อาร์เซนอลกลัวน้อยหน้าลิเวอร์พูลหลังเปิดเอมิเรตส์ สเตเดี้ยมต้อนตือสปาร์ต้า
ปรากจากเช็กเละเทะ 3-0 โดยโรซิคกี้ยิงทีมเก่าตั้งแต่นาทีที่ 8 ก่อนที่ฟาเบรกาสและเอดูอาร์โด้จะมาปิดกล่องเข้าไปลุ้นจับติ้วแชมปเปี้ยนส์ลีกวันนี้เวลาห้าทุ่มบ้านเรา
อาร์เซนอล 3-0 สปาร์ต้า ปราก
สนาม : เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม
ประตู : 1-0 โทมัส โรซิคกี้ น.8, 2-0 ฟรานเชสก์ ฟาเบรกาส น.82,3-0 เอดูอาร์โด้ น.89
ผู้ชม : 58,462 คน
อาร์เซนอล ลงสนามในเกมนี้แบบได้เปรียบอยู่ไม่น้อย
เพราะบุกไปชนะในเกมแรกมาถึง 2-0 ซึ่งก็ทำให้เวนเกอร์กล้าที่จะพักผู้เล่นตัวหลักหลายรายอย่างเช่นฟรานเชสก์ ฟาเบรกาส ขณะที่สปาร์ต้า ปราก ได้โทมัส เร็ปก้ากองหลังตัวหลักผ่านความฟิตลงสนามได้
เกมเริ่มต้นมาทางด้านเจ้าถิ่นก็เป็นฝ่ายครองเกมเปิดฉากบุกเข้าใส่ตามสไตล์
และก็เริ่มต้นได้สวยมากโดยทำประตูขึ้นนำได้ตั้งแต่นาทีที่ 7 จากการประสานงานริมเส้นของฮอยท์สู่วัลคอตต์ ก่อนที่ปีกดาวรุ่งจะเปิดเข้ากลางมาอย่างแม่นยำให้โทมัส โรซิคกี้ วิ่งมาแปเสียบมุมเข้าไปอย่างสวยงาม ทำให้อาร์เซนอลขึ้นนำ 1-0 และยังทำให้สกอร์รวมหนีห่างเป็น 3-0 สบายใจสุดๆ
กันเนอร์สยังทำเกมได้ดีกว่า
โดยมีโอกาสใกล้เคียงอีกครั้งเมื่อเอดูอาร์โด้ ดา ซิลวา ฉีกไปเปิดบอลจากซ้ายลูกโค้งลึกมาที่เสาไกลแต่ฟาน เพอร์ซี่ ที่สลัดตัวประกบมาได้แล้วกลับยิงวืดไปแบบน่าเสียดาย
ดูดู้ยิงปิดท้ายปืนถล่มหายห่วง3-0
จากนั้นอาร์เซนอลก็ยังทำได้ดีกว่าโดยที่สปาร์ต้า
ปรากแทบจะไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย จนกระทั่งในนาทีที่ 32 พาเวล ฮอร์วัธก็สบโอกาสได้ลองตั้งป้อมยิงด้วยซ้ายลูกเฉี่ยวเสาไปไม่กี่คืบ
เท้าซ้ายของฮอร์วัธเกือบแผลงฤทธิ์ได้อีกครั้ง
เมื่อจ่ายบอลจากแดนตัวเองตัดแนวรับของอาร์เซนอลได้ทั้งแผง ลูกไปถึงแยน โรเซ็คกองหน้าที่สอดขึ้นไปรับบอลได้เหมาะเจาะและได้หลุดเดี่ยวแต่จังหวะสุดท้ายกลับยกบอลข้ามตัวอัลมูเนียไปได้แต่ลูกก็ออกข้างไปอีกแบบน่าเสียดาย แต่ทางเจ้าถิ่นก็ไม่ปล่อยให้ทีมเยือนได้ใจ ค่อยๆกลับมาเล่นตามจังหวะของตัวเองอีกครั้งก่อนที่จะรักษาสกอร์นำ 1-0 เอาไว้ได้จนหมดครึ่งเวลาแรก
เข้าสู่ครึ่งหลังสปาร์ต้า ปรากซึ่งต้องทำถึง 3 ประตู
จึงจะพลิกกลับมาเป็นผู้เข้ารอบก็พยายามอย่างยิ่งที่จะทวงประตูคืนให้ได้โดยเร็วที่สุด แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรแนวรับของอาร์เซนอลที่ยืนปักหลักกันได้แข็งแกร่ง
อาร์เซนอลเล่นประคองตัวไปเรื่อยๆไม่รีบร้อนอะไร
และยังมาทำประตูเพิ่มได้อีกในนาทีที่ 82 จากการประสานงานที่สุดยอดจากดา ซิลวาที่โชว์ลีลาแตะอ้อมตัวประกบก่อนเปิดหักเข้ามากลางประตูถึงเชสก์ที่เพิ่งลงสนามมาได้ไม่นานแต่งบอลหนึ่งจังหวะก่อนอัดเต็มเท้าเข้าไปอย่างสวยงาม
และก่อนหมดเวลานาทีเดียว
"ดูดู้" ที่เล่นได้โดดเด่นตลอดเกมก็มาทำประตูเองได้บ้าง เมื่ออเดบายอร์ไหลให้เดนิลสัน เติมไปเปิดทางขวาเข้ามาให้ดา ซิลวา พุ่งเข้าฮอสระยะเผาขนเข้าไป เป็นประตูปิดท้ายในชัยชนะ 3-0 ของทีม "ปืนใหญ่" และยังเป็นประตูแรกของหัวหอกทีมชาติโครเอเชียเชื้อสายบราซิลอีกด้วย