เตเบซหอกเรือฟาดเชลซี

'เตเบซ'หอก'เรือ'ฟาด'เชลซี'

'แมนฯ ซิตี' ดิ้นเฮือกสุดท้าย 'เตเบซ' คู่ 'อาเกโร' ต้องลุ้นชนะ 'เชลซี' บิ๊กแมทช์พรีเมียร์ลีกวันอาทิตย์ที่ 24 ก.พ. เพื่อรักษาโอกาสป้องกันแชมป์ต่อไป

 

                         ศึกพรีเมียร์ลีกนัดวันอาทิตย์ที่ 24 กุมภาพันธ์ "เรือใบสีฟ้า" แมนฯ ซิตี รองจ่าฝูงที่มี 53 แต้มจาก 65 นัด ต้องดิ้นเฮือกสุดท้ายในการลุ้นป้องกันตำแหน่งแชมป์ในศึกบิ๊กแมทช์กับ "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี เวลา 20.30 น. โดยเกมนี้ทีมของ โรแบร์โต มันชินี ต้องการชัยชนะเพียงสถานเดียว เนื่องจากมีโอกาสจะถูก "ปีศาจแดง" แมนฯ ยูไนเต็ด หนีห่างไปก่อนถึง 15 แต้ม เพราะปีศาจแดงจะไปเยือนควีนส์ปาร์ค ทีมบ๊วยในวันเสาร์ ขณะที่เชลซี ของ ราฟาเอล เบนิเตซ ที่เพิ่งเข้ารอบยูโรปาลีก ก็ต้องพยายามเก็บแต้มเพื่อเกาะอันดับ 3 ต่อไป หลังจากที่สเปอร์ส ไล่เข้ามาติดเหลือเพียงแต้มเดียว

                         ในส่วนของตัวผู้เล่น แมนฯ ซิตี ถือว่ามีความสดมากกว่าจากการที่ไม่ต้องลงสนามเมื่อกลางสัปดาห์ แต่เรื่องเกมรับยังคงเป็นปัญหา เมื่ออาการเจ็บของ แวงซองต์ กอมปานี ที่เจ็บน่องยังไม่หายขาด โอกาสจะผ่านการทดสอบความฟิตมีน้อย ทำให้ โจเลน เลสคอตต์ จะได้ยืนคู่กับ มาเตยา นาสตาซิช ขณะที่แดนกลาง แกเร็ธ แบร์รี ก็ยังไม่ฟิตจึงจะเป็น ฆาบี การ์เซีย ที่เล่นเป็นกองกลางตัวรับต่อไป ในส่วนของตำแหน่งอื่นๆ ถือว่าสมบูรณ์ และฟอร์มล่าสุดกลับมาเล่นได้ดีอีกครั้งในเกมที่เอาชนะ ลีดส์ 4-0 ในศึกเอฟเอ คัพ

                         แดนกลางตัวรุกสามารถจัดลงสนามได้เต็มที่ไม่ว่าจะเป็น ดาวิด ซิลบา, ยายา ตูเร และซามีร์ นาสรี ต้องเบียดแย่งตำแหน่งกับ เจมส์ มิลเนอร์ ส่วนแดนหน้ายังน่าจะเป็นหน้าที่ของ คาร์ลอส เตเบซ ที่กลับมาสร้างความคึกคักในทีมเล่นคู่กับ เซร์คิโอ อาเกโร ทำให้ เอดิน เซโก ต้องนั่งสำรองต่ออีกนัด

                         ฝั่งเชลซี ที่เพิ่งทำศึกยูโรปาลีก มาเมื่อกลางสัปดาห์ ไม่มีปัญหาเรื่องผู้เล่นหลักๆ บาดเจ็บเพิ่ม แต่คงเป็นรองความสด เนื่องจาก ราฟาเอล เบนิเตซ ใช้ผู้เล่นตัวหลักลงสนามกันหลายคนเหมือนกัน โดยเฉพาะ จอห์น เทอร์รี, รามิเรส และฆวน มาตา รวมทั้ง เอเดน ฮาซาร์ด ก็ลงสนามเป็นตัวสำรองเช่นกัน เกมนี้ เบนิเตซ น่าจะใช้นักเตะทั้งหมดลงสนามเป็นตัวจริง และอาจจะเอา ดาวิด ลุยซ์ กลับลงสนามเป็นกองกลางตัวรับ และแดนหน้า เดมบา บา จะกลับมาเป็นกองหน้าตัวจริง

