′สิงห์′ ดุครึ่งหลังรุมทึ้ง ′จิ้งจอก′ คาบ้าน 3-1 ขอชัยอีกนัดฉลองแชมป์ลีก
เกมนี้เจ้าถิ่นที่กำลังลุ้นหนีตาย ภายใต้การคุมทัพของ ไนเจล เพียร์สัน ส่งนักเตะชุดที่ดีที่สุดลงสนาม นำโดย เจมี่ วาร์ดี้, มาร์ค อัลไบร์จตัน, เอสเตบัน กัมบิอัสโซ่ และ เลโอนาร์โด้ อูยัว
ส่วนทีมเยือนของ โจเซ่ มูรินโญ่ วาง ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา เป็นหัวหอกตัวเป้า โดยมี เอเดน อาซาร์, เชส ฟาเบรกาส, รามิเรซ สนับสนุนเกมรุก
เปิดฉากมา เชลซี เป็นฝ่ายครองเกมได้เหนือกว่า แต่กลายเป็น เลสเตอร์ ที่มาได้ประตูขึ้นนำ 1-0 จากลูกที่ วาร์ดี้ เปิดเรียดเข้ากลางมาหน้าเขตโทษ เซซาร์ อัซปิลิกูเอต้า ดันเสียหลักลื่นล้ม ก่อนเป็น อัลไบร์จตัน แปง่ายๆ เข้าไป นาที 45
จบครึ่งแรก เลสเตอร์ ออกนำ เชลซี 1-0
ครึ่งหลังเล่นไปได้แค่ 3 นาที เชลซี ตีเสมอเป็น 1-1 บรานิสลาฟ อิวาโนวิช เปิดให้ ดร็อกบา สลัดหนีตัวประกบ เลสเตอร์ ถึง 2 คน ก่อนซัดด้วยขวาเข้าไปอย่างเด็ดขาด
ถัดมานาที 79 เชลซี พลิกแซงขึ้นนำเป็น 2-1 จากลูกเตะมุม ฟาเบรกาส เปิดเข้ามา แกรี่ เคฮิลล์ โฉบขึ้นโหม่ง แต่ติดเซฟแคสเปอร์ ชไมเคิ่ล นายทวารเลสเตอร์ ก่อนบอลลอยมาเข้าทาง จอห์น เทอร์รี่ ดีดบอลตุงตาข่าย
ช่วงท้ายเกมนาที 83 เชลซี หนีห่างเป็น 3-1 จากจังหวะต่อบอลกันสวย ฟาเบรกาส ไหลให้ รามิเรซ วิ่งมาแปด้วยขวาเต็มแรง ชไมเคิ่ล หมดสิทธิ์ป้องกัน
เวลาที่เหลือไม่มีประตูเพิ่ม จบเกม เชลซี บุกมาชนะ เลสเตอร์ 3-1 ทำให้ เชลซี มีเพิ่มเป็น 80 คะแนน จากการลงเตะ 34 นัด ทิ้งห่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ อาร์เซน่อล ถึง 13 คะแนน
หากนัดต่อไปวันที่ 3 พฤษภาคม เชลซี เปิดบ้านชนะ คริสตัล พาเลซ ได้ก็จะคว้าแชมป์ลีกไปครองทันที ส่วน เลสเตอร์ หยุดอยู่ที่ 31 คะแนน รั้งอันดับ 17 ต้องดิ้นรนหนีตกชั้นต่อไป