มองอย่าง “ซิโก้” บอลไทยในเอเชียนเกมส์

ซิโก้ ตำนานเบอร์ 13


ระหว่างกลับมาเยือนบ้านเกิดหลังจากผันตัวไปรับงานคุมสโมสร ฮอง อันห์ ยาลาย ในเวียดนามเมื่อต้นปีที่ผ่านมาอดีตศูนย์หน้าทีมชาติชุดคว้าอันดับ 4 สองสมัยในเอเชี่ยนเกมส์ที่กรุงเทพฯ และ ปูซาน “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ได้ให้สัมภาษณ์พิเศษกับผู้สื่อข่าวกีฬา MGR Sport ถึงการทำงานในแวดวงวี ลีก และ โอกาสที่จะกลับมากุมบังเหียนสโมสรอาชีพในเมืองไทย รวมไปถึงบทวิคราะห์สำคัญต่อความน่าจะเป็นของทีมชาติไทยใน เอเชี่ยนเกมส์ปลายปีนี้ที่กวางเจาว่า “ช้างศึก” ชุดนี้จะกลายเป็น ดรีมทีม ดังเช่นในอดีตได้หรือไม่

“ซิโก้” เริ่มต้นบทสัมภาษณ์ด้วยการตอบคำถามถึงผลงานในเวียดนามว่า “ฤดูกาลที่เพิ่งจบลงไป ผมคุม ฮอง อันห์ ยาลาย ได้อันดับ 7 ในวี-ลีกจากทั้งหมด 14 ทีม และได้รองแชมป์เอฟเอ คัพ ซึ่งผู้บริหารก็พอใจกับผลงานในระดับหนึ่ง”

เมื่อถูกถามถึงอนาคตหลังจากนี้ อดีตหัวหอกวัย 37 ปี เผยว่า “ผมคิดว่าจะกลับมาอยู่เมืองไทยอีกครั้งหนึ่ง และอาจคุม ฮอง อันห์ ยาลาย แค่ฤดูกาลเดียวคือฤดูกาลที่แล้ว แม้สัญญาปัจจุบันจะยังเหลืออยู่ก็ตาม ซึ่งต้องไปคุยกับผู้บริหารอีกทีหนึ่ง ส่วนการกลับมาคุมทีมในไทยพรีเมียร์ลีกนับเป็นสิ่งที่ผมสนใจมาโดยตลอด แต่ ณ เวลานี้ผมยังไม่คิดถึงเรื่องที่ว่าจะไปคุมทีมไหน เพราะยังต้องเรียนโค้ชให้จบระดับเอ ไลเซนส์ ส่วนตอนนี้ผมก็ทำงานให้กับ สปอนเซอร์ ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนหลักของฟุตบอลไทยพรีเมียร์ลีก”

สำหรับความเคลื่อนไหวของทัพลูกหนังไทย เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ก็ติดตามอย่างใกล้ชิด ผู้สื่อข่าว MGR Sport จึงถามความคิดเห็นเกี่ยวกับการเตรียมทีมลุยศึก “กวางเจาเกมส์” ในเดือนพฤศจิกายนนี้ โดยมีอุปสรรคอยู่ที่โปรแกรมทั้งไทยพรีเมียร์ลีก, เอฟเอ คัพ และ โตโยต้า ลีกคัพ ซึ่งวางคิวกันถี่ยิบจากสุดสัปดาห์ต่อด้วยกลางสัปดาห์แล้วไปเล่นสุดสัปดาห์ ต่อจนอาจทำให้นักเตะกรอบก่อนลงแข่งรายการสำคัญ

เรื่องดังกล่าว “ซิโก้” แสดงความคิดเห็นว่า “เรื่องนี้มีผลกระทบต่อสภาพร่างกายของผู้เล่นแน่นอน แต่ในระดับสากลเมื่อถึงเวลาลงเตะทีมชาติแต่ละครั้งก็ต้องมารายงานตัวกันก่อน เพียง 7-15 วันตามกำหนดของฟีฟ่า ซึ่งไทยอาจจะยังไม่ชินกับระบบนี้เพราะเคยเก็บตัวกันเป็นเดือนๆ แต่ตอนนี้เราพัฒนาสู่ระบบอาชีพแล้วก็ต้องปรับตัวให้ได้โดยเอาความฟิตไปสู้ ซึ่งขึ้นอยู่กับผู้เล่นที่ต้องดูแลตัวเองให้ดี รวมถึงการทำความเข้าใจแท็กติกของโค้ชให้ได้ แต่หากมีผู้เล่นบาดเจ็บก่อนเดินทางไปแข่งขันก็เป็นหน้าที่ของโค้ชในการเลือก ตัว”

ส่วนผลงานในการอุ่นเครื่อง 3 นัดที่ผ่านมาซึ่ง ไทย คว้าชัยมาได้ทั้งหมด อดีตดาวเตะชุดดรีมทีมกล่าวว่า “เราชนะ สิงคโปร์ ต่อด้วย อินเดีย ทั้งในบ้านและนอกบ้าน ซึ่งแนวทางการเล่นที่เน้นต่อบอลมากขึ้นถือเป็นสิ่งที่น่าพอใจ อีกทั้งเกมไปเยือน อินเดีย เราก็ใช้ผู้เล่นชุดเอเชียนเกมส์เป็นส่วนใหญ่โดยมีตัวเก๋าลงเล่นเพียงไม่กี่ คน ซึ่งโดยรวมถือว่าเราทำได้ดี”

ในเรื่องของโปรแกรมอุ่นเครื่องเตรียมทีมต่อจากนี้ที่ ไทย เชิญ เลสเตอร์ ซิตี มาลับแข้งในวันที่ 9 ตุลาคม และเชิญ เวียดนาม, สิงคโปร์ และ กาตาร์ แชมป์เอเชียนเกมส์ครั้งที่แล้วมาทำศึก 4 เส้าระหว่าง 27-31 ตุลาคม กองหน้าจอมตีลังกาแสดงทัศนะว่า “การเตรียมทีม 4 นัดถือว่าเหมาะสมแล้วเมื่อพิจารณาจากคิวเตะในประเทศที่อัดแน่น ที่เหลือก็อยู่โค้ชอย่าง ไบรอัน ร็อบสัน ว่าจะปรับทีมอย่างไรให้ลงตัว และนักเตะจะรักษาสภาพร่างกายให้พร้อมสำหรับลงแข่งขัน ตลอดจนมีความเข้าใจแท็กติกมากน้อยแค่ไหน”

ท้ายสุด “ซิโก้” พูดถึงความคาดหวังกับทีมฟุตบอลชายไทยในกวางเจาเกมส์ว่า “แม้เรายังไม่รู้ผลการจับสลากแบ่งสายว่าจะเจอกับใครบ้าง แต่ผมอยากให้เราสร้างประวัติศาสตร์เข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ หลังจากเคยทำได้ดีที่สุดด้วยการคว้าอันดับ 4 มา 3 ครั้ง ซึ่งแม้โอกาสจะค่อนข้างลำบาก แต่จากผลงานดังกล่าวเราได้แสดงให้เห็นว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้ แต่ถ้าไปไม่ถึงตรงนั้นก็ขอให้ทุกคนทำผลงานอย่างเต็มที่ให้แฟนบอลชาวไทยได้ ประทับใจ”

โดย เอเอสทีวี ผู้จัดการออนไลน์


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์