                         เกมอีกคู่ในเวลาเดียวกัน "สาลิกาดง" นิวคาสเซิล จะเปิดสนามเซนต์ เจมส์ ปาร์ค รับการมาเยือนของ "นักบุญ" เซาแธมป์ตัน เจ้าถิ่นจะได้ทีมชุดใหญ่กลับมาลงสนามเต็มที่หลังจากใช้ตัวสำรองหลายคนในเกมยูโรปาลีก อีกทั้งยังมีข่าวดีที่จะได้ ฮาเตม เบน อาร์ฟา กับ โยอัน กุฟฟราน 2 นักเตะฝรั่งเศสหายเจ็บกลับมาช่วยทีมได้อีกครั้ง ขณะที่เซาแธมป์ตัน ต้องลุ้นทดสอบความฟิตผู้เล่นหลายคนไม่ว่าจะเป็น กาสตอน รามิเรซ, ลุค ชอว์, กีเยร์เม โด ฟราโด และชูเซ ปอนเต

                         ด้านเกมลีกคัพ นัดชิงชนะเลิศที่สนามเวมบลีย์ เวลา 23.00 น. "หงส์ขาว" สวอนซี จะลงสนามพบ แบรดฟอร์ด จอมพลิกล็อกจากลีกทู ปัจจุบันเป็นทีมอันดับ 11 ของตาราง เกมนี้ ไมเคิล เลาดรุป ผู้จัดการทีมสวอนซี จะขนทีมชุดใหญ่กลับมาลงสนามอีกครั้ง หลังจากที่ใช้ตัวสำรองหลายคนในเกมล่าสุดที่ไปแพ้ ลิเวอร์พูล 0-5 มิชู จะกลับมายืนเป็นหัวหอกตัวจริง เช่นเดียวกับ แอชลีย์ วิลเลียมส์ ในแนวรับ แต่ปัญหาคือต้องลุ้นหนักกับ ชิโก ฟลอเรส กองหลังสเปนที่เจ็บข้อเท้า

                         แบรดฟอร์ด ถือเป็นจอมล้มยักษ์ในฟุตบอลถ้วยฤดูกาลนี้ โดยตั้งแต่รอบ 4 เอาชนะทีมจากพรีเมียร์ลีกมาได้ตลอด ในรอบ 4 บุกไปชนะ วีแกน ด้วยการดวลจุดโทษหลังจากเสมอกัน 0-0 ก่อนที่รอบ 8 ทีมสุดท้ายก็ดวลจุดโทษเอาชนะ อาร์เซนอล หลังเสมอกัน 1-1 และรอบรองชนะเลิศ 2 นัด เอาชนะ แอสตัน วิลลา 3-1 ในนัดแรกก่อนไปแพ้ที่วิลลา ปาร์ค 1-2 แต่ก็ยังเข้าชิงชนะเลิศด้วยประตูรวม 4-3

                         ฟอร์มในลีกทีมของกุนซือฟิล พาร์กินสัน อาจจะไม่ดีนักแต่บอลถ้วยมักจะทำหน้าที่ได้ดี และเกมนี้ก็ไม่มีปัญหาเรื่องผู้เล่นบาดเจ็บ หรือติดโทษแบนเพิ่ม รวมทั้งมีการพักนักเตะหลักๆ เพิ่มเกมนี้เช่นกัน และจะมี ราห์กี เวลล์ส กับ เจมส์ แฮนสัน สองหัวหอกเป็นตัวทีเด็ดในแดนหน้า

 

 

--------------------

(หมายเหตุ : ที่มาภาพ : AFP)


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์