดสองที่คัมป์นู คืนวันพุธที่ 14 มีนาคมนี้ 2.45 น. ตามเวลาประเทศไทย

โดยฝั่งของบาร์ซาที่ว่าได้เปรียบกว่า จากการยิงประตูทีมเยือนได้ ทำให้เพียงแค่ยันเสมอด้วยสกอร์ 0-0 เป็นอย่างน้อย ก็จะผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายทันที

ชมไฮไลต์
VVVVVVVV
VVVVVVV
VVVV
VVVVVV